ความจริงหลี่ซินเหมยทราบดีว่าปัญหาของตนอยู่ที่รองเท้า ทว่านางยังไม่มีโอกาสได้เข้าเมือง ไปซื้อหารองเท้าที่เหมาะสมกับการทำงานในแปลงผัก ช่วงนี้จึงจำต้องอดทนไปก่อน จนกว่าจะถึงวันหยุดของนางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
คนสวนของสกุลโจวจะได้หยุดงานทุก ๆ สิบวัน ทว่าก็ไม่ได้หยุดพร้อมกันเสียทีเดียวทั้งหมด
ผ่านไปได้ชั่วยามเศษ ผลิตผลทางการเกษตรตามรายการที่คุณชายโจวเล่อเทียนออกคำสั่งให้เก็บเกี่ยวก็ถูกบรรจุเต็มตะกร้าจำนวนหลายใบ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ข้าวของทั้งหมดก็ถูกลำเลียงขึ้นเกวียนจำนวนห้าเล่ม โดยผู้ที่ดูแลรับผิดชอบ คือลูกจ้างที่ทำงานให้สกุลโจวนานกว่ายี่สิบปี อาเหยียนจึงมิต้องกังวลเรื่องการจัดหาคนดูแลให้ลำบาก
ระหว่างนั้นหลี่ซินเหมยก็มิได้ทำตัวไร้ประโยชน์ นางเร่งมือช่วยหญิงชราผู้รับหน้าที่ดูแลโรงครัว มือเรียวที่เพิ่งจะหายจากการบาดเจ็บ เร่งจัดการห่อข้าวห่อน้ำ และนำไปมอบให้กลุ่มคนที่จะต้องออกเดินทางในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า
“นังหนูซินเหมยมีน้ำใจดียิ่งนัก อยากได้สิ่งของอันใดจากเมืองหลวงหรือไม่”
ชายชราถามซ้ำอีกหลายคำ จนกระทั่งมั่นใจแล้วว่านางไม่ต้องการสิ่งของอันใดตอบแทน ทั้งยังแก้ไขด้วยว่าทุกอย่างคือฝีมือของแม่ครัว นางเพียงแค่ช่วยทำเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้นเอง
เกวียนบรรทุกพืชผักสำหรับครัวหลวงจากไปได้สักพักแล้ว ทว่าอาเหยียนและคนสวนที่เหลือกลับมิได้หยุดพัก เร่งเก็บพืชผักที่ยังเหลืออยู่ใส่ตะกร้า เตรียมนำไปขายที่ตลาดเมืองเฉินหยาง ในช่วงบ่ายแก่ ๆ ที่จะถึงนี้ ความจริงหลี่ซินเหมยก็อยากจะร่วมเดินทางไปด้วย ทว่าเนื้อตัวของนางสกปรกมอมแมมเกินกว่าจะมีหน้าไปสู้ใครในเมืองได้
แต่จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ยังไม่มีวันใดที่นางสะอาดสะอ้านกลับบ้านเลยสักวัน โชคดีที่จ้าวจินอิ๋งยังพอมีแรงเหลืออยู่บ้าง เสื้อผ้าทำสวนที่นางสวมใส่จึงถูกทำความสะอาดอย่างดี
คิดถูกแล้วที่มิยอมเสียเงินซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ สวมใส่เสื้อผ้าเก่าที่คุณชายโจวบริจาคมานั่นก็เหมาะสมดีแล้ว
“วันนี้คงไม่ได้ไปส่งเจ้าที่บ้าน อย่าอยู่ทำงานเพลิดเพลินจนมืดค่ำ เข้าใจหรือไม่” อาเหยียนสะพายตะกร้าที่บรรจุผักจนเต็มขึ้นบนแผ่นหลังแข็งแรง หลังจากออกคำสั่งต่อน้องสาวต่างสายเลือด
“พี่เหยียนไม่ต้องกังวล ข้าจัดการวัชพืชแปลงนี้เสร็จแล้วก็จะรีบกลับทันที” นางโบกมือลาจนทุกคนหายลับตา ก่อนจะย้ายตัวไปจัดการดินแห้งแข็งที่อ่อนตัวลงมากแล้ว
ภายในสิบวันนี้นางจะต้องได้ปลูกสมุนไพรตามที่ต้องการ หลี่ซินเหมยมิคิดสร้างรายได้จากการใช้แปลงผักของผู้อื่นเป็นเครื่องมือทำมาหากิน นางเพียงต้องปลูกสมุนไพรสำหรับท่านย่า เผื่อเอาไว้ในกรณีที่สมุนไพรในบ้าน ถูกโรคร้ายหรือแมลงทำลายกัดกิน
มือเรียวแบกเอาน้ำมาถังหนึ่ง ก่อนจะสาดลงไปบนดินที่ต้องการฟื้น ความจริงนางจะวานขอให้ใครช่วยเหลือเรื่องนี้ก็ได้ ทว่าหลี่ซินเหมยมิใช่คนชอบติดค้างผู้อื่น ปากของนางจึงยังปิดสนิท มิยอมขอให้เพื่อนร่วมงาน ช่วยลงแรงออกกำลังฟื้นหน้าดินแห้งแข็ง
“ต้องปล่อยให้น้ำหยดลงทีละน้อย...”
“ว้าย!” เสียงทุ้มดังแทรกความเงียบ ทำให้หลี่ซินเหมยตกใจจนลื่นล้มอีกครั้ง
“ขอโทษที ข้ามิได้ตั้งใจ เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”
คุณชายเจ้าสำอางสวมหมวกใบโต ทว่าคราวนี้ไม่มีผ้าบาง ๆ ป้องกันแสงแดดที่สาดส่องกระทบดวงหน้าซีดขาว หลี่ซินเหมยเห็นดังนั้นจึงรีบมองไปยังท้องฟ้า ปรากฏว่ายังคงมีเมฆจำนวนหนึ่ง และนั่นคงทำให้คุณชายมิต้องระวังตัวมากนัก
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าล้มเสียจนชินแล้ว”
“นั่นเพราะรองเท้าของเจ้าไม่ดี ว่าแต่ มือหายดีแล้วหรือ”
“หายดีแล้วเจ้าค่ะคุณชาย”
ความสุภาพของหลี่ซินเหมยทำให้บุรุษที่ร่างกายมิค่อยแข็งแรงนักรู้สึกประหลาดใจ ก่อนหน้านี้นางพูดจากับเขาเสียงแข็ง ทั้งยังทำหน้าคล้ายรำคาญกันอยู่ตลอดเวลา แล้วเหตุใดวันนี้จึงนึกอยากจะมีมารยาทขึ้นมาได้
“ไม่เห็นหน้าคุณชายหลายวัน สบายดีหรือไม่เจ้าคะ”
หลี่ซินเหมยสอบถามพลางสำรวจทั่วร่างของคนตรงหน้า
ส่วนโจวเล่อเทียนกลับหน้าถอดสี เพราะพอจะเดาได้ถึงสาเหตุที่ทำให้โฉมงามหนึ่งเดียวของแปลงผักหลวง ยอมอ่อนโยนและพูดจาดีกว่าปกติอยู่หลายส่วน
“อาเหยียนคงเล่าให้เจ้าฟังว่าข้าไม่ค่อยแข็งแรง...”
“พี่เหยียนบอกว่ามาคุณชายมิค่อยถูกกับอากาศร้อนเจ้าค่ะ”
“ข้าแค่ไม่ชอบให้ตัวเองมีเหงื่อ” โจวเล่อเทียนมองลงต่ำ พยายามสะกดความไม่พอใจที่เรื่องส่วนตัวถูกเปิดเผย ให้คนที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ได้นานได้รับทราบ
“จริงสิเจ้าคะ ข้าตั้งใจว่าจะเข้าไปช่วยงานตามข้อเสนอ ทว่าช่วงเช้าคงต้องขอช่วยทำงานในสวนก่อน และช่วงบ่ายค่อยไปช่วยจัดการเรื่องบัญชีและช่วยเขียนบันทึก เช่นนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ”
หลี่ซินเหมยยิ้มเสแสร้งเอาใจคุณชาย
นางทราบดีว่าความหวาดระแวงว่าจะกลับไปเจ็บป่วยสร้างความกังวลให้กับคนไข้มากเพียงใด ความจริงหากท่านพ่อยังอยู่ก็คงจะพอช่วยเหลือ ตรวจสอบอาการหายาบำรุงร่างกายให้ได้อยู่บ้าง
หลี่ซือเฉิน คือหนึ่งในหมอยามากความสามารถที่คนทั่วแดนเหนือเคารพนับถือ หากแต่เหตุการณ์สำคัญบางอย่างทำให้ชื่อเสียงด้านดีเลือนหาย เหลือเพียงถ้อยคำสาปแช่ง ดังตามหลังทุก ๆ ครั้งชื่อของเขาถูกกล่าวถึง
“ซินเหมย ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเข้าไปทำงานในบ้านแล้ว หากทำสวนมิไหว ก็คอยช่วยเหลือเรื่องบันทึกการเบิกจ่ายและรับของคืน คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปตามเรื่อง ส่วนดินแห้งแข็งพวกนี้ ให้วางถังน้ำที่มีรอยรั่วสักสี่ห้าถังในช่วงเย็น เพราะช่วงเวลานั้นแดดไม่ค่อยแรงมาก น้ำจะค่อย ๆ ซึมลงดิน ได้ผลกว่าการสาดน้ำไร้ทิศทางอย่างที่เจ้าทำอยู่หลายส่วน”
ที่แท้คุณชายลอบออกมาช่วยนางเปลี่ยนดินแห้งแข็งให้มีสภาพที่เหมาะกับการเพาะปลูกพืชสมุนไพร แล้วเหตุใดเขาจึงมิยอมให้นางกลับเข้าไปทำงานด้วยเล่า
“คุณชายจะไปไหนหรือเจ้าคะ” หลี่ซินเหมยรีบวิ่งไปขวาง มิยอมให้คุณชายเดินกลับเข้าในบ้านโดยง่าย
“จะกลับเข้าไปพักแล้ว ไม่อยากอยู่กวนใจผู้ใดอีก” ปลายเสียงของโจวเล่อเทียนตวัดสูง บอกชัดว่ากำลังมิพอใจ
“แล้วเหตุใดจึงเปลี่ยนใจไม่อนุญาตให้ข้าเข้าไปช่วยงานในบ้าน” สตรีที่สูงเพียงแค่อกของคุณชายเจ้าสำอาง เอาตัวเองเข้าขวางคู่สนทนา แสดงท่าทางคุกคามหมายเค้นเอาคำตอบที่อยากจะได้
โจวเล่อเทียนเห็นว่าเนื้อตัวของนางมอมแมมและใบหน้าเปรอะเปื้อนจึงรีบถอยห่าง เพราะเกรงว่าทั้งดินและโคลนจะทำให้เสื้อผ้าราคาแพงสกปรกตามไปด้วย
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำตามใจข้าเพราะความสงสาร ข้าไม่ได้น่าสมเพชมากถึงปานนั้น!”
“ไม่นึกว่าคุณชายจะชอบพูดจาไร้สาระ! คุณชายมีอะไรให้ข้าสงสารหรือ งานการก็ไม่ต้องทำ ตากแดดทำสวนหรือก็ไม่ต้อง ซ้ำอาหารก็ยังมีพร้อม โดยที่ไม่ต้องลำบากหากินเองเสียด้วยซ้ำ!”
หลี่ซินเหมยตะโกนเสียงดังพลางขยับตัวเข้าประชิด นึกอยากจะแกล้งคนขี้น้อยใจให้มากสักหน่อย
“นี่เจ้ากล้าตะคอกข้า!” ทว่ายังมิทันจะได้ตวาดต่อ นางก็ชิงเอาพัดในมือของคุณชายมาถือเอาไว้เสียเอง
“ตะคอกแล้วอย่างไรเจ้าคะ!” พอมิได้คำตอบ หลี่ซินเหมยจึงใช้พัดฟาดเข้าที่ต้นแขนของคุณชายอย่างแรง
“สตรีใจร้าย! เหตุเจ้าจึงต้องตีข้าด้วย!” โจวเล่อเทียนลูบแขนตนเบา ๆ มิได้รู้สึกเจ็บ ทว่าตกใจเสียมากกว่า
“หากยังไม่ยอมยืนอยู่นิ่ง ๆ และสนทนากันให้รู้เรื่อง ข้าจะราดตัวคุณชายด้วยปุ๋ยหมักถังนั้น!” หลี่ซินเหมยวางพัด พร้อมกับโปรยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางกรีดนิ้วมือชี้ไปยังถังไม้ที่มีกลิ่นฉุนลอยตลบอบอวล