“อาจารย์...เห็นด้วยเหรอคะ”
“หึ ๆๆ เห็นสิ ทำไมจะไม่เห็น”
“แต่หนูนั่งอยู่หลังเสาเลยนะคะ อาจารย์เห็นหนูได้ไง”
“หึ ๆๆ แล้วทำไมจะเห็นไม่ได้ล่ะ ผมเห็นคุณตลอดนั่นล่ะนักศึกษา ตั้งแต่วันนั้นผมก็คอยมองหาคุณตลอดเพราะเดี๋ยวมีเด็กของผมไปยืนสั่นปล่อยให้คนลวนลามอีก...ผมเป็นห่วงนะรู้ไหม”
“คะ? เป็น เป็นหะ... / มิ่น~”
ขวับ!
ฉันหันไปตามเสียงเรียกทันที
มี...ญ่า!
จังหวะกำลังดีแท้ ๆ รอตั้งนานมาไม่ถึงสักทีบทจะมาถึงก็มาตอนนี้เนี่ยนะ!
-_-!
โกรธเพื่อนได้ไหมเนี่ย!
“เอ่อ...เพื่อนหนูมาแล้ว ขอเตรียมตัวส่งงานก่อนนะคะ” ฉันรีบบอกอาจารย์ปกป้องที่กำลังมองฉันแล้วอาจารย์เขาก็ยิ้มให้
“ครับ” รับคำแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็เอามือล้วงกระเป๋าจากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องอีกครั้ง
...ดูดีเนอะ
“อุ้ย!” เสียงอุ้ยที่ดูไม่ได้ตกใจอย่างที่ควรจะเป็นทำให้ขมิ้นคนสวยต้องละสายตาจากอาจารย์ปกป้องสุดหล่อไปมองวีญ่าเพื่อนร้าก~
“อุ้ยอะไรของแก”
“อุ้ย! อุ้ย อุ้ย อุ้ย!”
“เดี๋ยวเถอะนะญ่า! ไม่ต้องมาแซวเลย มาช้าแล้วยังมาผิดจังหวะอีก” ฉันมองค้อนเพื่อนที่กำลังยิ้มระรื่นแซวฉันอยู่
“ฉันขอโทษ~ ขอโทษน้าเพื่อนร้าก~” วีญ่าเดินมาเกาะแขนแล้วก็ออเซาะแต่รู้หรอกว่าแกล้ง -_-!
“ไม่ต้องเลย คราวหน้ามาขัดจังหวะอีกฉันจะโกรธแก”
“ฮ่า ๆๆ ไม่มีอีกแล้วเพื่อน สัญญาว่าถ้ามีครั้งต่อไปจะปล่อยให้เพื่อนเต๊าะอาจารย์ปกป้องให้เรียบร้อยเลย”
“บ้า! ฉันไม่ได้เต๊าะอาจารย์เขาเลย” แต่สำหรับอาจารย์เขาอันนี้มิ่นก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะว่าคำพูดเมื่อกี้แปลว่าเต๊าะรึเปล่า
แต่ถ้าเมื่อกี้เรียกว่าเต๊าะก็อยากบอกตรง ๆ นะว่าอย่าเต๊าะ...จีบเลยง่ายกว่า >///-สิบนาทีต่อมา-
“ไปกันเถอะ เร็ว ๆ” พอออกจากห้องของอาจารย์ปกป้องหลังจากส่งงานเสร็จวีญ่าก็ลากแขนฉันทันที
“ไปไหน?”
“ไปกินข้าวกันจ้ะเพื่อนรักพี่ชายเพื่อนรออยู่ วันนี้พี่ชายเพื่อนมาส่งพี่เขาว่างเลยจะพาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงด้วย”
“พี่ชาย?” วีญ่ามีพี่ชายด้วยเหรอคะ ที่รู้มาตลอดระยะเวลาสองปีที่เป็นเพื่อนกันไอ้ญ่ามันเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ?
“อื้อ ลูกพี่ลูกน้อง เป็นลูกของคุณลุง หล่อมาก~ มาเร็ว รอนานเดี๋ยวพี่ฉันด่า พี่ฉันนอกจากหล่อมากก็ยังดุมากด้วยนะแก เร็ว ๆ” วีญ่าพูดจบก็ฉุดกระชากฉันให้เดินเร็วขึ้นฉันเลยไม่ได้ถามอะไรต่อนอกจากรีบเดินตามเพื่อนเพราะแค่ได้ยินคำว่าพี่ชายดุก็กลัวแล้วค่ะ
“แกไปกินข้าวกับพี่ชายสองคนดีกว่าไหม” ระหว่างที่เดินไปที่ลานจอดรถฉันก็บอกเพื่อนสนิทเพราะเกรงใจ ไม่เคยเจอพี่เขาอยู่ ๆ จะให้ไปกินข้าวด้วยกันก็คงเกร็ง ๆ
“ได้ไง ไม่ได้ ต้องไปกินข้าวด้วยกัน” เสียงดื้อแบบนี้ฉันรู้ว่าวีญ่าไม่ยอมหรอกแต่ฉันก็เกรงใจพี่ชายเพื่อนไงคะ
“แต่... / พอ ๆ ไม่ต้องพูดแล้วมิ่น ไปกินข้าวด้วยกันนั่นแหละถึงรถแล้วเนี่ย” ฉันกำลังจะหาข้ออ้างต่อแต่เพื่อนดันบอกว่าถึงแล้วซึ่งข้างหน้าเป็นรถหรูสีขาวคันหนึ่งจอดติดเครื่องอยู่ มาถึงแล้วก็คงต้องไปสินะ เอาวะ พี่ชายเพื่อนก็เหมือนพี่ชายเรานั่นแหละ
“อ่ะ เชิญค่ะคนสวยของเพื่อน~” วีญ่าเพื่อนรักรีบเดินไปที่ประตูด้านหลังของรถแล้วเปิดให้ฉันแถมยังทำท่าผายมือให้ขึ้นรถฉันก็เลยไม่ได้อิดออดเพราะเกรงใจเจ้าของรถเดี๋ยวขึ้นรถแล้วค่อยไหว้พี่ชายเพื่อน
ฉันเข้าไปนั่งในรถแล้วก็หันไปมองเบาะคนขับที่มีเจ้าของรถนั่งอยู่พร้อมกับยกมือขึ้นมาไหว้ทันที
“สะ...” ฉันพูดได้แค่นี้ แค่นี้จริง ๆ เพราะแค่มองจากด้านหลัง เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างมุมแปดสิบห้าองศาหรือต่อให้ไม่เห็นกันอีกสักห้าปีสิบปียังจำได้ชัดว่าใคร...
ใครจะจำคนที่เพิ่งรู้จักแต่ดันฝากรอยแผลที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตไว้ให้ตัวเองไม่ได้!
ฉันพูดอะไรต่อไม่ได้เลย เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง เขาไม่ได้หันมามองเลย แต่ฉันก็ยังดันได้สบตากับเขาผ่านกระจกมองหลัง
เขา...เป็นพี่ชายไอ้ญ่าเหรอ? เป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทฉันโดยที่ฉันไม่เคยรู้เลยได้ยังไง ก็รู้นะคะว่าเพื่อนสนิทของตัวเองบ้านรวยมากถึงจะชอบทำตัวธรรมดาขัดกับฐานะทางบ้านมากก็เถอะแต่ก็ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมจนเพื่อนสนิทจะเป็นคนรวยในตระกูลเดียวกันกับโจทย์เก่าของฉัน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับฉันอีก โดนทำร้ายแผลเก่ายังรักษาไม่หายด้วยซ้ำแล้วทำไมต้องให้ฉันกับผู้ชายคนนี้โคจรมาเจอกันโดยบังเอิญอีก...
...ทำไมโลกถึงได้ใจร้ายกับความรู้สึกของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่โคตรธรรมดาคนนี้ขนาดนี้คะ
“...” เขามองฉันผ่านกระจกมองหลังด้วยสายตาราบเรียบไม่รู้คิดอะไรอยู่ แต่ก็คงไม่ใช่สายตาที่ดีหรอกเพราะเขามัน...ไม่ใช่คนดี!
“ไงคะพี่ชาย รอไม่นานใช่ไหมล่ะน้องบอกแล้วว่าไปส่งงานแป๊บเดียว” วีญ่าขึ้นมาในรถบ้างพร้อมกับเสียงสดใสร่าเริงทำให้การสบตาที่น่าอึดอัดผ่านกระจกมองหลังของฉันกับไอ้แม็คเวรจบลงไปสักที!
“อื้ม”
“อ้อ นี่ขมิ่นเพื่อนสุดน่ารักที่น้องบอกไง ขมิ้นคนสวยจ๋านี่พี่แม็คเวลพี่ชายเพื่อนเองจ้ะ” วีญ่าทำหน้าที่แนะนำให้เราสองคนรู้จักกันแล้วฉันต้องทำยังไงดีคะ?
“...สวัสดีค่ะ” ฉันนิ่งไปนิดหน่อยแล้วฝืนใจยกมือไหว้เขาทั้งที่ความจริงรู้สึกหนักมือเป็นบ้า ไม่อยากยกมือสวัสดีเพราะคนแบบนี้มันน่าจะยกขาหน้าทักทายมากกว่า
“ครับ”
“...”
...ครับ
หึ! ตอแหล โอเคค่ะดูเหมือนเขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันเหมือนที่ฉันทำหรือบางทีอาจจะจำฉันไม่ได้แล้วก็ได้มั้ง ถ้างั้นก็เอาตามนี้ ไม่ต้องรู้จักกันเพราะฉันก็ไม่อยากรู้จักไอ้เลวซังกะบ๊วยคนนี้ไปมากกว่านี้เหมือนกัน
“เป็นไงพี่เวลเพื่อนน้องสวยมากอย่างที่โม้ให้ฟังไหมล่ะ” อะไรของมันเนี่ยวีญ่า นี่มันเล่าเรื่องฉันให้พี่ชายตัวเองฟังเหรอ แล้วนี่มันเล่าอะไรให้พี่ชายมันฟังบ้าง?
ฉันสงสัยแต่ความสงสัยก็ถูกลบไปด้วยสายตาของเขาที่มองฉันผ่านกระจกอีกครั้งหลังจากที่น้องสาวของเขาถามจบ
“...อื้ม”
“อื้มนี่แปลว่า?” พอแล้ววีญ่าเอ๊ย จะไปกินข้าวก็ไปเถอะมันจะได้จบ ๆ ไม่ต้องให้พี่ชายแกชมฉันหรอกเพราะต่อให้ชมว่าสวยแค่ไหนพี่ชายแกก็แค่ฟันฉันแล้วทิ้งอยู่ดี
“ก็สวยไง” เหอะ! ก็สวยไงแปลว่าอะไร? สวยไงแปลว่าไม่สวยถูกต้องไหมเพราะถ้าสวยคงไม่ถูกลากไปเป็นของเล่นของกลุ่มผู้ชายไฮโซ!
“ฮั่นแน่~” วีญ่ามันยื่นหน้าไปหาพี่ชายแล้วก็ทำหน้ารู้ทันอย่างกับพี่ชายมันจะคิดอะไรกับฉันซึ่งมันไม่ใช่เลยวีญ่า แกไม่รู้อะไรเลย...
“อะไร?” เขาพูดสั้น ๆ ถามคำตอบคำ ดูเย็นชาไม่ต่างจากตอนที่เขาคุยกับฉันเท่าไหร่ นี่ตกลงคนเลวคนนี้เย็นชาเป็นปกติไม่ใช่แค่ตอนคุยกับฉันเหรอ แต่ไม่หรอก ถึงเขาจะเป็นคนเย็นชาแต่กับฉันอาจจะเย็นชามากกว่าคนอื่นมากหน่อยเพราะไม่รู้สึกอะไรแค่อยากสนุก
“สวยใช่ไหมล้า~ แต่เสียใจด้วยนะคะสุดหล่อของน้องเพราะตอนนี้เพื่อนมิ่นกำลังจะอินเลิฟ~เนอะเพื่อนเนอะ” วีญ่ามันจะพูดอะไรนักหนาเนี่ย -_-!
“แก... / ไม่ต้องเขินเลยเพื่อนรัก เฮ้อ~ จะว่าไปก็แอบเสียดายจริง ๆ นะ อยากพามาเจอกันหลายครั้งแล้วแต่พี่เวลก็ไม่มีเวลามาเจอน้องเลย ถ้าพาพี่เวลมาเจอไอ้มิ่นก่อนไอ้มิ่นจะอินเลิฟกับอาจารย์ปกป้องนะญ่าคงมีลุ้นได้เพื่อนรักไปเป็นพี่สะใภ้บ้าง”
“ญ่า! แกจะพูดอะไรเยอะแยะเนี่ย เงียบเลย จะไปกินข้าวก็ไปฉันจะรีบกลับไปทำความสะอาดห้อง” ฉันขยับไปกระซิบปรามวีญ่าให้มันหยุดพูดสักทีไม่ต้องพูดอะไรเรื่องฉันระหว่างที่มีพี่ชายแกอยู่ด้วยเพราะฉันกับเขาไม่จำเป็นต้องแชร์เรื่องราวของกันและกัน!
“ไม่เห็นต้องเขินเลยแก”
“ไม่ได้เขิน” แต่ไม่อยากให้พี่ชายแกรู้เรื่องของฉัน ไม่มีความจำเป็น เขาเองก็ไม่ได้อยากรู้หรอก
“จ้า~ โอเค ๆ ถ้างั้นเพื่อนไม่พูดแล้วก็ได้ พี่เวลญ่าอยากพามิ่นไปกินชาบูร้านที่เด็กพี่เวลเพิ่งไปกินอ่ะ” เด็กพี่เวล? เหอะ!
“เด็กไหน?” เขาหันไปมองมีญ่าแล้วถามออกมาแต่เสียงติดจะดุนะคะ สงสัยมีเด็กเยอะจัดมั้งคะเลยจำไม่ได้
“ก็ยัยฝ้ายไง เด็กพี่เวลไม่ใช่เหรอ เห็นพยายามคอมเม้นท์รูปพี่เวลบ่อย ๆ ขนาดไม่ได้ลงรูปเท่าไหร่ยังไปคอมเม้นท์รูปเก่า ๆ เลย สงสัยกลัวคนไม่รู้เนอะพี่เวลเนอะ อิอิ”
“ไร้สาระ ตกลงจะไปกินร้านไหนบอกทางพี่มา” อ้อ ไม่อยากพูดถึงล่ะสินะ สงสัยยัยฝ้ายอะไรนี่ก็เป็นแค่หนึ่งในผู้หญิงที่เล่นสนุกเหมือนฉันมั้ง
...ชาติชั่ว รวยก็รวยอยากสนุกทำไมไม่ซื้อกินวะ! อยากตื่นเต้นมากก็ไปสวนสนุกโน่น รวยล้นฟ้าล้นแผ่นดินซะขนาดนี้ก็ไปเล่นหาความสนุกตื่นเต้นแม่งให้หมดทุกสวนสนุกบนโลกใบนี้เลยสิวะ!
“โอเคค่า~ ถ้างั้นไปร้านข้าวร้านโปรดของน้องสองคนนะ อยู่แถวนี้แหละไม่ไกลได้กินแล้วรับรองจะติดใจอยากพาน้องสองคนไปกินบ่อย ๆ อิอิ” มีญ่าบอกเสียงเจื้อยแจ้วเขาก็แค่พยักหน้าแล้วรถก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากลานจอดไปร้านข้าวร้านประจำของเราสองคนโดยที่ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยมีแค่ยัยมีญ่าเพื่อนรักที่ตอนนี้ขมิ้นเกิดอาการอยากงดเป็นเพื่อนชั่วคราวแล้วกระโดดลงจากรถของลูกพี่ลูกน้องเพื่อนคนนี้นี่แหละที่คุยกับพี่ชายตัวเองไม่หยุด
-เวลาต่อมา-
“เอาเท่านี้ก่อนค่ะ” มีญ่าบอกพี่พนักงานเสิร์ฟหลังจากที่สั่งอาหารคนเดียวไปตั้งแปดเมนู -_-!
“สั่งมาเยอะกินให้หมด พี่ไม่ช่วย”
“เอ้า! ได้ไง แต่ไม่เป็นไรญ่ามีมิ่น เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้แต่มิ่นกินเก่งมากนะพี่เวล เนอะมิ่นเนอะ”
“ฉันไม่ค่อยหิวหรอกแก” ฉันตอบทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดถึงแม้ว่าความจริงจะหิวมากก็ตาม บอกตรง ๆ นะคะว่าเห็นหน้าไอ้คนเลวคนนี้แล้วกินอะไรไม่ลง ให้อาเจียนอาหารที่กินมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนออกมายังง่ายกว่าให้กินเข้าไปใหม่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้
“อะไรอ่ะ ไม่ต้องอายพี่เวลหรอกน่าพี่เพื่อนก็เหมือนพี่ตัวเองนั่นแหละกินตามสบายเหมือนปกติได้เลยเพื่อนรัก เดี๋ยวญ่าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะพี่เวลปวดฉี่นานแล้วอ่ะ” มีญ่ามันพูด ๆๆๆ แล้วก็ลุกไปเลยไม่มีชวนฉันสักคำแล้วก็ปล่อยให้ฉันนั่งอยู่กับคนเลวคนนี้สองต่อสอง!
“...” ฉันหันกลับมาก็เห็นเขามองฉันอยู่ อยากจะตามเพื่อนไปแต่คิดดูอีกทีเดี๋ยวเขาหาว่าฉันแคร์เขามากจนต้องรีบเดินหนีก็เลยนั่งหลังตรงแล้วมองไปทางอื่นทำเหมือนเขาไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ไปซะเลย
“...ทำไมไม่รับสาย” คิดว่าจะนั่งเงียบ ๆ แต่พี่แม็คเวรของเพื่อนรักก็ดันอ้าปากพูด
“...ทำไมไม่รับสาย”
หมายถึงตอนที่โทรมาช่วงสามวันแรกที่ฉันไล่เขาให้ไปตายแถมยังโทรมาตั้งวันละสองสายน่ะเหรอ หึ! กล้าถาม สันดานเลวทรามขนาดนี้ใครจะรับสายนายให้มันเปลืองแบตโทรศัพท์วะ รับให้เขาสรรหาคำมาหลอกฟันฉันอีกรึไง
ใครจะโง่ซ้ำ ๆ ได้เหมือนการทำเรื่องเหี้ยซ้ำ ๆ ของเขา!
“...” ฉันไม่ตอบ ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ ไม่อยากมองให้เสียสายตาใจภาวนาให้เพื่อนรีบกลับมาจากห้องน้ำเพราะฉันคงไม่อยู่กินข้าวแล้ว เดี๋ยววีญ่ามันมาแล้วฉันจะไปเลยมันไม่ยอมก็ช่างมันเพราะฉันก็จะไม่ยอมเหมือนกัน
“หึ!” พอฉันเลือกที่จะเงียบไม่แม้แต่มองหน้าทำเหมือนเขาเป็นฝุ่นละอองก็ได้ยินเขาแค่นเสียงออกมา แต่มันเป็นเสียงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเยาะเย้ยมากทำฉันเผลอหันไปมองโดยอัตโนมัติเลยได้เห็นชัดเจนว่าไม่ใช่แค่เสียงแต่สายตากับรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากยิ่งบอกว่าเขากำลังเยาะเย้ยชัดเจน
“...” ฉันจ้องเขาด้วยความโกรธกับสิ่งที่เขากำลังแสดงออกมาตรงหน้าฉัน
“ทำไมไม่ตอบ”
“...ไม่จำเป็นต้องตอบ” ฉันพูดออกไปด้วยเสียงรอดไรฟันสายตาก็จ้องเขาด้วยความเกลียดไม่มีปกปิด พอตอบออกไปเขาก็กระตุกยิ้มออกมาซึ่งฉันบอกได้เต็มปากว่านี่คือรอยยิ้มที่เหี้ยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา!
“หึ ๆๆ ทำไมล่ะ...จะมีผัวใหม่แล้วก็เลยลืมผัวคนแรกรึไง?”