เขาค่อยๆ ดันตัวขึ้นจากพื้นอย่างเชื่องช้า กะพริบตาถี่ๆ หลายครั้งเพื่อปรับให้สายตาคุ้นชินก่อนจะกวาดมองไปรอบข้าง เมื่อเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคย เขาก็พรวดพราดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกระลอกทันทีที่หันไปเห็นหญิงสาวในชุดแปลกตายืนจังก้าเตรียมพร้อมจู่โจมเขาอยู่
มีนาเองก็ตกใจเช่นกัน เห็นชายหนุ่มลุกขึ้นมายืนก็ร้องลั่น อีกฝ่ายก็ผงะ ต่างคนต่างตกใจใส่กัน แต่เหมือนชายหนุ่มจะตั้งสติได้ก่อนขณะที่หญิงสาวหวีดร้องไม่หยุด
“คุณเป็นใครน่ะ! เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
คนถูกถามไม่สนใจที่จะตอบคำถามเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวมองปราดคนตัวเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนถามออกมาบ้าง
“แม่นางเป็นใครกันรึ”
ยัง...ยังจะมีหน้ามาถามกลับอีก!
“ตอบคำถามฉันมาก่อน!”
คนถูกย้อนถามไม่ตอบ โวยวายใส่ ขณะที่ชายหนุ่มเลิกสนใจหญิงสาวเจ้าของห้อง กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าตะลึงงันคล้ายกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน พลันริมฝีปากก็ครางออกมา
“ที่นี่มัน...”
“นี่! ฉันถามว่าคุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง แอบเข้ามาทางไหนหา!?”
เห็นว่าคนแปลกหน้าไม่ตอบ มัวแต่ทำท่าทางประหลาดๆ มีนาจึงร้องถามไปอีก ตั้งใจส่งเสียงดังเข้าไว้ กะว่าถ้ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น ข้างห้องอาจจะได้ยินเสียงเธอบ้างอะไรอย่างนั้น ในใจของมีนาตอนนี้ค่อนข้างจะหวาดกลัวมากเลยทีเดียว
แล้วเธอก็สะดุ้งขึ้นมาอีกคราทันทีที่เห็นว่าเขาเริ่มก้าวเท้าสำรวจซอกมุมของห้อง
ไม่ได้เดินมาทางเธอหรอก เดินไปทางอื่น แต่ก็ทำให้น้ำเสียงของหญิงสาวสั่นเทาขึ้นมาได้ทันควัน
“คะ...คุณต้องการอะไร!?”
ชายหนุ่มไม่ตอบ มัวแต่ยืนมองวัตถุประหลาดที่วางอยู่บนพื้นก่อนจะคว้ามันขึ้นมาดู
บะ...บราเซียลูกไม้สีม่วงที่ถอดแล้วโยนทิ้งไปเมื่อวาน!
มีนาเห็นก็เบิกตาโต ส่งเสียงกรีดร้อง
“ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ! วางมันลง!”
คนถูกทักหันมามองยังต้นเสียง มีนาเลยสำนึกได้ว่าตอนนี้เธออยู่ในสภาพโนบราจึงรีบเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับใบหน้าร้อนผะผ่าว กระนั้นก็ยังไม่หยุดออกคำสั่ง
“บอกให้วางมันลงไง!”
คนถูกสั่งยอมวางแต่โดยดี สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเขา ในฐานะคนแปลกหน้าที่มาเยือนก็ควรจะเคารพเจ้าของบ้าน
ดวงตากลมของหญิงสาวเหลือบมอง เห็นชายหนุ่มวางเสื้อชั้นในลูกไม้ของเธอลงที่เดิมแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะตั้งใจไล่เขาออกไปให้เร็วที่สุด การที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาอยู่ในห้องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด
ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็หันมาถามเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้ว
“ที่แห่งนี้ใช่ฮันยางหรือเปล่าแม่นาง”
กลายเป็นมีนาบ้างแล้วที่ทำหน้างุนงงเมื่อเขาเอ่ยชื่อเมืองหลวงของโชซอนซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณของเกาหลี ถึงเธอจะไม่รู้ประวัติศาสตร์เกาหลีละเอียดนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าฮันยางคืออะไร ที่ไม่เข้าใจก็คือ...ผู้ชายคนนี้ถามเรื่องนี้ทำบ้าอะไร
“คุณหมายความว่าอะไร” ครางถามออกมาอย่างไม่ไว้ใจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหลอกล่อเธอให้ตายใจด้วยคำถามแปลกๆ ก็ได้ เธอเคยดูข่าวนะว่าพวกอาชญากรสมัยนี้มักใช้คำถามเชิงจิตวิทยามาทำให้เหยื่อติดกับ
พูดจบ สายตาก็จ้องจับผิดไปด้วย อีกฝ่ายไม่แสดงอาการอื่นใดแม้แต่น้อยนอกจากดูงุนงงกับสถานที่ที่ตนยืนอยู่
“ที่นี่ดูไม่เหมือนฮันยางเลย ช่างดู...แปลกตา” อีกฝ่ายตอบเชื่องช้า
มันก็แน่อยู่แล้ว ฮันยางอะไรล่ะ นี่มันกรุงโซล!
แต่จริงๆ กรุงโซลก็คือฮันยาง เพียงแต่เปลี่ยนชื่อหลังจากอาณาจักรโชซอนล่มสลาย สำคัญกว่านั้นคือไม่รู้ทำไมจู่ๆ มีนาก็เอะใจขึ้นมาแปลกๆ ว่าผู้ชายท่าทางประหลาด ซ้ำยังแต่งตัวเหมือนไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ที่ยืนทำหน้าเหลอหลาตรงหน้าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่เธอร้องขอต่อสรวงสวรรค์เมื่อคืนนี้
คิมคังยู...
หรือว่าจะเป็นคิมคังยู พระรองในนิยายคนนั้น!?
“คุณคือ...คิมคังยู?”
ด้วยอารามตกใจถึงได้เอ่ยไปอย่างนั้นทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย หากแต่ชายหนุ่มกลับพยักหน้าตอบกลับมาพร้อมกับเรียวคิ้วสวยที่ย่นยู่
“รู้จักข้าเช่นนั้นรึ”
มีนาอ้าปากค้างทันควัน พูดไม่ออก ก้าวขาก็ไม่ออก ตอบคำถามของคนตรงหน้าก็ไม่ได้
คุณพระ! โผล่มาได้ไงกันเนี่ย!
ไม่น่าเป็นไปได้!
มีนาคิดอย่างนั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะที่จู่ๆ พระรองในหนังสือนิยายจะโผล่ออกมาให้เห็นตัวเป็นๆ อย่างนี้น่ะ ถ้าเธอยังไม่สร่างเมาก็คงฝันอยู่อย่างแน่นอน!
ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองสองสามทีไม่แรงนักแต่ก็ยังไม่ตื่นเลยตบเต็มแรงไปทีหนึ่ง ยังไม่ตื่นอยู่ดี แถมเจ็บจนต้องสูดปากซี้ดอีกด้วย
การกระทำของเธอเรียกสายตาของแขกไม่ได้รับเชิญให้หันมามอง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะได้สติกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เขาดูไม่ตกใจอย่างตอนแรกที่ลืมตาขึ้นมา โน้มตัวลงไปหยิบเอาเครื่องแต่งกายมาสวมเต็มยศ ก่อนจะเริ่มออกเดินสำรวจไปรอบห้องอย่างไม่เกรงใจ มีนาจึงใช้โอกาสนี้ปราดมองอีกฝ่ายอย่างพินิจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกระลอก