3
รุ่นน้องของคุณพ่อ คุณเพื่อนของคุณแม่
หญิงสาวไปช่วยเป็นเจ้าภาพงานศพป้าแป๋ว กว่าจะเลิกงานที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ระงม เพื่อนสาวขับรถพาเธอมาส่งที่บ้าน ก็ประมาณสามทุ่มกว่า
ผ่านงานอวมงคล บรรยากาศแสนโศกเศร้ามาหมาด ๆ เธอคงไม่อยากมีปากเสียงกับใคร แต่แปลกที่กลับบ้านมาแล้วไม่มีใครว่าอะไร
ไม่... แม้แต่จะถามว่าลูกสาวหายหัวไปไหนมา ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง
ต้องขอบคุณป้าแป๋ว ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ยังช่วยอิงฟ้าให้รอดพ้นข้อหาอีกหนึ่งกระทง
“พ่อเสียใจเรื่องป้าแป๋วด้วยนะลูกนะ เปรี้ยว บ้านพ่อฝากซองไปด้วย ไม่รู้จะได้ไปร่วมงานศพไหม”
“แม่ลองถามญาติ ๆ แล้วไม่มีใครว่าง ไม่รู้จะเอาหลานไปฝากใคร แม่ไอ้เจ้าโชกุนมันไปไหนก็ไม่รู้...”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องลำบากพาเจ้าตัวเล็กไปหรอก คนเยอะเชื้อโรคแยะ เด็กน้อยยังไม่มีภูมิต้านทาน โบราณว่าพาไปงานศพไม่ดี เดี๋ยวเกิดป่วยขึ้นมาเหนื่อยคุณตาคุณยาย ต้องกระเตงหลานพาไปหาหมออีก...”
หนุ่มร่างกำยำตอบเสียงหวานอย่างมีมารยาทผู้ดี ยอมรับซองสีขาวจากคุณพ่อคุณแม่วัยสี่สิบกว่าปีมาใส่กระเป๋าหนังสีดำ ข้างในมีซองอยู่หลายซองเพราะมีผู้มาร่วมงานพอสมควร
อิงฟ้ามองขอบตาบวมช้ำของเพื่อน ถือโอกาสนี้หยิบแบงก์สีเทาสามใบส่งให้คุณพ่อ
“อะพ่อ... นี่ค่าขนมหลาน”
“เอ้อ เฮง ๆ เจริญ ๆ นะ”
พอเป็นเรื่องหลาน คุณตาคุณยายที่กำลังมองลูกสาวด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ก็ใจเย็นลง เจ้าตัวแสบเกาะคอกกั้นเด็ก มองผู้ใหญ่ตาแป๋วเรียกหาคุณตาคุณยาย น้าฟ้า ๆ หญิงสาวรีบเข้าไปเล่นกับหลานกลบเกลื่อนเรื่องที่โกหกพ่อ
อิงฟ้าคิดว่ารอดพ้นความผิดแล้ว หลังจากที่เพื่อนสาวยกมือไหว้คุณพ่อคุณแม่ ขอตัวลากลับบ้านไปจัดการเรื่องงานศพป้าแป๋วต่อ เธอดันเจอโจทย์! เปิดประตูเข้าบ้านมาหน้าตาเฉยยังกับว่าเป็นบ้านตัวเอง
หญิงสาวมีสีหน้าตกใจยิ่งเสียกว่าตอนลืมตาตื่นมาเจอหนุ่มรุ่นพ่อนอนส่งยิ้มหวานให้ เธอยกมือสั่นเทาประนมก้มศีรษะทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างมีสัมมาคารวะ ยืนฟังคุณอาหนุ่มพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่อย่างเป็นกันเองจนรู้ว่าเป็นรุ่นน้องของพ่อ เรียนจบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกัน พ่อเป็นคนแนะนำเรื่องบ้านตอนเจ้าของเก่าติดป้ายประกาศขายในราคาถูก
ดวงตาคู่สวยสั่นไหว ไม่ละวางตาไปจากร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาลายขวางสีน้ำเงินเข้ม ขับใบหน้าหล่อเหลาคมคายให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์ การที่เขาได้มาเป็นเพื่อนบ้านในซอยสอง ซอยฝั่งตรงกันข้าม เป็นหนุ่มวันไนท์ไม่แสตนด์ เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจของใครหรือเปล่า เธอก็ยังไม่รู้
“เอ้อ... แล้วเก็บบ้านเสร็จหรือยังน่ะ?”
“เรียบร้อยครับพี่ สองสามวันนี้ผมงานยุ่ง ๆ เลยเก็บของช้า แต่ว่าพวกกล้องวงจรปิดติดก่อนเก็บของ ย้ายมาวันแรก ๆ ก็ติดแล้วล่ะเพื่อความปลอดภัย มีอยู่ห้าตัวรอบบ้าน กล้องชัดมาก บันทึกย้อนหลังได้เป็นเดือน”
“จริงเรอะ? ไหนขอดูหน่อยว่าชัดแค่ไหน เผื่อพี่จะได้ติดบ้าง บ้านเรามีเด็กเล็กด้วย”
“ดี ๆ เลยนะ กล้องยี่ห้ออะไร แม่ว่าบ้านเราน่าจะติดสักตัวก็ดีนะ”
“จะติดกล้องทำไมคะ คนอยู่ตั้งเยอะแยะ ไม่เหมือนบ้านคุณอาเขาอยู่คนเดียว ติดไปก็สิ้นเปลืองเงิน สิ้นเปลืองพลังงาน อุ๊ย คุณอา! โทรศัพท์สวยจังเลย ใช้รุ่นอะไรคะ?”
อิงฟ้าคว้าโทรศัพท์ของคุณอามาอย่างไร้มารยาท ทำทุกคนตกใจไปหมด เพราะเธอยืนตัวตรงเป็นเสาหลัก ปิดปากเงียบตลอดจนคุณพ่อกับคุณอาจะเปิดกล้องวงจรปิดจากโทรศัพท์มือถือ เธอดันไปหยิบของของเขามา
“ไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าอาพีเขาอยู่คนเดียว”
คุณพ่อขบกรามกรอดมองลูกสาวตัวดีอย่างโมโห ขณะมือเรียวยังกำมือถือคนอื่นอย่างหน้าไม่อาย แถมคุณอาไม่ได้ว่าเธอ ยืนฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อย่างน่าประหลาดใจ
“ก็... ได้ยินคนในซอยเขาพูดกัน”
“เออดีนะ ได้ยินเขาพูดกัน”
ลูกสาวคนสวยตอนนี้ยืนขาสั่นหน้าซีด รู้สึกตัวลีบเล็กลงเท่ามด เมื่อสายตาทั้งสามคู่จ้องมองเธอเป็นตาเดียวด้วยท่าทางจับผิด เหมือนกับว่าเธอไปทำเรื่องไม่ดีสักอย่างมา
อิงฟ้าไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าทุกคนเขารู้เรื่องกันหมดแล้วจนคุณพ่อพูด
“ไหน ๆ ก็มาละพี อยู่กินข้าวกับพี่ก่อน” แล้วหันไปทางลูกสาวด้วยสายตาดุดัน “เราน่ะ อยู่กินข้าวด้วยนะ ไม่ต้องออกไปนอนที่ไหน”
“กินข้าวอะไรตอนสามทุ่มอะพ่อ”
“ทำไมจะกินไม่ได้ล่ะ? กูหิว...” ไม่ว่าเปล่า ปลายนิ้วชี้สากผลักหน้าผากลูกสาวจนเซไปข้างหลัง “ได้ยินจากคนในซอยเขาพูดมาเหมือนกันว่าคืนก่อนลูกสาวเมาแอ๋ นอนอยู่ตรงนี้น่ะเอง... บ้านเพื่อนพ่อ... ง นี่ไง”