ปลายนิ้วเรียวของสราวลีจิกลงกับที่เท้าแขนของรถเข็นสุดแรงอย่างลืมตัว “ถึงฉันจะเป็นยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ...” หล่อนกัดฟันเค้นเสียงตอบออกไป “ซึ่งเป็นแค่คนนอก จริงไหมคะ คุณรวีบงกช” สราวลีฝืนยิ้มหยัน ทั้งๆ ที่ภายในใจเจ็บทรมาน เพราะทุกคำพูดของรวีบงกชมันคือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ รวีบงกชกัดปากแน่นมองสราวลีอย่างโมโห “ฉันก็แค่อยากให้คุณมองเห็นความจริงเท่านั้นเอง ขอตัวนะคะ ฉันขอไปช่วยคุณมาร์ตคิดงานก่อน ส่วนคุณ...ก็นั่งเหงาๆ อยู่ตรงนี้แหละค่ะ” แล้วรวีบงกชก็สะบัดหน้าเดินจากไป ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แสงแก้วมาพอดี “ยัยนั่นมารบกวนอะไรคุณหนูหรือเปล่าคะ” แสงแก้วถามเสียงไม่สบายใจ สราวลีกะพริบไล่หยาดน้ำตา ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “ไม่มีอะไรหรอกแสง” แสงแก้วไม่เชื่อนัก แต่ก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไรเจ้านายมาก เพราะสีหน้าของสราวลีดูไม่ค่อยดีเลย “คุณหนูหิวหรือยังคะ” “วลีอยากกลับบ้านน่ะ แสงพาวลีกลั