bc

บ่วงโซ่รัก สัญญาแสนแค้น

book_age12+
128
FOLLOW
1K
READ
second chance
ancient
like
intro-logo
Blurb

“หากแม้นม้วยพินาศในชาตินี้

จิตของพี่จะตามติดไปไม่ห่างหาย

จะตามรัก ตามดูแลทุกชาติไป

ให้รู้ไว้ นานแค่ไหนไม่เปลี่ยนแปร”

สิ้นเสียงกล่าว ชายหนุ่มหยิบดาบขึ้นมาก่อนจะแทงเข้าที่กลางอกของตัวเองและสิ้นใจลง เลือดจากกายของเขาสาดกระเซ็นไปถูกสไบสีชมพูกลีบบัวของหญิงสาว เธอยืนมองภาพคนรักของตนสิ้นชีพลงไปต่อหน้าต่อต่อตาก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นและร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นสติ

“นับจากลมหายใจนี้ของข้า ขอสาปแช่งท่าน...ไม่ว่าภพชาติใดขอให้ข้าไม่มีวันได้พบท่าน ขอให้ข้าไม่มีวันได้รักและเคียงคู่กับท่าน ข้าจะจดจำทุกคำลวงของท่านไม่ว่าภพชาติใดแหวนทับทิมวงนี้จะเป็นคำยืนยันทุกคำสาปแช่งของข้า เพราะท่านมันคนหลอกลวง”

หญิงสาวลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปอุ้มศรีษะของร่างคนรักวางไว้บนตักของเธอ เธอบรรจงจูบลงเบาๆ ที่ริมฝีปากของชายคนรัก น้ำตาหยดลงบนใบหน้าของร่างอันไร้วิญญาณนั้น

“ข้ารักท่านมาก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่ข้าจะรักท่านมากขนาดนี้”

เธอหยิบกริชที่เธอติดตัวไว้ตลอดขึ้นมา และแทงเข้าที่หัวใจของตัวเองก่อนจะสิ้นลมหายใจตามคนรักไป

chap-preview
Free preview
1
แสงสีส้มสาดส่องเข้ามายังโถงระเบียงไม้ราวกับย้อมระเบียงบ้านให้เป็นสีทองอร่าม ลมพัดโชยมาไม่ขาดสายบรรยากาศยามเย็นที่พระอาทิตย์สาดส่องสวยงามราวกับภาพวาด หญิงสาวร่างบางผิวสีน้ำผึ้งในชุดไทยโบราณสีชมพูกรีบบัวกำลังยืนเหม่อมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา “ท่านหญิงจะไปพบคุณหลวงวันนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง หญิงสาวปรายตาไปมองเล็กน้อยก่อนจะนิ่งไป เจ้าของเสียงคลานเข้ามาจากทางด้านหลัง ก่อนจะนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ “คุณหลวงจะไปวันนี้แล้วรึ” “เจ้าค่ะ คุณหลวงท่านฝากของนี้มาให้ท่านหญิง เกรงว่าท่านหญิงจะไม่ออกไปพบท่านก่อนเดินทางเจ้าค่ะ” “ฝากของมารึ จะไปไกลบ้านไกลเมือง แค่จะพาตัวมาพบข้า ยังยากเย็นเสียเหลือเกินสินะ” หญิงสาวรับห่อผ้าสีแดงมาจากบ่าวคนสนิท ในห่อผ้ามีกล่องแก้วสีทองฉลุลายแปลกตาภายในบรรจุบุด้วยกำมะหยี่สีแดงสด รับกับแหวนทองทับทิมเม็ดใหญ่ฉลุลายโบราณทรงแปลกตาดูก็รู้ว่ามิใช่ฝีมือช่างในอโยธยาเป็นแน่ ภายในมีกระดาษแผ่นน้อย แนบมากับแหวนทองทับทิมเม็ดใหญ่ หญิงสาวค่อยๆ บรรจงเปิดดู ลายลักษณ์อักษรที่บรรจงเขียนฝากข้อความอีกทั้งความรู้สึกมากมายไว้ในกระดาษแผ่นนั้น ภายใต้ความเงียบได้ยินเพียงเสียงลมที่พัดผ่านใบหน้าของหญิงสาว พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลออกมาเรื่อยๆ เมื่อได้อ่านใจความในกระดาษแผ่นนั้น “หากคิดจะจากไป ท่านเพียงตัดสัมพันธ์ของเราลงเท่านี้มิง่ายกว่ารึ คุณหลวง...” ณ ร้านขายจิวเวอรี่ “แหวนทับทิมวงนี้ราคาเท่าไรคะ” หญิงสาวพูดพลางยื่นมือไปยังแหวนวงนั้น สิ้นเสียงพนักงานรีบกุลีกุจอมาดูแลทันที แต่ยังไม่ทันที่พนักงานจะเดินมาถึงตู้วางแหวน ร่างหญิงสาววัยกลางคนก็มายืนอยู่ต่อหน้าของเธอพลางหยิบแหวนขึ้นมาให้หญิงสาวด้วยรอยยิ้ม “วงนี้เป็นทับทิบโบราณค่ะ ลายฉลุแปลกตาคาดว่าจะมาจากสมัยอยุธยา ลวดลายวิจิตรมาก คุณผู้หญิงลองสวมดูสิคะ” “สวยมากเลยค่ะ เหมาะจะเป็นแหวนแต่งงานเลย” “คุณผู้หญิงกำลังจะแต่งงานเหรอคะ ยินดีด้วยนะคะ งั้นทางร้านขอสัมมนาคุณโดยการลดราคาให้เป็นพิเศษค่ะ” หญิงสาวตอบรับและชำระเงินทันทีโดยไม่ต่อรองอะไรเพิ่มเติม เธอรู้สึกหลงรักแหวนวงนี้มากตั้งแต่แรกเห็นและรู้สึกว่าตัวเองจะฝันเห็นแหวนวงนี้มาตลอด ก่อนจะเดินออกจากร้านเธอได้ยินพนักงานเดินมากระซิบผู้หญิงคนที่ขายแหวนให้เธอ โดยที่ไม่ทันสังเกตว่า เธอแอบยืนฟังอยู่ “พี่สา ขายแหวนวงนั้นให้คนที่กำลังจะแต่งงานจะดีเหรอคะ ถึงพวกเราจะกลัวแหวนวงนั้นแต่พี่ก็รู้นี่ว่า กี่คนที่ซื้อไปจะเอากลับมาคืนเพราะถูกยกเลิกงานแต่งตลอด” “ถ้าเขาคือเจ้าของตัวจริง ก็อาจจะไม่เจอเรื่องแบบนั้นก็ได้ ให้แหวนวงนี้อยู่ที่ร้านนี้ต่อพวกเธอก็ไม่เป็นอันทำงานเพราะมัวแต่กลัวผีกันอยู่นี่ล่ะ ไปๆ ทำงานค่ะ” ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินแบบนั้นคงถือแหวนวงนี้กลับไปคืนที่ร้านแล้ว แต่เพราะเป็น ‘ม่านไหม’ หญิงสาววัยแรกรุ่นที่เพิ่งจบเกียรตินิยมอันดับ 1 ปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์ ที่ชื่นชอบของเก่าเป็นชีวิตจิตใจ เธอจึงยืนฟังแบบอมยิ้มและเดินออกจากร้านไปอย่างเงียบๆ ม่านไหมกำลังนั่งบรรจงพิมพ์นิยายเล่มแรกของเธอ คืนนี้บรรยากาศค่อนข้างสบายลมเย็นๆ พัดถูกใบหน้าของเธอเบาๆ บ้านเรือนไม้หลังนี้ของเธอปลูกไว้ใกล้ริมน้ำ ด้วยที่คุณย่าของเธอนั้นชอบบรรยากาศบ้านสวนจึงทำให้ปลูกเรือนหลังนี้ไว้เพื่อมานั่งเล่นกับหลานๆ แต่ตอนนี้คุณย่าได้จากไปแล้วเรือนหลังนี้จึงตกเป็นของหลานคนสุดท้องนั่นก็คือ เธอนั่นเอง ‘แสงไต้ยามค่ำคืนดูสว่างไปทั่ว นี่ก็ย่างเข้าเดือน 12 แล้วหน๋อ หากแต่ก็ยังมิมีข่าวคราวใดมาจากหัวเมือง คุณหลวงอันเป็นที่รักของข้าบัดนี้คงแปรเปลี่ยนใจไปเสียแล้ว เหลือเพียงแหวนทองทับทิมโบราณให้ข้าได้มอง ได้คลายซึ่งความคิดถึงแต่ก็เจ็บปวดใจเจือนจะตายเช่นกัน’ เสียงประตูหน้าบ้านค่อยๆ เปิดออก ม่านไหมหันไปมองด้วยความตกใจ ปรากฏร่างของหญิงสาววัยกลางคนกำลังเดินยกถาดนมกับขนมมาให้พร้อมด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ม่านไหมถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปรับถาดของมาวางไว้ที่โต๊ะ “ไหมเดินไปเอาเองก็ได้ค่ะแม่ แม่โผล่เข้ามาแบบนี้ไหมเกือบช็อกตาย” “เขียนนิยายผีอยู่รึไง ถึงจะช็อกตาย” “ไม่เชิงค่ะแม่ เป็นนิยายความรักที่ถูกขอให้รอ แต่ก็ถูกหักหลัง” “อย่าอินมากจนเป็นเรื่องตัวเองล่ะ นี่คุยเรื่องงานแต่งกับพี่ทิวาเขาไปถึงไหนแล้ว อีกไม่กี่เดือนจะถึงกำหนดการแล้วนะลูก มัวแต่รีๆ รอๆ จะจัดงานไม่ทันนะ” สิ้นเสียงคุณแม่ ม่านไหมก็หันหลังไปหยิบขนมมาใส่ปากทันที พร้อมกับเสียงถอนหายใจเบาๆ “ไม่รู้สิคะแม่ ไหมรู้สึกว่าพี่ทิวาเขาไม่ค่อยอยากจะแต่งงานกับไหมเท่าไร เขาแทบจะไม่คุยเรื่องรายละเอียดงานแต่งเลย นี่ไหมก็ไม่ได้คุยกับเขามาเป็นสัปดาห์แล้ว” “ได้ยังไงกัน ในเมื่อให้ทางผู้ใหญ่มาสู่ขอแล้ว จะทำแชเชือนแบบนี้แม่ต้องคุยกับคุณอมราแล้ว” “งานแต่งก็อีกตั้งหลายเดือน ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวมะรืนไหมก็ต้องไปดูสถานที่ที่ บางปะอินอีก ที่ว่าจะจัดต้อนรับศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยแหละค่ะ ไหมเองคงไม่ว่างยาวเหมือนกัน” “ถ้าพี่เขายังนิ่งอีก ไหมต้องบอกแม่นะ พี่ๆ คนอื่นก็แต่งกันหมดแล้วเหลือแค่ไหมนี่ล่ะ แม่ก็อยากให้มีคนดูแล” ม่านไหมยิ้มหวานพร้อมเดินไปกอดแม่ของเธอ พี่สาวทั้งสองคนของเธอแต่งงานออกเรือนไปกันหมดแล้ว แม่จึงดูห่วงเธอเป็นพิเศษ และด้วยว่าบรรดาพี่สาวมีคนที่ตัวเองชอบกันหมด เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว ก่อนคุณย่าเสียจึงให้เธอแต่งงานกับลูกชายคนโตของเพื่อนสนิท คือคุณอมรา เจ้าของกิจการร้านอาหารทั้งไทยและต่างประเทศ และด้วยเธอเองก็รักคุณย่ามากจึงไม่ขัดความต้องการของคุณย่าด้วยในเรื่องนี้ แต่ในใจลึกๆแล้ว เธอก็ไม่ได้รู้สึกชอบพอพี่ทิวาสักเท่าไร เพราะด้วยความเป็นหนุ่มขรึมมาดนิ่งดูไร้ความรู้สึก ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดทุกครั้งเวลาพบหน้ากัน หากแต่เธอรู้สึกถูกชะตากับลูกชายคนเล็กของคุณอมรามากยิ่งกว่า ด้วยเรียนคณะเดียวและเป็นรุ่นพี่ของเธอทำให้เธอรู้สึกสนิทใจกับเขามากกว่า “งานศิษย์เก่าที่ลูกไปจัดให้นี่ ลูกชายคนเล็กของคุณอมราก็ไปด้วยใช่มั้ย” “พี่เทวินทร์เหรอคะ น่าจะมานะคะ ไหมไม่แน่ใจ” “แม่นึกว่ายังติดต่อกันอยู่ เห็นตัวติดกันตลอดตั้งแต่เด็กๆ” “ไม่ได้คุยกันมาหลายปีแล้วค่ะ เห็นว่าพี่เขาไปต่างประเทศ ไหมก็ช่วงเตรียมจะจบพอดีเลยไม่ได้คุยกันเลย” “งั้นไหมเขียนนิยายต่อเถอะลูก แม่จะไปนอนแล้ว” คุณแม่หยิบถาดขนมและเดินออกจากห้องไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะเดินมากอดลูกสาวคนเล็กอีกครั้งก่อนเดินออกไป ม่านไหมลุกขึ้นและเดินไปยืนที่ริมหน้าต่าง ทอดสายตาไปยังแม่น้ำข้างๆบ้านที่มีแสงหิ่งห้อยลอยไปมา เป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆ ‘เธอคงรู้สึกไม่ต่างจากฉันสินะ เจ้านาง เพียงแต่เธอรอเขาเพราะเขาคือคู่หมายและเธอก็รักเขา แต่ฉันกับพี่ทิวา แม้แต่ความรักก็ไม่รู้ว่ามีอยู่รึเปล่า...’ แสงไฟสะท้อนเข้ามาในห้องนอนที่มืดสนิท ปรากฏร่างหญิงสาวสูงโปร่ง ชุดสไบสีชมพูกรีบบัวพัดไสวไปตามแรงลมเบาๆ ร่างนั่นกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ม่านไหมช้าๆ เธอจ้องมองร่างนั้นด้วยความกลัวแต่ไม่สามารถขยับตัวได้ ใบหน้าสวยงามนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอ แสงไฟที่สะท้อนเข้ามาจากข้างนอกเผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดขึ้น “ดูละม้ายคล้ายข้าเป็นยิ่งนัก ยิ่งประจักสายตายิ่งได้เห็น ดั่งกระจกสะท้อนหน้าทั้งข้าเอ็ง ดั่งได้เห็นใบหน้าข้า บนหน้านาง” ปรากฏใบหน้าสุดงดงามของหญิงสาวตาโตคมหวานสีน้ำตาลเข้ม คิ้วสวยจมูกโด่ง ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูเหมือนชุดที่สวมใส่ ใบหน้าดูฉงนและสงสัยในหน้าตาของเธอ สิ่งที่ทำให้ม่านไหมตกใจที่สุดก็คือ หญิงสาวคนนี้มีใบหน้าที่เหมือนกับม่านไหมราวกับคนคนเดียวกัน “เจ้าเป็นใครกัน ทำไมหน้าตาถึงเหมือนข้ายิ่งนัก” “เธอเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง ทำไมเธอหน้าตาเหมือนฉัน” “บังอาจ!!! เจ้ากล้าถามนามข้าก่อนรึ” “บ้ากันไปใหญ่แล้ว ถามชื่อนี่บังอาจอะไร เธอบุกรุกเข้ามาในบ้านฉันนะ” “ข้าจะให้นังอิ่ม นังก้อนเอาเจ้าไปโบยเสีย กล้าขึ้นเสียงใส่ข้า” พูดจบภาพของห้องนอนที่มืดสนิทของม่านไหม ก็อาบไปด้วยแสงสีขาว ก่อนจะปรากฏภาพเรือนไม้หลังใหญ่ที่กว้างขวางใหญ่โตราวกับเรือนขุนนางในสมัยอยุธยา ม่านไหมหันไปมองรอบตัวเห็นบ่าวไพร่เดินกันให้วุ่นไปหมด ในมือถือสำรับของคาวหวาน ดอกไม้มาลัยเดินเข้าเดินออกไม่ได้หยุด เธอพยายามหลบแต่ก็สะดุ้งขาตัวเองจนหงายหลังด้วยความตกใจ เธอร้องเสียงดังลั่นก่อนจะล้มลงกับพื้นเรือน แต่กลับไม่มีใครมองมาตรงจุดที่เธอล้ม ทุกคนยังคงเดินเข้าเดินออกทำหน้าที่ของตัวเองราวกับไม่เห็นว่าเธอล้มอยู่ตรงนั้น ‘ไม่มีใครเห็นฉันเหรอ โอ๊ย...เจ็บชะมัด’ ม่านไหมพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะเดินตามบ่าวไพร่เข้าไปกลางเรือน เรือนไม้ทรงไทยหลังนี้พื้นที่ค่อนข้างใหญ่โต มีทั้งเรือนชานเล็กแยกเป็นห้องๆ มีดอกไม้ มาลัยตกแต่งประดับทุกห้องจนดูสวยงามราวกับเรียนไทยในยุคปัจจุบันที่เธออยู่ แตกต่างที่ที่นี่ดูวิจิตรงดงามยิ่งกว่ามากมายนัก เธอเดินเข้าไปจนถึงด้านในที่มีโถงและเก้าอี้นั่งอยู่ มีผู้หญิง ผู้ชายที่เริ่มมีอายุนั่งบนเก้าอี้นั่ง และมีหญิงสาววัยแรกแย้มกับชายหนุ่มรูปงามนั่งกันอยู่ที่พื้นข้างๆ ถัดออกมาจากเก้าอี้เล็กน้อย ม่านไหมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะพบว่า หญิงสาวที่นั่งอยู่กับพื้นนั้นคือ หญิงสาวที่เธอเห็นในความมืดที่หน้าตาเหมือนกับเธอราวกับคนคนเดียว หญิงสาวกำลังนั่งหน้านิ่งๆ ปรายตาไปมองชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ยิ้มให้ชายหนุ่มเพียงนิดก็ละสายตาไปมองผู้ใหญ่ที่นั่งกันบนเก้าอี้ “บัดนี้แม่วาดจันทร์ก็ได้อายุออกเย้าออกเรือนแล้ว กระผมจึงเป็นเฒ่าแก่มาสู่ขอแม่วาดจันทร์ให้คุณหลวงพิยาไชยนรงค์ขอรับ หากท่านเจ้าพระยาไม่ติดขัดอันใดกระผมได้เตรียมของหมั้นไว้แล้วเรียบร้อยขอรับ” “มิติดขัดดอกท่านพระยา ข้าเองก็ได้ยินข่าวอยู่เนืองๆ ว่าคุณหลวงเองก็มีใจชอบพอแม่วาดจันทร์มาแต่เยาว์แล้ว หากจักตบแต่งก็เป็นการดีกับแม่วาดจันทร์เสียด้วย ภายภาคหน้าจักได้มีคนดูแล ข้าก็หมดห่วง” ม่านไหมได้ยินไม่ชัดจึงค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปนั่งใกล้ๆ เก้าอี้ของแขกผู้ใหญ่ทางฝ่ายผู้ชาย และสายตาก็หันไปเห็นชายหนุ่มที่นั่งข้างแม่วาดจันทร์ ม่านไหมถึงกับตกใจเพราะใบหน้าของผู้ชายคนนั้นช่างเหมือนใบหน้าของคนที่เธอรู้จักนั่นคือ ‘พี่ทิวา’ ด้วยความตกใจเธอผละไปด้านหลังนิดเล็กน้อย เธอจึงเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ด้านหลังอีกคนและเขาคนนั้นก็ทำให้เธอตกใจหนักกว่าเดิม ด้านหลังเธอนั้นปรากฏร่างชายหนุ่มรูปงาม หน้าคมได้รูป จมูกโด่ง ตาสีเหล็ก ริมฝีปากรูปกระจับ ใบหน้าดูเศร้าและดวงตาเจือไปด้วยน้ำตานิดๆ สายตานั้นจ้องมองแม่วาดจันทร์จากทางด้านหลังไม่ละสายตาประหนึ่งโหยหามากเสียเหลือเกิน แต่ก่อนที่ม่านไหมจะได้หันไปฟังการเจรจาสู่ขอต่อ ภาพเรือนไทยและพิธีสู่ขอก็กลายเป็นสีขาวจนมองไม่เห็นอะไรเลย เธอเอามือขึ้นปิดตาด้วยความแสบตา ก่อนจะเห็นใบหน้าของคุณแม่มายืนยิ้มอยู่ “ตื่นสักทีนะไหม แม่เรียกตั้งนานแล้ว”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ขังรัก

read
17.7K
bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
31.8K
bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
29.4K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
14.2K
bc

เมียลับอุ้มรัก

read
77.8K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
52.4K
bc

My Sister น้องสาว... ที่รัก

read
6.6K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook