~ สาริญ ~
มีบางอย่างเกิดขึ้น ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร พ่อแม่ของพวกเราอารมณ์ดีมากเหลือเกิน พ่อแม่ของอติกรกำลังจับมือกับพ่อแม่ของพวกเราเหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะทำสัญญาอะไรสักอย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยละ และขณะที่ฉันควรจะมีความสุขไปด้วย แต่ฉันกลับรู้สึกตึงเครียดและไม่ค่อยอยากจะเชื่อกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างแรก พี่น้องของฉันไม่อยู่ที่นี่เลยทั้ง ๆ ที่มันเป็นการตกลงทางธุรกิจ ‘สำคัญ’ ถ้าเกิดมันสำคัญขนาดนั้น พวกเขาก็ต้องมาที่นี่ด้วยน่ะสิ ทำไมพ่อแม่ของฉันถึงได้ย้ำนักหนาว่าต้องพาฉันมากับพวกเขาด้วยล่ะ มีบางอย่างบอกฉันว่าฉันจะได้คำตอบเร็ว ๆ นี้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ฉันถามแม่ของฉันเมื่อฉันดึงเธอออกมาอยู่สองต่อสองได้ “มีอะไรที่แม่ไม่บอกหนู หนูอยากรู้ว่ามันคืออะไร”
ฉันใช้ปลายนิ้วลูบไปที่แก้วด้วยความร้อนใจพลางรอฟังคำตอบที่ถูกต้อง
มันจะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้แม่พาฉันมาที่นี่ด้วย ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าแม่ไม่ได้ลากฉันมาโดยที่ไม่มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝง
หรือบางทีฉันอาจจะลองพยายามหนีออกจากที่นี่ ฉันรู้ว่าปัญหามันรออยู่ตรงหน้า แต่ฉันแค่ไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นปัญหาแบบไหนกัน
ลมหายใจของฉันชะงักอยู่บริเวณลำคอเมื่อประตูตรงหน้าพวกเราเปิดออกอย่างจังพลันเห็นผู้ชายในฝันของฉันปรากฏตัวขึ้น อติกร หริณะนั่นเอง เหมือนเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่ต่างจากตอนที่เข้าเดินเข้ามาในห้องเหมือนทุกครั้งไป ไหล่กว้างของเขาแทบจะปิดทางเข้าจนมิด จนทำให้ทางเข้าดูเหมือนจะเล็กกว่าที่เคยเป็น
ดวงตาของเขาทั้งเย็นชาและดูอันตรายในตอนที่เขากำลังมองหาใครสักคนในห้อง ด้านหลังของเขาก็คือเหล่าพี่น้อง ทั้งดนัยและดนุภัทรดูไม่สบายใจเท่าไหร่ ส่วนฉันก็มัวแต่มองอติกรจนไม่ได้สนใจว่ามีอะไรกวนใจพวกเขาอยู่ ดวงตาของเขาสบตากับฉันเล็กน้อย จากนั้นมือของเขาก็กำหมัดแน่น
เขาโมโหที่ฉันมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ ในช่วงหลายปีมานี้ อติกรแทบจะไม่สนใจฉันเลย และในตอนที่เขามองมาที่ฉัน ก็มีท่าทีแบบนี้ต่อฉันงั้นเหรอ
เขาสาวเท้าก้าวเดินตรงมาที่เป้าหมายของเขา ตอนนั้นฉันสังเกตเห็นนิตยาสารในมือของเขา ไม่ได้มีแค่เล่มเดียว แต่มีเป็นโหลเลยละ
คนทั่วทั้งห้องโถงต่างอ้าปากค้างเมื่อเขาปานิตยาสารใส่พ่อแม่ของเขา
ฉันเห็นรูปของตัวเองปรากฏอยู่ตรงหน้าปกของนิตยาสาร
หัวใจของฉันแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ
ในนิตยาสารนั้นไม่ได้มีแค่ฉันเพียงคนเดียว แต่ยังมีอติกรด้วย รูปนั้นยังไม่ทำให้ฉันรู้สึกงุนงงเท่ากับข้อความที่พาดหัวอยู่
‘อติกร หริณะกำลังจะแต่งงานกับสาริญ รัตนชลาลัย’
“นี่มันอะไรกัน” เขาถาม น้ำเสียงของเขาไม่วู่วาม แต่การแสดงออกของเขานั้นได้พูดแทนหมดแล้ว
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่ปิดบังฉันมาตลอดแน่ ๆ และนี่ก็คนเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้มีความสุขขนาดนั้น พวกเขากำลังฉลองงานแต่งงานของพวกเราโดยที่ไม่บอกพวกเราเลยงั้นเหรอ
พวกเขาทำไปได้อย่างไรกัน มันเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการยินยอมจากพวกเราก่อนไม่ใช่เหรอ มีใครรู้เรื่องนี้แล้วบ้าง มันถูกพิมพ์ลงนิตยาสารแล้วด้วยซ้ำ นั่นก็หมายความว่าพวกเราเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้น่ะสิ ดูจากท่าทีของเขา อติกรก็คงเพิ่งจะรู้เช่นเดียวกัน
เขาควรกำลังเดตอยู่กับอัณญาไม่ใช่เหรอ มันหมายความว่าเธอเองก็เห็นบทความนี้หรือเปล่า ฉันหวังว่าเธอจะรู้ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ฉันหวังว่าเธอจะรู้ว่าฉันก็ไม่ได้ยินยอมกับการแต่งงานในครั้งนี้ เธอเป็นเพื่อนรักของฉัน และตอนที่ฉันไม่ค่อยพอใจกับการตัดสินใจของเธอ ฉันก็ไม่ได้อยากจะทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับอติกรอยู่ดี
“อติกร” แม่ของเขาทักทาย “แม่ดีใจที่ลูกมาปรากฏตัวในที่สุด ตามที่ลูกเห็น ตอนนี้พวกเรามีแขกนะ ถ้าลูกมีคำถามอะไร ก็ถามโดยที่ไม่ต้องขว้างนิตยาการเต็มพื้นแบบนี้ได้นะ”
“แล้วแกก็มาสาย” พ่อของเขาพูดเสริมขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างปกปิดไม่อยู่เลย “ถ้าลูกมาตรงเวลา คงไม่ต้องมารู้เรื่องนี้ด้วยวิธีนี้หรอก”
“เรื่องอะไรเหรอ” เขาถามขึ้น “เรื่องที่ผมจะต้องแต่งงานกับหญิงที่ผมไม่ต้องการงั้นเหรอ”
ฉันต่อสู้กับความเจ็บปวดภายในจิตใจที่มีต่อคำถามของเขา ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการแต่งงานกับฉัน ฉันก็เคยเป็นเช่นนั้น ละเขาไม่รู้ว่าฉันรักเขามากขนาดไหน เพราะฉันเก็บซ่อนมันเอาไว้อย่างดี
“เธออยู่ตรงนั้น” แม่ของเขาเอ่ยขึ้น “มีมารยาทกับหญิงที่จะมาเป็นภรรยาและลูกสะใภ้ของครอบครัวเราในอนาคตหน่อยนะ”
อติกรก้าวเท้าเข้าไปหาแม่ของเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “หญิงเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วยคืออัณญาคนเดียวเท่านั้น”
นอกจากการระเบิดอารมณ์เขาก็ไม่ได้พูดอะไรแล้ว
ฉันมองเขาเดินออกไป ดวงตาฉันมองไปตรงทางออกจนเขาเดินลับสายตาไป
“ไม่ต้องรู้สึกแย่กับคำพูดนั้นหรอกนะ” คริษฐา แม่ของเขาบอกกับฉัน “เขาแค่กำลังตกใจน่ะ งานแต่งกำลังจะเริ่มเร็ว ๆ นี้ อาทิตย์หน้าก็จะเป็นงานหมั้นอย่างเป็นทางการ เราเตรียมการทุกอย่างเอาไว้เสร็จแล้ว”
“เขามีสิทธิ์ที่จะโกรธค่ะ” ฉันบอกกับเธอ พลางพูดเพื่อเป็นการให้เกียรติ “เราทั้งสองคนไม่มีใครรู้เกี่ยวกับงานแต่งนี้มาก่อนเลย คุณคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับเราหรือเปล่าคะ อัณญาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ทุกคนต่างรู้ว่าเขารักเธอ แล้วฉันจะแต่งงานกับผู้ชายที่รักกับเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไร”
เธอกุมมือของฉันเอาไว้ “อัณญาไม่เหมาะสมกับครอบครัวของเรา เธอเข้ากับพวกเราไม่ได้หรอก ถ้ามาแต่งงานกับอติกรคงจะมีปัญหามากมาย เธอคงไม่มีความสุข และจะไม่มีใครมีความสุขเลย” เธออธิบายต่อ “หนูสาริญน่ะ เหมาะกับเขามากที่สุดแล้ว พวกหนูทั้งคู่เหมาะสมกันในทุก ๆ ด้าน แล้วครอบครัวของเราก็เป็นเพื่อนกันมานาน นี่มันเหมาะสมกันที่สุดแล้วละ ไม่มีใครจะเหมาะกับลูกชายแม่ได้เท่ากับหนูแล้ว”
ฉันขบริมฝีปากล่าง ฉันรู้ว่าอัณญาไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา ฉันรู้ว่าฉันเหมาะกับเขามากกว่า แต่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น แล้วมันสำคัญตรงไหนกันล่ะ ตราบใดที่อติกรไม่ได้มองฉันเป็นผู้หญิงที่เขาอยากจะแต่งงานด้วย แล้วฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้อย่างไร