ตอนที่ 4

1173 Words
บทที่ 4 แวววิวาห์เดินเข้าบริษัทด้วยสติเลื่อนลอย เธอเดินเข้าไป ในลิฟต์พร้อมกับอีกหลายๆ คน แต่แล้วทุกคนก็พาเดินกันเดินออกมาจนหมด เหลือเพียงเธอที่ยังคงยืนเหม่อลอยอยู่ด้านในสุด ไม่ได้สนใจเพื่อนๆ ที่กำลังกวักมือเรียกให้เธอรีบเดินตามออกไป กระทั่งเธอหันไปเห็นพริมรตาที่กำลังยืนกวักมืออยู่ด้านหน้า เธอจึงตั้งใจจะเดินไปหาเพื่อน ครั้นพอจะเดินออกไป ประตูลิฟต์ก็ถูกกดปิดซะก่อน เธอหันไปมองคนกดลิฟต์ ก่อนจะหันมองรอบๆ ตัว ให้ตายสิ! ในลิฟต์มีแค่เธอกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาหล่อมาก คนอะไรดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘หึ! ตกใจสินะที่เจอเราที่นี่’ เป็นเพราะถูกอีกฝ่ายจับจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เลยทำให้ภาคิน ท่านประธานสุดหล่อคิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากว่าคุณเธอจะกำลังตกใจที่เจอเขาที่นี่ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น “อืม! ว่าไง” เห็นเป็นพริมรตาที่โทรเข้ามา เธอจึงรีบกดรับ ด้วยไม่แน่ใจว่าเพื่อนมีเรื่องอะไรตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว (รีบออกมาจากลิฟต์เดี๋ยวนี้) “อะไรของแกเนี่ยพรีม ก็…” ยังไม่ทันที่เธอจะโวยเพื่อนต่อ เพื่อนก็แทรกขึ้นมาอีก (แกอยู่ในลิฟต์กับท่านประธาน) พูดจบเพื่อนก็กดวางไป ในขณะที่เธอยังคงอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พลางหันกลับมาลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก็เธอเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เคยสนใจซะที่ไหนว่าท่านประธานหน้าตาเป็นยังไง ปกติสนใจแค่ท่านรองประธานอย่างคุณภากร จงวิสุทธิ์รังสรรคนเดียว เธอก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ‘เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ นี่มันลิฟต์พนักงาน แล้วทำไมท่านประธานถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ เฮ้ย! หรือว่าเราขึ้นลิฟต์ผิดตัว นี่เราเบลอถึงขนาดขึ้นลิฟต์ผู้บริหารเลยเหรอวะเนี่ย’ เธอทำหน้าราวกับจะร้องไห้ เมื่อคิดว่าทั้งหมดเกิดจากความสะเพร่าของตัวเอง ในขณะที่เขากลับคิดไปอีกอย่าง ‘คงกำลังวางแผนเรียกร้องความสนใจจากฉันอยู่สินะ คงยากหน่อยนะเพราะฉันไม่ใช่คนที่จะสนใจใครง่ายๆ หึ! ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างเธอจะมาไม้ไหนอีก คิดจะจับคนอย่างภาคิน มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ’ ในขณะที่เขากำลังเฝ้ารอแผนที่ว่าจากเธอ จู่ๆ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ตามมาด้วยเธอที่รีบเดินเร็วๆ ออกไป “เดี๋ยว!” เสียงเข้มๆ ของท่านประธานทำเอาเท้าที่กำลังก้าวฉับๆ พลันต้องหยุดชะงัก เธอค่อยๆ หันกลับมา แต่ก็ยังไม่กล้ามองหน้าท่านประธานเพราะกลัวความผิดที่ดันไปขึ้นลิฟต์ผู้บริหาร ด้วยเคยได้ยินกิตติศัพท์ความเฮี้ยบของเขามาก่อน แต่แล้วความผิดของเธอก็ถูกลบล้าง เมื่อเธอดันเหลือบไปเห็นว่าลิฟต์ที่ตนเพิ่งเดินออกมาไม่ใช่ลิฟต์ผู้บริหารอย่างที่เข้าใจ ดังนั้นคนที่ผิดก็ไม่ใช่เธอแต่เป็น...ท่านประธาน ว่าแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองคนผิดอย่างกล่าวโทษด้วยความลืมตัว ทำเอาคนถูกมองถึงกับสะอึก ไม่นึกว่าคุณเธอจะกล้ามองเขาด้วยสายตาแบบนี้ “เธออยู่แผนกอะไร” ทั้งที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่เขาก็แสร้งถามออกไป เผื่อว่าเสียงดุๆ ของเขาจะทำให้เธอกริ่งเกรงจนหงอลงไปได้บ้าง แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ “การตลาดค่ะ” เธอยังคงมองหน้าท่านประธานอย่างไม่ลดละ เมื่อรู้ว่าตนไม่ใช่คนผิด “อืม” รับคำเสร็จ เขาก็กดปิดประตูลิฟต์ทันที “บ้าฉิบ! เป็นอะไรของแกวะไอ้คิน” นั่นสินะ ปกติท่านประธานสายดุก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักที เสียงกับสายตาดุๆ ของเขาก็เป็นที่เลื่องลือจะตาย ชนิดที่พนักงานคนไหนเห็นแล้วเป็นต้องผวาหลบสายตาแทบไม่ทัน แต่มันกลับใช้ไม่ได้กับผู้หญิงคนนี้ ทำเอาคนที่เคยมั่นใจถึงกับเสียอาการจนต้องหลบออกมาตั้งหลัก “มาเช้านะครับวันนี้” ชาติมา(ชา-ติ-มา) เลขาผู้ที่เป็นทุกอย่างให้เขาแล้ว ทักทายด้วยหน้านิ่งๆ ตามสไตล์ “อืม! เข้ามาพบฉันในห้องหน่อย” ท่านประธานบอกสีหน้าเคร่งเครียด จนเลขาจำต้องวางงานที่ทำอยู่แล้วรีบเข้าไปตามคำสั่ง หลายคนอาจจะแปลกใจและสงสัยในความสัมพันธ์ของท่านประธานกับเลขาคู่นี้ที่ดูเหมือนจะอยู่ด้วยกันมานานหลายปี บางคนถึงขั้นคิดไปว่าทั้งสองเป็นคู่เกย์กัน เพราะแทนที่เขาจะหาเลขาที่เป็นผู้หญิงอย่างที่ควรจะเป็น แต่เขากลับเลือกชาติมา แต่ก็อีกนั่นแหละ ถึงเขาจะเป็นผู้ชายแต่ก็ทำงานได้ดีไม่แพ้ผู้หญิง เรียกว่าละเอียดรอบคอบไม่แพ้กัน ที่สำคัญยังอำนวยความสะดวกเรื่องอื่นๆ ให้เขาได้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง “นายมีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” เขาคงเป็นคนเดียวกระมังที่ไม่เรียกท่านประธานเหมือนคนอื่นๆ “เอ่อ…ก็เรื่องเมื่อคืน คือฉัน…” ภาคินทำท่าอึกอัก นึกอยากจะปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็กระดากเกินไปที่จะพูดออกไปตรงๆ “คืนนี้ให้ผมส่งผู้หญิงไปให้เหมือนเดิมรึเปล่าครับ แล้วจะเอาคนเดิมหรือจะให้ผมหาคนใหม่” เห็นเจ้านายอึกอัก เลขาจึงเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง “อืม! ยังไงก็ได้” จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่กล้าพูดออกไป สุดท้ายก็เลยต้องจำใจรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอมาอย่างช่วยไม่ได้ “ครับ งั้นผมขอตัวออกไปทำงานต่อนะครับ” สิ้นเสียงชาติมาก็เดินออกไปทันที ในขณะที่เจ้าของห้องทำได้เพียงแค่อ้าปากค้าง ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ “เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย ก็แค่ถามไปว่าเมื่อคืนคีย์การ์ดของสองคนนั่นสลับได้ยังไง” เขาเอาแต่ก่นด่าตัวเองด้วยความวุ่นวายใจ กระทั่งความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามา “แต่ผู้หญิงคนนั้นรู้” จู่ๆ เขาก็ฉุกคิดถึงสาวไซส์ไลน์ที่คลาดกันเมื่อคืน จึงรีบกดต่อสายออกไปที่เลขาหน้าห้องทันที “ฉันต้องการผู้หญิงคนเมื่อคืน จัดการให้ด้วย” สิ้นเสียงเขาก็วางทันที แต่เท่านี้ก็เป็นอันรู้กัน “หึๆ เดี๋ยวก็รู้กันว่าผู้หญิงอย่างเธอจะแผนสูงได้สักแค่ไหน คิดจะจับคนอย่างภาคินมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” แค่คิดว่ากำลังจะจับผู้ร้ายได้คาหนังคาเขา เขานั่งกระหยิ่มยิ้มย่องตามลำพัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD