ฉันวิ่งตามพี่คินทร์ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่รถพี่เขา แต่กลับไม่เห็นเจ้าของรถ ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าตามพี่เขามาทำไม รู้แค่ว่าเวลาเห็นพี่คินทร์แสดงสีหน้านิ่งเฉย ใจมันก็หน่วงขึ้นมาทันที
“ไปไหนของเขา เมื่อกี้ยังเห็นเดินอยู่เลย” ฉันเกาหัวแกรกมองซ้ายขวาก่อนจะเห็นผู้ชายคล้ายพี่คินทร์กับพี่แพทเดินเข้าไปในซอกตึกที่ไม่มีคน ไวกว่าความคิดสองขาก็ก้าวเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ “วัลดัสท่านก็รู้ว่าข้ารักท่าน”
“อย่าเรียกชื่อนี้” น้ำเสียงเรียบนิ่งของพี่คินทร์ดังขึ้น ทำไมถึงไม่ให้เรียกชื่อนี้ เดี๋ยวนะ วัลดัสงั้นเหรอ
“หึ รุ่นน้องคนนั้นคงไม่รู้สินะว่าท่านคือเจ้าชายวัลดัส” ฉันเบิกตากว้างยกมือปิดปากตัวเอง พี่คินทร์คือเจ้าชายวัลดัส
“ท่านคิดว่าเสด็จพ่อจะยินยอมรับเด็กคนนั้นหรือเปล่าล่ะ”
“เราไม่สน ในเมื่อเราระ…”
แกร็บ โอ้ย ยัยแมวน้ำแกจะเหยียบกิ่งไม้อะไรตอนนี้เนี่ย ทำไงดี อื้อออ!! ทว่า ในขฯนะที่หาทางวิ่งหนีกลับมีมือหนาของใครคนหนึ่งยกมาปิดปากฉัน ลากเข้าไปในซอกตึกอีกซอก
“ถ้าเธอกัดมือฉัน ฉันจูบเธอแน่” ฉันชะงักหยุดก่อนจะหันไปมองเจ้าของมือหนา
“เจเค”
“เธอนี่จริงๆเลย คิดยังไงไปแอบฟังพวกเขาสองคนคุยกัน”
“ฉันไม่ได้แอบฟัง แค่บังเอิญเดินไปพอดี” เจเคเพียงเลิกคิ้วทำหน้าไม่เชื่อ
“คงรู้ความจริงแล้วสินะ ทีนี้ก็คิดเองนะว่าสามัญชนอย่างเรากับกษัตริย์อย่างพวกเขาควรเข้าใกล้หรือเปล่า”
“อย่าบอกนายก็แอบฟังเหมือนกัน” เจเคส่ายหน้า
“เปล่า เรื่องมันยาว ถ้าเธอยากรู้ คอนโด cc ห้องชั้นบนสุด”
“ลามก”
“อะไร ฉันลามกตรงไหน มีแต่เธอที่คิดลามกคนเดียว”
"นี่นายไม่ชวนฉันทะเลาะสักวินาทีไม่ได้หรือไง"
"เธอต่างหากที่เอะอะก็โวยวาย"
"พูดแบบนี้อยากเจอเท้ามรณะอีกใช่มั้ย" เจเคยกยิ้มไม่พูดจาล้วงกระเป๋าออกไปทันที ปล่อยให้ฉันมองตามอยู่อย่างนั้น เสียประสาททุกครั้งที่อยู่กับนายนี่
22:00 น.
“ได้เรื่องหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามองครักษ์ เมื่อวัลดัสสงสัยว่ามีคนแอบฟังบทสนทนาระหว่างเขากับเจ้าหญิงซาร่า
“ครับ เธอคือ…”
“แมวน้ำ” องครักษ์ก้มศีรษะเล็กน้อยเชิงบอกว่าใช่คนเดียวกันที่เจ้าชายคิดไม่ผิด
วัลดัสนวดขมับตัวเอง พลางคิด หากแมวน้ำรู้ความจริงว่าเขาคือใคร นางคงไม่กล้าเข้าใกล้เขาและอีกอย่าง ถ้าใครรู้ว่าเขาเป็นใครจะถูกจัดการทันที “จะให้ผมจัดการให้ไหมครับ”
วัลดัสตวัดสายตาขึ้นมององครักษ์อีกคน “ไม่ต้อง ห้ามแตะต้องเธอหากยังไม่มีคำสั่งจากเรา”
องครักษ์สดุ้งเมื่อได้เห็นอีกมุมของเจ้าชายที่ไม่เคยแสดงออกมา ความรักมีอนุภาพร้ายแรงแบบนี้นี่เอง
“ออกไปได้แล้ว”
ทว่า ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นก่อนที่ดวงตาสีนิลจะตวัดขึ้นไปมองด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่เขากลับเดินผ่านประตูก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำ
ฉันขมวดคิ้วยืนเคาะห้องหลายต่อหลายครั้งแต่เจ้าของห้องกลับไม่มีท่าทีจะเปิดเลยสักนิด ฉันมองขนมไทยที่อยู่ในถุงที่แม่ให้เอามาฝากพี่คินทร์ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ สงสัยหลับแล้วแน่เลย
แกร็ก ทว่า มือไม่รักดีดันหมุนลูกบิดประตู พบว่ามันไม่ได้ล็อค “ก็ปล่อยให้เคาะตั้งนาน”
เปิดประตูเข้ามาก็พบกับความเย็นของแอร์ก่อนจะกวาดสายตามองหาเจ้าของห้อง
“พี่คินทร์อยู่หรือเปล่าคะ”
สองขาก้าวเดินดูรอบห้องก็ไม่พบว่ามีอะไรที่บ่งบอกถึงเจ้าชายวัลดัส หรือว่าฉันฟังผิด ไม่นี่ เจเคก็รู้
“ทำอะไร”
ตุ๊บ น้ำเสียงเยื่อกเย็นดังขึ้นข้างหูจนทำให้ฉันสะดุ้ง ก่อนจะหันไปชนกับแผงอกแกร่งของเจ้าของห้อง แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้หัวใจฉันทำงานหนักขึ้น พี่คินทร์ในสภาพเปลือยท่อนบนมีแค่ผ้าขนหนูที่พันอยู่รอบเอว หยดน้ำจากการอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ที่อยู่บนร่างกายของคนตรงหน้ามันเพิ่มความเซ็กซี่
ฉันรีบหันหน้าออกทันที “คะ คือ ” ทำไมฉันรู้สึกถึงพี่คินทร์อีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่ไม่ใช่เวอร์ชั่นผู้ชายอบอุ่น
“พูดครับ…” น้ำเสียงฟังดูหงุดหงิดดังขึ้น ก่อนที่ฉันจะก้มหน้าชูขนมไทย
“แม่ให้เอาขนมมาให้ค่ะ”
จู่ๆ บรรยากาศภายในห้องก็เงียบลง ฉันที่ก้มหน้าอยู่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ก็พบว่าพี่คินทร์กำลังจ้องหน้าฉันอยู่เช่นกัน อาจจะมองตั้งนานแล้วหรือตั้งแต่ที่ฉันก้มหน้า
“เอ่อ ขนมแมวน้ำวางไว้ตรงนี้นะคะ” ฉันวางขนมไว้บนโต๊ะ พร้อมกับเม้มปากแน่นสบตากับเจ้าของดวงตาสีนิล มันรู้สึกอัดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย รอพี่แปปหนึ่ง” พูดจบพี่คินทร์ก็เดินเข้าห้องนอนทันที ปล่อยให้ฉันรอภายในห้องนั่งเล่นที่มีโทรทัศน์เครื่องใหญ่ตั้งอยู่
ผ่านไปประมาณห้านาที พี่คินทร์เดินมานั่งตรงข้ามกับฉัน บรรยากาศภายในห้องมันรู้สึกแปลกทันที ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวยังไง ฉันอยากรู้ความจริงว่าพี่คินทร์คือเจ้าชายวัลดัสจริงหรือเปล่า แล้วถ้าใช่จริงๆ ฉันควรปฎิบัติตัวเช่นไร
“คิดอะไรอยู่ครับ”
“เอ่อ คือ..พะ พี่มีอะไรจะคุยกับแมวน้ำ”
“แมวน้ำรู้ความลับของพี่แล้ว”
“แมวน้ำขอโทษค่ะที่แอบฟัง คือว่าจริงแล้ว…”
“ทำเหมือนเดิมกับพี่ คิดเสียว่าพี่เป็นคนธรรมดา” ฉันชะงักหยุดเงยหน้ามองร่างสูงตรงหน้า จะให้ทำแบบนั้นได้ยังไงกัน
“พี่คินทร์คือเจ้าชายวัลดัสจริงๆใช่ไหม” น้ำเสียงแผ่วเบาที่เปล่งออกไป ก่อนจะได้รับคำตอบจากคนตรงหน้า
“ใช่” นี่ฉันควรทำตัวแบบไหน
ฉันจมอยู่ในความคิดตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่ามีร่างสูงเดินมานั่งข้างๆ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างสูงจับคางฉันให้เงยหน้าสบตากับเขา
“ยังจำเรื่องที่พี่เคยบอกได้ไหม ถ้าเชื้อสายกษัตริย์มอบจูบแรกให้ผู้หญิงคนไหน ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนที่ถูกเลือก” จบประโยคฉันเบิกตากว้างโดยยังไม่ทันได้ห้าม ริมฝีปากอุ่นๆก็ประกบลงมาที่ริมฝีปากฉันทันที อื้อ ไม่สิ มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ถึงครั้งนี้มันจะไม่ใช่จูบครั้งแรกของเราแต่ก็เป็นจูบที่ฉันไม่ได้เมาแถมมีสติครบถ้วน ตุ๊บ ฉันยกมือทุบอกพี่คินทร์ จูบที่รุกล้ำทำให้สมองเบลอไปชั่วขณะ ทว่า ภายในใจกลับรู้สึกดี ลิ้นหนากวาดไล่ต้อนลิ้นของฉัน จูบบดขยี้ริมฝีปากจนรู้สึกถึงความนุ่มหยุนที่คอยบดเบียดไม่ยอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ
“แต่จูบครั้งนี้ไม่ใช่จูบแรกเพราะจูบแรกของเรามันเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว” พี่คินทร์พูดชิดริมฝีปากด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะกดจมูกโด่งลงบนแก้มซ้ายของฉัน ตอนนี้ฉันเหมือนกับเป็นคนที่ไร้วิญญาณหรือไม่ก็ตุ๊กตายาง
พอได้สติฉันก็รีบพูดดักขึ้นมาทันที “แบบนี้มันไม่ถูกต้องนะคะ”
คนตรงหน้าเลิกคิ้วก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ฉันอีกครั้งซึ่งร่างกายฉันก็หลบอย่างอัตโนมัติ “ไม่ถูกต้องแบบไหนครับ”
“เราไม่ได้รักกัน อีกอย่างแมวน้ำเป็นแค่สามัญชน”
“แล้วถ้าพี่เริ่มต้นทำในสิ่งที่คนธรรมดาหรือคนทั่วไปเขาทำกันล่ะ” ฉันถูกดึงเข้าไปกอดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว "อนุญาตให้พี่จีบนะครับ" จะจีบเรางั้นหรือ นี่ฝันอยู่ใช่มั้ย
“ส่วนเรื่องฐานันดรศักดิ์นั้นอย่าไปคิดว่าพี่ไม่คู่ควรกับแมวน้ำ พระมารดาก็เป็นสามัญชน ไม่เห็นจะแปลก” ฉันได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
กรี๊ง กริ๊ง ทว่า ก็มีเสียงมือถือดังขึ้น ฉันยื่นมือไปหยิบก่อนจะขมวดคิ้วมองเบอร์ที่ไม่มีชื่อ ฉันหันไปมองพี่คินทร์ก็พบว่าเขาลุกเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อให้ฉันได้คุยโทรศัพท์ได้สะดวก
“สวัสดีค่ะ”
(แมวน้ำ ทำไมไปนานจังลูก)
“แม่เองหรอคะ แมวน้ำกำลังกลับค่ะ”
“แม่เอาเบอร์ใครโทรมา ไม่ใช่เบอร์แม่นี่”
(อ๋อ เบอร์เพื่อนแมวน้ำนั่นแหละ)
“ลูกปลามาเหรอคะ”
(ไม่ใช่จ๊ะ เห็นว่าชื่อเจเค)
“เจเค!!” ฉันรีบปิดปากตัวเพราะเผลอตะโกนลั่นห้องก่อนจะหันไปพบกับพี่คินทร์ที่ยืนกอดอกมองมาที่ฉันอยู่ นายเจเคมาหาฉันทำไม
“แม่บอกว่าหนูไปดูคอนเสิร์ตนอนบ้านเพื่อนกลับพรุ่งนี้” ฉันพูดเบาๆโดยที่ยังหันหลังให้เจ้าของห้องอยู่
(แม่บอกว่าแมวน้ำเอาขนมไปให้บ้านตรงข้ามแล้วจ๊ะ) จบคำพูดฉันถึงกับกุมขมับตัวเอง เขามาทำอะไรเนี่ย
“โอเคค่ะ งั้นให้เขารอแมวน้ำแปปหนึ่ง”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง มืดค่ำแล้วกลับคนเดียวมันอันตราย” เดี๋ยวนะ บ้านอยู่ตรงข้ามแค่นี้เอง อันตรายตรงไหน
“ไม่เป็นไรค่ะ บ้านอยู่ใกล้แค่นี้เอง” พูดออกไปแบบนั้น แต่ต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่ทันที
“เอ่อ งั้นก็ได้ค่ะ” สุดท้ายฉันก็ต้องยอมเมื่อถูกสายตาดุจ้องมาอย่างคาดโทษ