ฉันมาถึงสถานที่ตามนามบัตรแล้วเงยหน้ามองยังป้ายชื่อร้านจนแน่ใจว่าใช่ที่เดียวกันกับนามบัตรจึงเดินเข้าไปด้านใน
“ขอโทษนะคะ พอดีมีคนแนะนำมาว่าที่นี่รับสมัครพนักงาน” ฉันเดินไปถามผู้หญิงคนหนึ่งพอดีจึงเอ่ยถามขึ้น เธอน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน (มั้ง) ดูท่าทางใจดี
“อ่อใช่ แต่ต้องรอผู้จัดการร้านนะ อีกสักพักคงมา”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“ชื่ออะไรหรอ” เธอคนนั้นถามฉัน
“พลอยฝัน”
“อายุเท่าไหร่อะ”
“ยี่สิบจ้ะ”
“เท่ากันเลย ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เธอคนนั้นยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“เช่นกันค่ะ ว่าแต่เธอหล่ะ” ฉันย้อนถามเธอเช่นกัน
“เราชื่อดาว รู้สึกถูกชะตากับพลอยฝันจัง” เธอพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดาวเป็นผู้หญิงสูง ผิวออกสีแทน ตาโต หุ่นดี เวลายิ้มมีรักยิ้ม 2 ข้างแก้มดูมีเสน่ห์มาก
ฉันนั่งคุยกับดาวอยู่ไม่นานราว 15 นาทีจนเริ่มคุ้นเคยกัน
“นั่นไง ผู้จัดการมาแล้ว” ดาวเอ่ยขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปทางประตูด้านหน้าฉันจึงมองตามที่ดาวชี้
ฉันเห็นผู้ชายวัยกลางคนกำลังเดินมาทางที่เรากำลังนั่งอยู่
“พี่เฟิร์สๆ มีคนมาสมัครงานค่ะ” ดาวกวักมือเรียกผู้ชายคนนั้น แต่ทำไมดูสนิทกันจัง “พี่ชายเราหน่ะ” ดาวกระซิบบอกคงเห็นฉันแสดงออกทางสีหน้าด้วยความสงสัย
“อ๋อ จ๊ะ” ฉันตอบดาว จนผู้ชายคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าพวกเรา
“ว่าไง ไอ้น้องตัวแสบ .... คนนี้หรอ” ประโยคหลังเขาหันหน้ามาทางฉัน
“ใช่ ชื่อพลอยฝันอายุเท่าน้องเลย” ดาวแนะนำชื่อฉันกับพี่ชายของเธอ
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ครับ...สนใจสมัครตำแหน่งไหนหรือว่าถนัดด้านไหนบ้าง”
“หนูทำได้หมดค่ะ คือ ตรงๆ เลยนะคะ หนูร้อนเงินค่ะจำเป็นต้องใช้ด่วน” ฉันบอกเขาตามความจริงแค่ไม่ได้เจาะลึกว่าร้อนเงินเพราะอะไร
“หืม...........” พี่เฟิร์สตอบอย่างสงสัย
“ น๊า พี่เฟิร์สช่วยพลอยฝันหน่อย น้องชอบพลอยฝัน”
“ห๊ะ!....” พี่เฟิร์สร้องขึ้นเสียงดัง
“ถูกชะตา ไม่ใช่ชอบแบบนั้นพี่ก็” ดาวชี้แจง
“จะให้ทำอะไรดีหล่ะ....แคชเชียร์ไหวไหม”
“ได้ค่ะ หนูคิดว่าทำได้แค่แรกๆ ต้องมีคนช่วยสอนหนูก่อน”
“ อ่าโอเคงั้นก็ทำแคชเชียร์ก่อนนะ พอดีคนเก่าจะลาออกพอดีเดือนหน้างั้นก็ให้เขาส่งต่องานแล้วกัน”
“ขอบคุณมากๆ ค่ะพี่ หนูเรียกพี่เฟิร์สเหมือนดาวได้ไหมคะ” ฉันถามพร้อมส่งยิ้มอ่อน
“ได้สิ ตามนั้นงั้นพี่ไปก่อนนะ.....ถ้าเริ่มวันนี้เลยไหวไหม”
“หนูของพรุ่งนี้ได้ไหมคะ วันนี้หนูต้องไปเยี่ยมแม่”
“อ่าได้ งั้นเจอกันพรุ่งนี้หกโมงเย็น” พี่เฟิร์สส่งยิ้มฉันจึงยิ้มตอบด้วยความเป็นมิตร แล้วพี่เขาก็เดินจากพวกเราไป
“เจอกันพรุ่งนี้นะพลอยฝัน”
“จ๊ะ ?”
ฉันลากับดาวแล้วเดินออกจากร้านมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าแม่ ฉันจะไหวไหมนะกลางวันต้องทำงานที่ร้านแล้วต้องต่อกลางคืนด้วย แต่จะทำยังไงได้ฉันไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ฉันนึกไม่ออกจะต้องทำงานอะไรดีที่จะได้เงินเร็วๆ ยังไงฉันก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อแม่คนเดียวของฉัน
วันต่อมา
“พลอยฝันเป็นไงบ้าง พอทำได้ไหม” ดาวถามฉันในขณะที่ฉันกำลังนั่งอยู่ตรงเคาท์เตอร์แคชเชียร์ ฉันทำงานที่นี่ได้ 3 วันแล้ว ถามว่าเหนื่อยไหม ? มันเหนื่อยมากแต่เพื่อคนที่ฉันรักที่สุดตอนนี้แม่ของฉันก็ยังไม่ฟื้นเลย เห้อชีวิตของฉันจะไม่มีวันได้ดีเลยงั้นหรอ
“ทำได้สบายมาก ขอบใจนะดาว” ฉันเอ่ยอย่างเป็นมิตร
“เลิกงานพลอยฝันรีบกลับบ้านหรือเปล่า ”
“เราต้องรีบไปโรงพยาบาลน่ะ แม่เราไม่สบาย”
“อ๋อ เดี๋ยววันหลัง เรากับพี่เฟิร์สไปเยี่ยมแม่พลอยฝันกัน”
“ได้จ้ะ ?”
ฉันทำงานจนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะเลิกงานแล้ว ฉันรู้สึกว่ามองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าไม่ชัดเจนมันเบลอไปหมดเรียวแรงที่จะยืนแทบไม่มี ตาของฉันค่อยปิดลงอย่างช้าพร้อมกับขาที่ค่อยๆ อ่อนแรง ฉันเห็นใครบางคนกำลังเดินมาทางฉันแต่ยังไม่ได้เห็นเขานั้นชัดเจนทุกอย่างก็วูบดับไป
เสียงอื้ออึงพร้อมจมูกที่ได้กลิ่นเหมือนกลิ่นยากระทบกับจมูกที่นี่คงไม่พ้นโรงพยาบาล ฉันเริ่มรู้สึกตัวและพยายามลืมตาขึ้นทุกอย่างเลือนรางจนฉันต้องหลับตาลงอีกครั้งเพื่อปรับสายตาในการมอง ฉันเห็นชายชุดดำคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงโซฟาซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วใครพาฉันมาที่นี่
“คุณคะ” ฉันเรียกผู้ชายคนนั้น
“คุณฟื้นแล้วหรอ”
“คุณพาฉันมาส่งโรงพยาบาลหรือคะ” ฉันขยับตัวลุกนั่งหลังพิงหัวเตียงคนไข้
“คุณวายุเป็นคนสั่งให้ผมพาคุณมาส่งโรงพยาบาล เพราะเห็นคุณเป็นลมตรงเคาท์เตอร์ที่ผับ” เขาบอกฉัน
“คุณวายุ” ฉันถามด้วยความงง คุณวายุคนเดียวกับเจ้าของร้านอาหารที่ฉันเป็นเด็กเสิร์ฟหรือเปล่านะ
“ครับ! คุณวายุเป็นเจ้าของผับนั่น” ฉันตกใจโอ้ว โลกจะกลมไปไหน
“อ๋อ ค่ะ”
“ร่างกายของคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ ต้องให้น้ำเกลือจนหมดกระปุกนี้ก็กลับบ้านได้ คุณวายุสั่งผมไว้ให้ไปส่งคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเกรงใจ เดี๋ยวหนูกลับเอง”
“ผมยังไม่อยากตายครับ”
หมายความว่ายังไง ไม่อยากตายคุณวายุเขาใจร้ายหรอแต่ท่าทางเขาดูใจดีออกฉันก็ได้แต่สงสัยในใจเท่านั้นไม่กล้าเอ่ยปากถามออกไป