เธอถามอย่างไม่แน่ใจ เขาจ้องนิ่ง แล้วยกน้ำขึ้นดื่มแต่ไม่ตอบ
“พี่วัต”
“เรียกจัง เดี๋ยวคืนนี้ฉุดซะเลย”
เขาหันมามอง เธอหน้าแดงอย่างขัดใจ
“เวลาหน้าแดงน่ารักนะ อย่าไปหน้าแดงให้ใครเห็นล่ะ”
“ทำไม พี่วัตหวงเหรอคะ” เธอตอบอย่างรู้ทันบ้าง
“เปล่า เดี๋ยวเค้าจะคิดว่าปวดห้องน้ำ”
“พี่วัต! อรจะโกรธแล้วนะคะ”
อรนภัสเอ่ยเตือนเขาว่าเธอกำลังจะโกรธ ภวัตกระตุกยิ้มตาพราว
“อาหารมาแล้ว ทานเถอะพี่หิวจะแย่”
เขาเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟพร้อมเบียร์เย็นๆ หนึ่งเหยือก
“ดื่มเบียร์ไหม” เขาเอ่ยถามสาวน้อยตรงหน้า
“ไม่ค่ะ อรไม่ชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ
“ดีแล้ว” นายหัวหนุ่มพยักหน้ารับรู้
“พี่วัตไม่ชอบผู้หญิงเมาใช่ไหมล่ะคะ ผู้ชายมักไม่ชอบให้ผู้หญิงเมา มันดูไม่ดี แต่ผู้ชายเมาได้ เจ้าชู้ได้ สูบบุหรี่ได้ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”
“เปล่าหรอก ถ้าอรเมาพี่จะลากขึ้นเตียงคืนนี้”
“แค่กๆๆ พี่วัต”
อรนภัสหน้าแดงซ่าน สำลักข้าวที่ทานเข้าไป มองเขาตาเขียวปั๊ด
“ผู้หญิงเวลาอยู่กับผู้ชายที่ไม่ใช่สามี ไม่ควรเมาหัวราน้ำ รู้อยู่ว่าไม่ปลอดภัย เมาแล้วขาดสติ”
เขาเอ่ยเตือนเหมือนสั่งสอน “แต่ถ้าอยากเมาก็ได้นะ”
“อ้าว…”
อรนภัสใบหน้าเหลอหลา งุนงงกับคำพูดกลับไปกลับมาของอีกฝ่าย
“ก็จะได้โดนพี่ลากขึ้นเตียงไง” ภวัตเฉลย
“หยาบคายที่สุด” เธอว่าให้
“ทานเถอะ พี่บอกว่าที่พ่อตาเอาไว้แล้วว่าจะไปส่งอรสองทุ่ม ถ้าเลยจากนี้มันดูไม่ดีเดี๋ยวเขาไม่ยกลูกสาวให้กันพอดี”
“คุณพ่อ” อรนภัสเลิกคิ้วด้วยความงุนงงเข้าไปอีก
“อือ... เก่งนะ รู้ว่าพ่อตัวเองเป็นว่าที่พ่อตาของพี่”
เขาลากเสียงพยักหน้าหงึกหงัก
“พี่วัต”
อรนภัสเรียกอย่างอ่อนใจ เขาตักผัดผักให้อย่างเอาใจ เธอจึงมีสีหน้าดีขึ้น
“ทานผักเยอะๆ ดีต่อสุขภาพและผิวพรรณ ผิวอรสวยอยู่แล้ว ดีนะเป็นผู้หญิงหัดดูแลตัวเองแบบนี้”
ชายหนุ่มเอ่ยชม พร้อมตักอาหารทานอย่างอร่อย เขาชวนคุยเรื่องทั่วไปและเรื่องครอบครัวจนอาหารบนโต๊ะถูกกวาดเรียบด้วยความหิว
เธอเพิ่งรู้ว่าที่เขาหายหน้าหายตาไปเพราะงานรัดตัว แถมยังนึกทึ่งที่เขาขยันขันแข็ง แต่ก่อนครอบครัวเขาค่อนข้างยากจน หลังจากเธอและครอบครัวย้ายเข้ากรุงเทพฯ มา ก็ไม่เห็นเขาไปมาหาสู่กับพี่ชายอีกเลย เข้าใจว่าเขาคงไม่มีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
อรนภัสตาโตไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทานอาหารได้เยอะขนาดนี้ หญิงสาวเผลอลูบหน้าท้องตัวเองไปมา นั่งพิงพนักเก้าอี้ผึ่งหนังท้องตึงๆ ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยที่ตนเผลอกินเยอะในมื้อค่ำแบบนี้
“กินแล้วไม่ต้องเครียดจนกลับไปนอนคิดมากโทษตัวเองว่ากินเยอะเลยนะยัยอ้วน” เขาดักคอรู้ทัน เมื่อกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน
อรนภัสตาโต เขารู้ได้ยังไงว่าเธอคิดอันใดอยู่?
“เราน่ะอ่านง่านจะตาย”
ภวัตเฉลย ดีที่กฤษณะหวงน้องสาว จึงไม่มีผู้ชายคนไหนได้เข้าใกล้อรนภัสจริงจัง อีกนัยก็คงหวงเอาไว้ให้เขา ภวัตคิดเข้าข้างตัวเอง อรนภัสผวา ภวัตจึงขยี้ศีรษะด้วยความเอ็นดู
“ไม่ต้องทำท่ากลัวพี่แบบนั้น พี่ไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตหื่นกามที่ชอบลวนลามขืนใจผู้หญิงหรอกน่า ถ้าไม่ใช่เมียจะไม่ยุ่งให้เป็นภาระ”
ภวัตดักคอเมื่อขึ้นมาบนรถเธอก็เบียดกายชิดไปอีกด้าน
อรนภัสได้แต่นั่งประหลาดใจที่เขารู้ทันไปเสียหมด เป็นเทวดากลับชาติมาเกิดหรือไรกัน
“เตรียมตัวให้ดีล่ะ หาฤกษ์หายามไว้แล้ว”
“คะ” อรนภัสสะดุ้งมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“ใจลอยไปไหน บอกว่าเตรียมตัวไว้ พี่หาฤกษ์ยามเตรียมแต่งงานไว้แล้ว”
“พี่วัต”
อรนภัสได้แต่อุทานตาโต แต่ภวัตดูจะไม่ได้ทุกข์ร้อนใจ กลับอารมณ์ดีเสียมากกว่า ไม่เหมือนเธอที่แทบนั่งไม่ติด
“ชอบทำตาโตใส่ตลอด อยากมองหน้าพี่ให้ชัดๆ เหรอไง แต่ก็น่ารักดี”
เอากับเขาสิ อรนภัสได้แต่อ้าปากเหวอ ก่อนจะหุบฉับเมื่อเจอสายตาที่มองสบมา
ภวัตพาอรนภัสมาส่งบ้านตามเวลาที่รับปากกับผู้ใหญ่ไว้...
อรนภัสเห็นบิดาต้อนรับภวัตเป็นอย่างดี แถมยังคุยกันถูกคอ เธอได้ยินเขาถามบิดาอย่างเอาใจว่า…
“คุณลุงอยากได้ต้นอะไรอีกบอกมาได้เลยนะครับ”
ไกรสรหัวเราะชอบใจเมื่อว่าที่ลูกเขยดูจะรู้ใจไปหมด
“เรานี่ช่างรู้ใจลุงกับป้าเสียจริง ผ้าบาติกที่เอามาฝากลายสวยมากจ้ะ แถมยังอาหารพื้นบ้านของปักษ์ใต้ก็น่ากินทั้งนั้น ที่นี่น่ะหากินยากแพงหูฉี่เลย”
อรนุชเอ่ยชมอย่างยิ้มแย้ม อรนภัสทำปากยื่นเมื่อได้ยินแบบนี้ เข้าทางเขาละสิ ช่างเอาอกเอาใจบิดามารดาของเธอนัก
“บอกพีระด้วยว่าลุงคิดถึง ไม่ได้กลับไปปักษ์ใต้หลายสิบปี มัวแต่ยุ่งกับงาน นี่ตากฤษก็ไปต่างประเทศ ขานั้นงานยุ่งตัวเป็นเกลียว ให้หาเมียสักคนก็ไม่ยอมหา พูดไปพูดมาพีระนี่ก็เก่งนะสร้างฐานะเป็นปึกแผ่นได้ ลุงนับถือจริงๆ”
ไกรสรเอ่ยชมจากใจจริง ตอนเขาย้ายเข้ากรุงเทพฯ ใหม่ๆ ตอนนั้นครอบครัวสุทธนนท์ยังไม่ได้ร่ำรวยแบบนี้ แต่เพียงไม่กี่สิบปีกลับสร้างเนื้อสร้างตัวได้ขนาดนี้ถือว่าเก่งนัก
“ครับ”
ภวัตตอบรับแต่สายตามองหญิงสาวนิ่ง อรนภัสแสร้งทำเป็นเมิน แต่หัวใจเต้นแรง ไกรสรและอรนุชยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มให้ความสนใจบุตรสาวจนออกนอกหน้า
“พูดไปพูดมาก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าพีระจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงแบบนั้น คนเรานี่มักมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยที่เราไม่อาจรู้ล่วงหน้า”
“ครับ แต่ท่านก็ใจสู้ครับ ไม่เคยแสดงความอ่อนแอเรื่องเจ็บป่วยของท่านให้ใครไม่สบายใจ คุณพ่อยังฝากความคิดถึงมายังคุณลุงกับคุณป้าด้วยครับ”
“อีกไม่นานก็คงเจอกัน ยังไงฝากความระลึกถึงไปถึงพีระด้วยเหมือนกันนะ” อรนุชเอ่ยบอกว่าที่ลูกเขย
“ได้ครับ”
“แล้วเราพักที่ไหนล่ะ พักด้วยกันที่นี่ไหม”
ไกรสรเอ่ยชวนอย่างผู้ใหญ่ใจดี ถึงอย่างไรภวัตก็เป็นเพื่อนกับกฤษณะลูกชายคนโตของเขา แถมเคยมาพักที่นี่ แต่ก็ไม่เคยเจอกับอรนภัสเพราะบุตรสาวไม่อยู่บ้านทุกครั้ง
“ผมพักที่บ้านในกรุงเทพฯ ครับ ไม่รบกวนคุณลุงดีกว่า”
ภวัตปฏิเสธเสียงสุภาพ เขามีบ้านและคอนโดในกรุงเทพฯ หลายหลังที่ซื้อทิ้งไว้ ตอนน้องสาวมาเรียนเขาก็ยกคอนโดให้อยู่หลังหนึ่ง ส่วนบ้านก็ให้คนคอยดูแลทำความสะอาดอยู่เสมอ
“คนกันเองแท้ๆ ไม่เห็นจะรบกวนเลย นี่ถ้าตากฤษอยู่คงดีใจ”
“ก่อนมาผมบอกนายกฤษแล้วครับ แต่นายกฤษบอกว่าจะไปต่างประเทศก็เลยคลาดกัน”
“หนุ่มๆ มัวแต่ยุ่งกับงาน ไม่รู้จักหาเมียมาให้พ่อแม่ เราเองก็ยุ่งนี่นะ”
“ครับ อย่างที่คุณลุงรู้ ผมรับช่วงกิจการต่อจากคุณพ่อ ขยายสวนยาง สวนปาล์ม แล้วก็กว้านซื้อที่นา ปลูกผลไม้และพืชสมุนไพรหลายอย่างครับ ไม่ค่อยมีเวลาเลย ก็อยากหาคนไปช่วยดูแลบ้างครับ”
ภวัตพูดอย่างน่าสงสารและเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่ แต่ทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ห่างบิดามารดาหัวใจเต้นแรง
“นั่นสิ ถึงยังไม่มีเมียสักที”
ไกรสรหัวเราะชอบใจในตัวของว่าที่ลูกเขย เมื่ออีกฝ่ายแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่ารักจริงหวังแต่งในตัวบุตรสาว เขาเห็นภวัตมาแต่เล็กแต่น้อย มาห่างกันตอนย้ายมาอยู่กับภรรยาที่กรุงเทพฯ เห็นหน่วยก้านของชายหนุ่มก็นึกชื่นชมมานาน ทั้งความขยันและเป็นคนจริง ตรงไปตรงมาเหมือนพีระผู้เป็นบิดา หากจะยกบุตรสาวให้กับคนดีๆ เช่นภวัตก็คลายความกังวลไปได้ว่าบุตรสาวคงไม่ต้องลำบากกัดก้อนเกลือกิน
“กำลังจะมีเร็วๆ นี้ละครับ”
ภวัตพูดแต่มองอรนภัสไม่วาง หญิงสาวหน้าแดงเรื่อ ไกรสรกับอรนุชสบตากันยิ้มๆ