“ก็จริงของนายนะ แต่งงานคำๆ นี้ทำเอาฉันไม่อยากยุ่งกับเขาเลยว่ะ” เขาทำท่าครุ่นคิด แต่พอนึกถึงตอนที่ได้กอดจูบ กับศรัญย์ชยาแล้ว ก็รู้ว่าตัวเองพึงพอใจหญิงสาวไม่น้อย แต่ก็ยังไม่พอที่จะแต่งงานและยกชีวิตทั้งหมดให้หล่อนไว้ได้
“ฉันถึงอยากให้นายคิดดีๆ ไง นายปู่ไม่ปล่อยนายไว้แน่ ถ้าไปทำอะไรน้องเขา นายแค่กันเขาไว้เฉยๆ อย่าไปทำอะไรเขาก็พอ นายสัญญากับฉันนะ”
“ฉันไม่อยากรับปาก แต่ต้องสัญญาใช่ไหม” แล้วสองหนุ่มก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน เพราะต่างรู้จักใจของกัน ชอบใคร แล้วไม่เคยปล่อยให้ผ่านมือไปสักที ขณะที่หัวเราะอยู่นั้น ทั้งสองก็หัวเราะไม่ออกเมื่อเห็นแซนดร้า ดาราสาวพราวเสน่ห์ที่เคยเป็น คู่ควงของเดรโกพักหนึ่ง ก่อนจะเลิกรากันไปเพราะหล่อนพยายามเกาะเขาอย่างเหนียวหนึบ กว่าจะหลุดมาได้แทบตาย เจอตัวเมื่อไหร่เรื่องวุ่นๆ เกิดทุกที คราวที่แล้วที่แซนดร้าไปถ่ายแบบที่อังกฤษพอเจอเขาที่โรงแรมของเขาก็มีเรื่องตบตีกับคู่ควงเขาในตอนนั้นอย่างใหญ่โต คิดถึงตอนนั้นเขาและภัควัตยังสยองไม่หาย ไม่คิดว่าแต่ละคนที่คบๆ มาจะร้ายขนาดนี้ ภัควัตเองก็เจอเหตุการณ์ แบบนี้บ่อยเช่นกัน
“เดรโก ดีใจจังที่ได้เจอยู” แซนดร้าวิ่งเข้ามาโน้มคอชายหนุ่มลงมาจูบ ซึ่งเขาเองก็ไม่ขัดศรัทธาจูบตอบอย่างยินดี
ภัควัตเองก็หันหน้าไปมองทางอื่นอย่างขำๆ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำอย่างนี้ โชคดีที่เกาะนี้มีแต่คนที่มีฐานะดีมากๆ ถึงมาพักผ่อนที่นี่ได้ คนพวกนั้นไม่ค่อยสนใจข่าวคาวของดารานัก ไม่งั้นแซนดร้าคงโดนปาปารัซซี่เก็บรูปไปเล่นงานแล้วเป็นแน่แท้
“แอบมาเมืองไทยไม่บอกกันเลยนะคะคุณวัต” หล่อนถามทั้งๆ ที่ยังไม่ลุกจากตักของเดรโก แถมยังเอามือลูบหน้าอกเขาเล่นอีก
“ก็ไม่ได้แอบนะครับ เตรียมการมานานพอควร กะว่ารีบพักรีบมารับช่วงงานต่อแทนคุณแม่เลย” เขาตอบ พลางคิดหาวิธีที่จะให้หล่อนไปจากเกาะนี้ ไม่งั้นแผนในคืนนี้ไม่สำเร็จแน่ๆ ลองให้คืนนี้มีแซนดร้ามาเกาะติดแบบนี้ เดรโกคงไม่ว่างมาช่วยเขาแน่แท้
“จะรีบ ทำงานเก็บเงินไปถึงไหนคะเนี่ย ที่มีอยู่แล้วยังไม่พอเหรอคะ”
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณแม่เหนื่อย เดี๋ยวผมขอตัวไปทางนั้นก่อนนะครับ ไม่อยากเป็น ก ข ค” เขาเดินเลี่ยงไปอีกทาง ที่จริงแล้วเขาไม่ได้หมายความอย่างที่พูดหรอก แต่เขาเดินออกมาเพื่อโทรลูกน้องให้หาผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาวให้โกหกว่ามีงานด่วนเงินงามเข้ามา ซึ่งเขามั่นใจว่าแซนดร้าเห็นเงินสำคัญกว่าแน่นอน
“ตา ดูนั่นสิ นั่นมันยัยแซนดร้านางเอกละครน้ำเน่าไม่ใช่เหรอ โห มากอดจูบนายเดรโกอย่างไม่อายฟ้าอายดิน ถ้าฉันมีกล้องนะ ฉันจะถ่ายเอาไปลงหน้าหนึ่งให้อายเลย ออกงานแต่ละทีตีหน้าซื่อเชียว ตัวจริงแรงอย่าบอกใครเลย” ศรัญย์ชยาเรียกเพื่อนให้ดูสองคนที่กำลังกอดจูบกันอยู่
“เอาเหอะ เขาเป็นฝรั่งทั้งคู่นี่นา เขาคงไม่แคร์อะไร” ริตาตอบอย่างคนที่ไม่สนใจเรื่องของคนอื่นเท่าไหร่ แต่ก็แอบแปลกใจนิดๆ เพราะปกติเพื่อนเธอไม่เคยสนใจคนอื่นขนาดนี้นี่นา
“กอดจูบกับเขาไปทั่ว นายอย่าหวังนะว่าจะได้มาทำอะไรกับฉันอย่างนี้อีก หล่อก็ช่าง ถึงฉันชอบคนหล่อ ฉันก็ไม่ง้อ” ศรัญย์ชยาพูดคนเดียว แล้วตีน้ำทะเลอย่างงอนๆ แต่เพื่อนกลับ อ้าปากค้างกับคำพูดของเธอ
“อะไรนะ เธอถึงขนาดจูบกับเขาเลยเหรอ ทำไมเธอไม่เล่าให้ฟังห๊า โอ๊ยเพื่อนฉัน เล่ามาเลยนะ” ริตาลากแขนเพื่อนเข้าไปที่บ้านพักทันที
เมื่อเรื่องทุกอย่างถูกเล่าออกจากปากของเพื่อน ทำเอาริตากุมขมับไปเลยทีเดียว เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเพื่อนจะยอมให้เดรโกจูบ แต่ก็รู้ว่าเพื่อนนั้นชอบคนที่หน้าตาดีมากๆ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะยอมให้ใกล้ชิดตัวได้ขนาดนั้น เห็นแค่พูดเล่นๆ ว่าถ้าเจอคนหล่อๆ แล้วถูกใจจะจับปล้ำ สงสัยคงจะทำจริง
“เธอนี่ เดี๋ยวก็เสียสาวให้เขาหรอก” เธอล้อเพื่อนเล่น
“ก็ดีสิ ฉันยอม” อีกคนตอบอย่างไม่ยี่หระ
“ห๊า” ริตาตะลึง
“ฉันพูดเล่นน่า ไม่ต้องมาทำตื่นเต้นเลย ไปอาบน้ำกินข้าวกัน หิวไส้จะขาดแล้ว” เมื่อสองสาวไปอาบน้ำในห้องพักกันแล้ว ภัควัตและเดรโกก็เดินเข้ามาที่บ้านพักเช่นกัน เพราะใกล้ถึงเวลา ทานข้าวเย็น ชายหนุ่มทั้งสองต่างโล่งใจที่เชิญแซนดร้ากลับกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ ภัควัตเองก็ดีใจที่คืนนี้สิ่งที่เขาอยากทำก็จะได้ทำ
ริตา คืนนี้เราได้เจอกันแน่! เขาหมายมาดในใจ
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นทุกคนก็มานั่งรวมกันที่โต๊ะอย่างพร้อมเพียง เดรโกเองก็ตื่นตาตื่นใจกับอาหารทะเลสดๆ ที่แม่บ้านเตรียมมาให้ โดยไม่ทันเห็นสายตาที่มองมายังเขาอย่างไม่ค่อยจะพอใจของศรัญย์ชยาเลย ส่วนภัควัตนั้นมองริตายิ้มๆ อย่างคนคิดอะไรในใจ ซึ่งริตาเองก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ คงหาเรื่องมาว่าเธออีกล่ะมั้ง ในใจเขาคงคิดอะไรไปไม่ได้มากกว่าเรื่องนี้หรอก
“อะนี่ ผมให้คุณ” ภัควัตเอ่ยหลังแกะกุ้งตัวโตแล้วยื่นให้ริตา
“ริตาไม่กินกุ้งค่ะ แพ้” อีกฝ่ายตอบไปแกนๆ ที่จริงริตาไม่ได้แพ้หรอก แต่ว่าไปอย่างงั้นเอง แต่คนตักให้ถึงกับทำหน้าเหรอหรา
“เอ้าแล้วจะกินอะไรล่ะ เอาปูไปละกัน” เขาตักให้อย่างเอาใจอีกรอบ
“ริตาก็กินไม่ได้อีกล่ะค่ะ”
“เอ้า แล้วจะกินอะไรล่ะ” เขาถามอย่างจนใจ
“ริตา แพ้อาหารทะเล” ริตาตอบ
“เอ๊า อาหารที่โต๊ะนี่ก็ทะเลหมด จะกินอะไรล่ะ หมูก็ไม่มี ไก่ก็ไม่มี ทำไมไม่บอกแม่บ้านก่อนจะได้ไม่ลำบาก” เขาดุเต็มที่
“ก็กินที่อยู่บนโต๊ะนี่ไงคะ”
“จะกินได้ไงล่ะไหนบอกว่าแพ้ไง”
“ก็ริตา พูดเล่นไงคะ” พอพูดจบก็จิ้มกุ้งเข้าปากหน้าตาเฉย ทำเอาภัควัตเหวอไปเลย ไม่นึกว่าจะโดนแกล้งจากคนที่หงิมๆ เรียบร้อยอย่างนี้ได้
“จริงๆ เลย” เขาบ่นอุบอิบ
ริตาแอบดีใจเล็กๆ ที่เอาคืนเขาได้ซักที ให้มันรู้ไปเลยว่า ถ้าใครทำให้ไม่พอใจต้องปวดประสาทแบบนี้ล่ะ เธอคิดในใจ หลังจากนั้นทุกๆ คนก็ทานข้าวกันไปอย่างเงียบๆ และแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมันเพื่อพักผ่อน หลังจากที่เล่นน้ำกันมาเหนื่อยๆ