“กรี๊ดดดดด...จารย์...จารย์มาร์ตมาแก...มาทางนี้แล้ว กรี๊ดดดด...”
ทุกครั้งที่ มาร์ติเนซ มาเลซาสโซ ปรากฏตัวขึ้นในมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเป็นทั้งเจ้าของและอาจารย์ผู้สอน เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ก็จะดังขึ้นแบบนี้เป็นประจำจนชายหนุ่มคุ้นเคยกับมันไปเสียแล้ว เขาทำเพียงแค่ระบายยิ้มให้ แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงาน
“ล้อหล่อ...” นักศึกษาสาวๆ ต่างพากันชื่นชมอย่างออกนอกหน้ากับความหล่อเหลาปานเทพบุตรของอาจารย์หนุ่มรูปงามยิ่งกว่าเทพบุตรลงมาจุติ
“ใช่แก...หล่อมาก ฉันเข้ามาเรียนที่นี่ก็เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ เขาเลยนะ”
“เหมือนฉันเลยแก ไม่งั้นไม่มาเรียนที่นี่หรอก ค่าเทอมอย่างแพง”
นักศึกษาสาวๆ คุยกันอย่างออกรสออกชาติ ก่อนจะต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงอู้หู เมื่อหันไปเห็นอาจารย์สาวสวยดีกรีนักเรียนนอกเดินผ่านมาพอดี
“พวกเธอมายืนทำอะไรกันแถวนี้ล่ะ ไม่มีเรียนหรือไง” รวีบงกชตวัดตาที่กรีดด้วยอายไลเนอร์มองนักศึกษาสาวๆ ตรงหน้าอย่างไม่พอใจ “แล้วนั่นน่ะ น้ำลายที่มุมปากเช็ดออกกันเสียด้วย”
“จารย์น่ะ พวกเราก็แค่มาแอบมองจารย์มาร์ตเองค่ะ” นักศึกษาสาวนางหนึ่งอธิบาย
“จะมาแอบมองทำไม ไม่รู้หรือไงว่าอาจารย์มาร์ตของพวกเธอน่ะกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว” น้ำเสียงของรวีบงกชดุดันขึ้นจนแปลกหู
“พวกหนูรู้กันแล้วล่ะค่ะ ข่าวออกจะดัง”
“รู้แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับอาจารย์มาร์ตอีก จะไปไหนก็ไปกันเลยพวกเธอน่ะ”
“ค่ะ จารย์รวี”
“ค่ะ ก็ไปได้แล้ว”
นักศึกษาสาวหลายคนพากันเดินออกไปจากทางเดินขึ้นตึกอาคารอำนวยการ
“แรดแต่เด็กเลยนะนังพวกนี้” รวีบงกชบ่นตามหลังเหล่านักศึกษาไปอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันมองขึ้นไปบนตัวตึก แล้วพยายามปรับสีหน้าพร้อมกับก้าวเข้าไป
“คุณมาร์ตมีสอนเหรอคะ”
เมื่อเดินเข้ามาแล้วพบมาร์ติเนซระหว่างทางเดิน รวีบงกชก็อดทักทายเสียงอ่อนเสียงหวานไม่ได้
“ครับ”
“แหม นึกว่าจะเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวอย่างเดียวเสียอีกนะคะ”
มาร์ติเนซระบายยิ้มน้อยๆ สีหน้าเรียบขรึม
“เจ้าบ่าวอย่างผมไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากหรอกครับ หนักไปที่ทางเจ้าสาวมากกว่า”
“นั่นสิคะ เห็นว่าขาพิการด้วยใช่ไหมคะ” รวีบงกชพูดออกไปแล้วก็รีบยกมือขึ้นปิดปากของตัวเอง ก่อนจะจีบปากจีบคอแก้ไขคำพูด “อุ๊ย...รวีขอโทษนะคะ เผลอไปน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นเรื่องจริง เพราะเจ้าสาวของผมนั่งรถเข็น” สีหน้าของมาร์ติเนซยังคงเรียบเฉย “ผมขอตัวก่อนนะครับคุณรวี ต้องไปเตรียมตัวสอนแล้วครับ” เขาจะเดินจากมา แต่รวีบงกชคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
ชายหนุ่มหรี่ตามองฝ่ามือขาวสะอาดของรวีบงกชที่ท่อนแขนของตัวเอง ก่อนจะมองหน้าหล่อน หญิงสาวจึงรู้ตัวและรีบเอามือออกไปจากท่อนแขนล่ำของเขา
“ขอโทษค่ะ”
มาร์ติเนซระบายยิ้มบางๆ บอกให้รู้ว่าไม่ได้ติดใจเอาความอะไร “ว่าแต่คุณรวีมีอะไรกับผมอีกหรือครับ”
“เอ่อ...รวีอยากทราบบางเรื่องน่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปดีหรือเปล่า” หล่อนแสดงทีท่าอึดอัดลำบากใจ
“ถามมาเถอะครับ ถ้าผมตอบได้ ผมจะตอบ”
รวีบงกชเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจตอบออกมา “ทำไมคุณมาร์ตถึงตัดสินใจ...แต่งงานกับเจ้าสาวที่ขาพิการล่ะคะ ทั้งๆ ที่มีผู้หญิงเพียบพร้อมอีกมากมายรอให้คุณมาร์ตเลือก”
แววตาของมาร์ติเนซราบเรียบอ่านความรู้สึกไม่ออก แต่ที่ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ แต้มอยู่
“เพราะผมอยากดูแลวลีน่ะครับ”
“อยากดูแล...ผู้หญิงพิการที่วันๆ เอาแต่นั่งรถเข็นเนี่ยนะคะ”
“ครับ ผมอยากดูแลเธอ”
“แต่รวีว่าเธอไม่คู่ควรกับคุณมาร์ตเลยสักนิดค่ะ” รวีบงกชลืมตัวออกความคิดเห็นส่วนตัวอย่างออกรสออกชาติ “ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างคุณ มาร์ตน่าจะได้ผู้หญิงที่ดีกว่านี้...”
ใบหน้าของมาร์ติเนซยังคงมีรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาสุภาพนุ่มนวลยามพูดโต้แย้งออกมา
“คนเรามองความเพียบพร้อมต่างกันครับ”
“ยังไงเหรอคะ”
“สำหรับผม...วลีเพียบพร้อมสำหรับผม และเธอก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมต้องการดูแลไปชั่วชีวิต”
รวีบงกชไม่อยากจะเชื่อที่หูได้ยิน “รวีว่าคุณมาร์ตขัดความต้องการของผู้ใหญ่ไม่ได้มากกว่าค่ะ”
มาร์ติเนซยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ “ผมมีจุดยืนของตัวเองเสมอ และถ้าไม่ใช่หรือไม่ชอบ ผมจะไม่มีวันยินยอมพร้อมใจ”
“แต่รวีว่า...”
“ผมขอตัวนะครับ ต้องไปสอนแล้วจริงๆ”
“เอ่อ ค่ะ...”
รวีบงกชมองตามร่างสูงใหญ่ของของมาร์ติเนซไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียดาย
“นังง่อยนั่นมันคู่ควรกับคุณที่ไหนกัน ฉันต่างหากที่ควรจะได้คุณมาครอบครอง คุณมาร์ต” คนบ่นพึมพำกำมือทั้งสองข้างที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความริษยา