ม่านไหมยืนรอเทวินทร์อยู่ที่หน้าวัดใหญ่ชัยมงคล ด้วยอากาศร้อนเธอจึงขอให้เทวินทร์ไปเอารถเข้ามารับเธอในวัด ซึ่งเขาก็อิดออดอยู่พักใหญ่ด้วยความกลัวว่าเธอจะหายไปอีกจนเธอสัญญาว่าจะยืนรอเขาอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน เขาถึงยอมออกไปเอารถแต่โดยดี ระหว่างรอม่านไหมก็ครุ่นคิดเรื่องที่หลวงตาพูดอยู่ตลอดด้วยความคลางแคลงสงสัยในคำที่ว่า หลวงตาให้เธอปล่อยวางคำสัญญาในอดีตเสีย
“หรือว่าเรื่องคุณวาดจันทร์เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”
ม่านไหมก้มลงมองแหวนทับทิมโบราณในมือก่อนจะตกใจอีกครั้ง บนยอดหัวแหวนนั้นเม็ดทับทิมโบราณที่เคยเป็นสีชมพูบัดนี้ได้กลายเป็นสีแดงสดราวกับสีเลือดนก ม่านไหมรีบเอามือลูบทับทิมเม็ดนั้นหวังจะให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมแต่สีของมันก็ยังคงเป็นสีแดงสดไม่เปลี่ยนไป เธองงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากได้แต่ยืนมองแหวนทับทิมโบราณที่เปลี่ยนไป จนเทวินทร์เลี้ยวรถเข้ามาจอดตรงหน้าเธอ
ม่านไหมเดินไปขึ้นรถทันทีพลางหันไปบอกเทวินทร์ว่าให้พากลับไปที่เรือนไทยเลย เธอรู้สึกเพลียกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนไม่อยากไปที่ไหนต่อแล้วซึ่งเทวินทร์ก็เข้าใจและขับรถพาเธอกลับเรือนไทยทันที ม่านไหมเผลอหลับไปตลอดทางด้วยความอ่อนเพลีย จนรถแล่นเข้าไปจอดที่เรือนไทยแล้วเทวินทร์จึงหันไปปลุกเธอเพื่อจะพาเธอไปเรือนรับรอง
“ไหม ไหมครับ ถึงเรือนไทยแล้วครับ”
ม่านไหมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเธอรู้สึกปวดหัวมากราวกับจะมีไข้ เธอหันไปพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบว่าถึงแล้วก่อนจะเดินลงไปเปิดหลังรถและหยิบเอากระเป๋าเสื้อผ้าของเธอลงมาจากรถ ระหว่างที่เธอเดินถือกระเป๋าไปที่หน้ารถข้างที่นั่งคนขับ เธอก็ได้ยินเสียงของเทวินทร์กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่
“หมายความว่ายังไงคะที่ว่าจะถึงแล้ว”
สิ้นเสียงของเทวินทร์ก็มีรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งแล่นตามหลังเข้ามาและจอดลงตรงท้ายรถที่เทวินทร์นั่งอยู่ เทวินทร์รีบลงจากรถเพื่อมาดูเจ้าของรถที่ขับตามมาจากด้านหลัง ปรากฏภาพหญิงสาวร่างบางผิวสีน้ำผึ้งที่ค่อยๆ ลงจากรถ ใบหน้าเรียวยาว ตากลมสวยจมูกโด่งรับกับใบหน้าเรียวยาวทำให้ดูคมสวยน่ามอง ริมฝีปากบางได้รูปเผยยิ้มทันทีที่เห็นเทวินทร์เดินลงมาจากรถ
“เซอร์ไพรส์!!!! พี่วินทร์รอพลอยขวัญนานมั้ยคะ”
“ไหนพลอยขวัญบอกจะกลับจากสวิสวันมะรืนไงคะ แล้วทำไม...”
“ก็พลอยขวัญอยากมาช่วยพี่วินทร์จัดงานนี่คะ ถึงพลอยขวัญจะไม่ได้เป็นแม่งานเหมือนม่านไหม แต่พลอยขวัญก็เป็นศิษย์เก่าในสาขาเดียวกันกับม่านไหมและพี่วินทร์นะคะ พลอยขวัญมาช่วยจะได้เสร็จไวๆไงคะ”
“เหอะ…ไหนๆ ก็มากันแล้ว งั้นไหมฝากดูสถานที่กันไปก่อนนะคะ ไหมขอตัวเอาของไปเก็บก่อนค่ะ”
“อะไรกันม่านไหม พอฉันมาถึงเธอก็คิดจะโยนงานให้เลยว่างั้น” พลอยขวัญเดินมายืนข้างเทวินทร์พลางยิ้มมุมปาก ม่านไหมหันไปมองทั้งคู่ด้วยหางตา ก่อนจะหยิบข้าวของของตัวเองเดินออกไปทางด้านข้างเรือนไทยโดยไม่สนใจจะต่อปากต่อคำกับพลอยขวัญต่อ เทวินทร์ที่ทำท่าจะเดินตามไปก็โดยพลอยขวัญรั้งแขนไว้ให้ช่วยเธอเอาของเข้าที่พักก่อน เขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาตามม่านไหมไปจนเธอเดินหายลับไปที่ข้างเรือนไทย
ม่านไหมที่หงุดหงิดมากๆ เมื่อเดินมาจนคิดว่าไกลมากแล้วก็ทุ่มกระเป๋าเดินทางลงกับพื้นด้วยความหงุดหงิด หันรีหันขวางกลับไปมองทางที่ตัวเองเดินมาและก็นึกโกรธที่เทวินทร์พาพลอยขวัญมาช่วยงานโดยที่ไม่บอกเธอก่อนแถมยังให้คนอื่นมายืนว่าเธอป่าวๆ ว่าเธอโยนงานให้ทั้งที่เธอแค่จะเอาของมาเก็บก่อนเท่านั้น ม่านไหมยืนมองต้นตะแบกที่ออกดอกสีม่วงเต็มต้นไปหมดจนใจเริ่มเย็นลง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาที่ด้านหลังของเธอ
“มาถึงแล้ว คุณไหมไม่โทรบอกผมล่ะครับ ผมจัดเรือนรับรองให้คุณไหมตั้งแต่เช้าแล้ว”
“คุณกรนั่นเอง เดินมาเงียบๆ ไหมตกใจหมดเลยค่ะ”
“ขอโทษทีครับ พอดีผมเพิ่งพาคุณวินทร์กับคุณพลอยขวัญไปส่งที่เรือนดอกแก้วกับเรือนจำปีเสร็จ คุณวินทร์เธอว่าคุณไหมเดินมาทางนี้ผมเลยเดินออกมาตามน่ะครับ”
“สองคนนั้นเขาไม่ได้นอนเรือนเดียวกันเหรอคะ ไหมนึกว่าเขาเป็นแฟนกัน”
“เปล่าหรอกครับ ผมยังไม่เคยเห็นคุณวินทร์เขาพาใครมาเรือนไทยนี้เลยนอกจากคุณไหมครับ คุณพลอยขวัญผมก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรกครับ”
“ยังไงนะคะ ที่ว่าไม่เคยพาใครมานอกจากไหม”
“ตรงนี้น่าจะร้อน ผมว่าคุณไหมไปเรือนลั่นทมที่พักคุณไหมดีกว่าครับ ผมพาไปเอง”
ยังไม่ทันได้คำตอบ คุณทินกรก็คว้ากระเป๋าลากและกระเป๋าถือของม่านไหมมาถือพลางเดินนำไปที่เรือนลั่นทมโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ม่านไหมเก็บความสงสัยไว้เพียงเท่านั้นและรีบเดินตามไปที่เรือนทันที
เรือนลั่นทมเป็นเรือนไม้ที่ค่อนข้างใหญ่รองลงมาจากเรือนใหญ่ เรือนนี้อยู่ติดริมน้ำมีท่าเรือให้นั่งเล่นดูร่มรื่น รอบตัวเรือนปลูกต้นลั่นทมสีขาวร่วงเกลื่อนเต็มใต้ต้นส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ม่านไหมมองซ้ายมองขวาตลอดทางขึ้นเรือน เรือนถูกตกแต่งให้ยังคงความเป็นกลิ่นอายของอยุธยาไว้ บนเรือนจะมีห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องทำงาน ถูกจัดไว้เป็นสัดส่วนแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้ดูร่วมสมัย กลางตัวบ้านมีศาลาเป็นตั่งที่นั่งประดับด้วยต้นลั่นทมไว้กลางบ้าน
“ทำไมให้ไหมมานอนเรือนใหญ่ขนาดนี้ล่ะคะ ครั้งที่แล้วไม่ใช่ที่นี่นี่คะ”
“เรือนลั่นทมเพิ่งทำความสะอาดเรียบร้อยครับ เรือนที่คุณไหมเคยนอนคือเรือนดอกแก้วคุณวินทร์ให้คุณพลอยขวัญนอนที่เรือนนั้นครับ ส่วนของคุณไหมเธออยากให้นอนเรือนลั่นทมคุณไหมจะได้มีสถานที่ไว้ใช้เขียนนิยายด้วยครับ”
“พี่วินทร์ของคุณกรนี่ ดูจะรู้เรื่องของไหมเยอะจังเลยนะคะ”
“คุณวินทร์เธอเล่าว่ารู้จักคุณไหมตั้งแต่เด็กแล้วนี่ครับ แต่เรื่องความใส่ใจในรายละเอียดเนี่ยผมก็เพิ่งจะเห็นคุณวินทร์เธอสนใจใคร...ก็คุณไหมนี่ล่ะครับ”
“พี่วินทร์นี่นะคะ สนใจเรื่องของไหม”
“คุณไหมแพ้กุ้งใช่มั้ยครับ”
“คุณกรรู้ได้ยังไงคะ ไหมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย”
“วันที่คุณไหมมานอนค้างที่เรือนดอกแก้ว อาหารเช้าวันนั้นมีน้ำพริกกุ้งเสียบกับทอดมันกุ้งด้วยครับ ซึ่งผมจัดสำรับอาหารไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอคุณวินทร์เธอมาถึงและถามเมนูอาหารเธอก็สั่งให้ผม ทำอาหารใหม่ทั้งหมดที่ไม่มีกุ้งครับ”
“พี่วินทร์ทำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ใช่ครับ มีอีกหลายเรื่องที่คุณไหมไม่คิดว่าคนอย่างคุณวินทร์จะทำ แต่เชื่อผมเถอะครับผมอยู่กับคุณวินทร์มาตั้งแต่เธอ 3 ขวบ ผมไม่เคยเห็นเธอใส่ใจผู้หญิงคนไหนเลยจนผมรู้จักคุณไหมนี่ล่ะครับ”
ม่านไหมนิ่งเงียบไปทันที จากที่ในใจกำลังโกรธเทวินทร์อยู่กลับกลายเป็นความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก คุณทินกรนำกระเป๋าและข้าวของของม่านไหมไปวางไว้ในห้องนอน ก่อนจะขอตัวไปเตรียมอาหารมื้อเย็น ม่านไหมจึงเดินไปส่งคุณทินกรที่หน้าเรือนเมื่อคุณทินกรเดินกลับไปแล้วเธอก็ขึ้นเรือนมาจัดข้าวของต่อ
ในห้องนอนนั้นประดับด้วยอุบะมะลิปลายจำปีทั้งประตูและหน้าต่าง มีเตียงนอนไม้สักขึ้นโครงสูงแบบมีเสามุ้งติดผ้าม่านสีชมพูอ่อนทั้ง 4 ทิศ เธอเดินไปนั่งบนเตียงเมื่อขยับหมอนหนุนก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงลงมาบนที่นอน
‘หวังว่า ตลอดระยะเวลาที่ไหมอยู่ที่เรือนลั่นทมนี้ จะนึกถึงเรื่องราวของเราในวัยเด็กได้บ้างและขอให้เรือนลั่นทมนี้ทำให้ไหมเขียนนิยามเล่มนี้จนจบนะคะ พี่จะเป็นกำลังใจให้อยู่ตรงนี้เสมอถ้าไหมต้องการนะคะ’
จดหมายฉบับนี้ไม่ลงชื่อผู้เขียนแต่ม่านไหมก็จดจำลายมือนี้ได้ไม่เคยลืม ลายมือที่เขียนจดหมายถึงเธอมาตั้งแต่เด็กๆ ลายมือที่เธอได้อ่านกี่ครั้งก็ใจสั่นทุกครั้งเพราะเธอมักจะแอบคิดไปเองเสมอว่า เทวินทร์เองก็มีใจให้เธอ แต่สุดท้ายทุกครั้งที่เจอหน้ากัน เขาก็ปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าคนในจดหมายกับคนในชีวิตจริงเป็นคนละคนกัน
ตะวันเริ่มคล้อยต่ำมาจนเสมอกับหน้าชานเรือน ม่านไหมจัดของเข้าที่จนครบทุกชิ้นแล้วเธอจึงเดินลงไปนั่งเล่นตรงแคร่ไม้ริมน้ำ สายลมพัดมาอย่างเอื่อยๆ ด้วยความที่เรือนลั่นทมปลูกเรือนสูงตัวเรือนจึงบังแสงอาทิตย์ทำให้ท่าน้ำถูกเงาเรือนบังจนเย็นร่มรื่นมาก บนแคร่มีหมอนอิงวางอยู่ ม่านไหมจึงอาศัยเอาหัวอิงหมอนนอนมองดูบรรยากาศริมน้ำด้วยความสบายใจ ด้วยความอ่อนเพลียมาทั้งวันบวกกับที่เธอกินยาแก้ไข้ไป เธอจึงพักสายตาสักครู่และเผลอหลับไป
“แม่วาดจันทร์ สำรับเรียบร้อยไหมลูก แขกจะมาถึงแล้ว”
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหญิงแม่ พระท่านมาแล้วรึยังเจ้าคะ”
“ยังเลยลูก เจ้าคุณพ่อกับพ่อเทียนกำลังไปรับ”
คุณหญิงแม่พูดจบก็เดินมาตรวจดูสำรับคาวหวานที่จะถวายพระ ก่อนจะสั่งบ่าวไพร่หยิบจับข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง แขกที่เชิญมาก็ทยอยเดินขึ้นเรือนมามากแล้ว สักพักก็มีบ่าวไพร่อีกสี่ห้าคนเดินถือสำรับขนมคาวหวานขึ้นมาจากหน้าเรือน แม่วาดจันทร์เดินพยุงคุณหญิงแม่ไปที่หน้าเรือน ก่อนจะปรากฏร่างบางระหงใบหน้าขาวหมดจดเกล้าผมสูง ตาโตกลมใบหน้าเรียวยาว จมูกโด่งปากบางๆ นั้นส่งยิ้มหวานมายังแม่วาดจันทร์และคุณหญิงแม่ ห่มสไบสีเหลืองทองอร่ามอีกทั้งเครื่องทองเต็มตัวดูราวกับลูกคนใหญ่คนโต ม่านไหมที่มองเหตุการณ์อยู่ถึงกับตาโต เมื่อหญิงสาวคนนั้นหน้าตาละม้ายคล้ายพลอยขวัญราวกับแกะ
“หลานไหว้เจ้าค่ะคุณหญิงป้า พี่วาดจันทร์ พอดีหลานได้ออกจากวังมาสัก 4-5 วันเลยอยากทำขนมในวังมาช่วยงานคุณหญิงป้าด้วยเจ้าค่ะ”
“แม่ดวงแก้วนี่เอง ขอบน้ำใจที่มีใจมาช่วยงานบุญหนา”
“หลานเต็มใจเจ้าค่ะ พี่วาดจันทร์ให้น้องวางตรงไหนดีเจ้าคะ”
“สำรับจัดไว้ด้านใน แม่ดวงแก้วตามพี่มาเถิด”
แม่วาดจันทร์เดินนำแม่ดวงแก้วมาก่อน พอหันกลับไปอีกทีก็เห็นมีแต่บ่าวไพร่ที่เดินตามมา เธอจึงบอกให้นังอิ่มจัดแจงข้าวของให้เข้าที่เรียบร้อย พอเดินตามออกมาหาคุณหญิงแม่อีกทีก็ไม่เจอเสียแล้วเธอจึงเดินไปที่หน้าเรือนก็เห็นคุณเทพกำลังหัวเราะกันสนุกสนานอยู่กับแม่ดวงแก้ว แม่วาดจันทร์ยืนมองภาพตรงหน้าอยู่นานสองนาน จนเจ้าคุณพ่อและคุณเทียนเชิญพระขึ้นเรือนเพื่อทำพิธีทำบุญบ้าน เธอจึงเดินหลบออกมา แขกๆ พากันนั่งเรียงแถวเพื่อประเคนภัตตาหารถวายพระ
แม่วาดจันทร์นั่งอยู่แถวหน้าข้างคุณหญิงคอยจัดแจงเครื่องคาวหวานเตรียมประเคน คุณเทียนก็ขยับเข้ามานั่งข้างๆ แม่วาดจันทร์และช่วยจัดเตรียมของถวายอยู่ไม่ห่าง แม่วาดจันทร์รู้สึกเหมือนถูกมองอยู่จึงหันไปมอง ภาพที่เห็นคือคุณเทพกำลังนั่งมองเธอกับคุณเทียนเคียงข้างกันทำบุญอย่างไม่วางตา ส่วนคุณวาดจันทร์ก็มองดูคุณเทพที่นั่งเคียงข้างแม่ดวงแก้วที่ยิ้มแย้มออกนอกหน้าเธอจึงหลบสายตาคุณเทพ ในใจตอนนั้นเธอรู้สึกเจ็บปวดทั้งคุณเทพและแม่ดวงแก้วดูเหมาะสมกันเสียเหลือเกิน
“แม่วาดจันทร์ เหม่อกระไรรึแม่”
“เปล่าเจ้าค่ะ คงเพราะน้องตื่นเช้ามาจัดสำรับเลยรู้สึกเพลียๆ”
“ประเคนของเสร็จแล้ว น้องไปนั่งพักเถิดประเดี๋ยวพี่ดูแลในงานต่อให้เอง”
คุณเทียนพยุงแม่วาดจันทร์ให้ลุกขึ้น แม่วาดจันทร์จึงเดินเลี่ยงหลบแขกในงานและเดินลงบันไดข้างเรือนไป คุณเทพที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ผลุดลุกขึ้นจนแม่ดวงแก้วตกใจ
“พี่เทพจะไปไหนเจ้าคะ”
“เดี๋ยวพี่มานะแม่” พูดจบคุณเทพก็ลุกขึ้นและเดินหลบลงหน้าเรือนไปทันที โดยไม่ได้หันมาสนใจว่าแม่ดวงแก้วนั้นทำหน้าไม่พอใจเอาเสียมากๆ