ภวัตนั่งสนทนากับผู้ใหญ่ทั้งสองครู่ใหญ่ ก่อนจะขอตัวกลับ
“ผมกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้ใหญ่ใจดีทั้งสอง
“เดินทางปลอดภัยนะ” ไกรสรพยักหน้าให้อย่างยิ้มแย้ม
“ขอบคุณครับ” ภวัตกล่าวขอบคุณว่าที่พ่อตา
“ยัยหนูไปส่งพี่เขาสิลูก”
ไกรสรหันไปบอกบุตรสาวที่นั่งอยู่อีกด้าน อรนภัสเดินออกมาส่งภวัตตามคำบอกของบิดา
“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าแบบนั้นก็ได้”
ภวัตล้วงมือในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขณะพิงรถมองเธอนิ่ง อรนภัสเผลอยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองไปมา
“ไม่ใช่เสียหน่อย” หญิงสาวเอ่ยแก้ตัวอย่างขวยเขิน
“ไม่ใช่แล้วลูบแก้มตัวเองทำไม” เขาเย้า
“ไม่พูดด้วยแล้ว ขับรถดีๆ นะคะ”
“นี่ถึงกับไล่กันเลยเหรอ คนอะไรไม่ยอมรับความจริง”
อรนภัสโบกมือไปมาเป็นเชิงลา แต่ในความคิดของชายหนุ่มมันคือการไล่ทางอ้อม ภวัตนึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ คอยดูนะ แต่งงานเมื่อไหร่เขาจะเอาคืนทบต้นทบดอกเลย
หญิงสาวมองตามรถโฟร์วิลที่แล่นออกไปจากบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าบ้าน บิดามารดาที่นั่งอยู่ต่างเรียกเธอไปถามเรื่องของภวัต เธอตอบตามความจริง ดูท่านทั้งสองจะชอบอกชอบใจชายหนุ่มเสียเหลือเกิน และเพิ่งรู้ว่าภวัตมาเป็นแขกของบ้านหลายครั้ง แปลกมากที่เขาคลาดไม่เจอกับเธอเลยสักครั้ง
เมื่ออาบน้ำเสร็จเธอก็เดินออกมาสวมใส่ชุดนอนบางเบา สายตากลมโตอดจะเหลือบไปมองโทรศัพท์เสียไม่ได้ ก่อนจะสะบัดศีรษะไปมา
“ไม่ได้รอเสียหน่อย”
เธอบอกตัวเองก่อนจะเดินออกไปยังระเบียงบ้านเพื่อรับลม เพียงไม่ถึงสองนาทีเสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กก็ดังขึ้น หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน แอบผิดหวังอยู่มากที่ไม่ใช่เบอร์ของภวัต แต่เป็นเบอร์แปลกของใครเธอก็ไม่แน่ใจ จึงกดรับอย่างหน่ายๆ คิดว่าคงมีคนโทรผิด
“นอนหรือยัง” แต่เสียงที่ส่งมาตามสายทำให้หัวใจสาวเต้นแรง
“ถ้านอนแล้วจะรับสายเหรอคะ” อรนภัสอมยิ้มตอบ
“นอนแล้วก็รับได้ ได้ยินเสียงก็ตื่นมารับไง” ภวัตย้อนให้
“ไม่เคยยอมแพ้อรเลยนะ จะเอาชนะตลอด”
อรนภัสทำปากยื่น แต่อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์ได้เห็น
“แพ้สิ” เขามีความสุขที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ
“ตอนไหน ไม่เคยเถียงชนะเลย” เธอว่าให้อย่างงอนๆ
“แพ้หัวใจอรไง”
ภวัตพูดแล้วลูบหน้าตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ชายหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนจนแดงเมื่อต้องพูดประโยคนั้นออกไป แต่มันก็กลั่นออกมาจากหัวใจของเขา
“พี่วัต” อรนภัสเรียกเสียงสั่นหน้าแดงจนร้อนไม่ต่างกัน
“เมื่อกี้แอบรอพี่หรือเปล่า”
“ไม่ได้รอ” หญิงสาวรีบบอกอย่างไว้ฟอร์ม
“เห็นนะ ตอนรับโทรศัพท์แอบหน้างอ คิดว่าคนอื่นโทรมา”
คนรู้ทันดักคอ เขาแกล้งใช้เบอร์อื่นโทรไปจริงๆ
“ไม่ได้หน้างอนะคะ” เธอรีบปฏิเสธเมื่อเขารู้ทันอีกแล้ว
“จริง” เขาเย้า
“ไม่จริงเสียหน่อย”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง นี่เขาจะไม่ยอมเธอบ้างเลยหรือไง
“พรุ่งนี้เช้าพี่ไปรับนะ”
เขาเปลี่ยนเรื่องและชวนเธอคุยอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย หญิงสาวคุยกับเขาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ อรนภัสกดวางสายด้วยรอยยิ้มที่ยังค้างอยู่บนใบหน้า ทิ้งตัวลงนอนกอดหมอนข้างด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
รุ่งเช้าของอีกวันภวัตมารับอรนภัสตามสัญญา เขาจึงมาฝากท้องทานอาหารเช้าที่บ้านของหญิงสาว อรนภัสได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นเขาเข้ากับบิดามารดาได้ดี
หลังจากนั้นภวัตมารับมาส่งอรนภัสทุกวัน ทำตัวติดกับเธอเหมือนปาท่องโก๋เลยก็ว่าได้ แถมบิดามารดา พี่ชาย และน้องชายของเธอยังนิยมชมชอบภวัตเอามากๆ ยิ่งพี่ชายเล่าให้เธอฟังว่าภวัตแอบมองเธอมาหลายปี เธอก็ยิ่งรู้สึกหัวใจพองโตแทบคับอก ค่อยๆ เปิดรับเขาเข้ามาในหัวใจทีละน้อยๆ แต่ยังวางฟอร์มเอาไว้ เพื่อพิสูจน์หัวใจของเขาด้วยตัวเองอีกนิด เธอถึงจะตัดสินใจแต่งงาน เพราะจะแต่งงานทั้งทีเธอต้องมั่นใจว่าเขาคือคนที่ใช่ และจะดูแลเธอกับลูกๆ ไปตลอดชีวิต
ภวัตบอกอรนภัสว่าจะกลับไปจัดการเคลียร์งานที่ปักษ์ใต้แล้วจะรีบขึ้นมาหา หญิงสาวรอเขาทุกวันด้วยความคิดถึง แม้เขาจะโทรมาหาไม่เคยขาด แต่การได้เห็นหน้ามันทำให้รู้สึกดีกว่าได้ยินเพียงแค่เสียง
‘ติ๊งต่อง’
เสียงกริ่งดังหน้าร้านทำให้พนักงานในร้านกล่าวทักทายลูกค้า
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”
อรนภัสเงยหน้ายิ้มกับร่างสูงของชายหนุ่มที่เดินเข้ามา
ไวกูรณ์ถอดแว่นกันแดดสีชาออกทันทีที่มองเห็นเจ้าของร้านคนสวยกำลังส่งยิ้มมาให้
“เชิญนั่งค่ะ รับอะไรดีคะ”
อรนภัสเชื้อเชิญด้วยตนเองเพราะลูกน้องทั้งสองต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้ามาอีก
“อยากได้ขนมไปฝากเพื่อนหน่อยครับ”
ไวกูรณ์แจ้งความประสงค์แก่หญิงสาวหน้าหวานตรงหน้า ดวงตากลมโตทำให้เขามองอย่างไม่อาจละสายตาได้ อรนภัสประหม่าเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องมองจากชายหนุ่มตรงหน้า แต่ก็เคยชินกับการถูกมองแบบนี้จากบุรุษที่พึงใจเธอ
อรนภัสลอบมองคนตรงหน้า เขาสูงน่าจะประมาณภวัตได้ แต่ผิวขาวกว่าภวัต หน้าเหลี่ยม ดวงตาคมเข้มแต่ฉายแววเป็นประกายเจ้าชู้มากกว่าจะดุดันเหมือนภวัต คิ้วเข้มรับกับเส้นผมดำสนิท ปลายคางมีรอยผ่า ริมฝีปากหยักหนา จมูกโด่งเป็นสัน
“ได้ค่ะ จะรับแบบไหนดีคะ ทางร้านของเรามีขนมให้เลือกมากมายเลยค่ะ”
“อะไรก็ได้ แล้วแต่คุณจะสะดวก ไม่ทราบว่าชื่ออะไรครับ”
“อรนภัสค่ะ เรียกอรก็ได้” อรนภัสบอกชื่อให้อีกฝ่ายรับรู้
“พี่ชื่อไวกูรณ์นะครับ เรียกพี่หนึ่งก็ได้”
ไวกูรณ์มองหญิงสาวหน้าหวานเจ้าของร้านขนมที่หันไปหยิบขนมใส่กล่องให้อย่างคล่องแคล่ว
“ขอบคุณค่ะ”
อรนภัสส่งขนมให้อีกฝ่ายหลังจากชายหนุ่มส่งเงินมาให้
หลังจากวันนั้นไวกูรณ์ยังอยู่กรุงเทพฯ อีกหลายวัน ชายหนุ่มมักแวะมาที่ร้านของอรนภัสบ่อยครั้ง แม้จะถูกใจเจ้าของร้านอยู่มาก แต่เขาก็ไม่คิดจริงจังกับผู้หญิงคนไหน
“วันนี้รับอะไรดีคะ”
อรนภัสเอ่ยถามไวกูรณ์อย่างสนิทสนมมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายทำตัวเป็นลูกค้าที่ดี
“พี่จะซื้อขนมไปฝากน้องที่ปักษ์ใต้น่ะ น้องอรจัดให้พี่หน่อย”
“พี่หนึ่งจะกลับปักษ์ใต้แล้วเหรอคะ”
อรนภัสยิ้มหวานให้ จัดการจัดขนมใส่กล่องเช่นเคย
“ใช่ครับ แล้ววันหลังจะแวะมาทานขนมที่ร้านน้องอรใหม่นะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
อรนภัสตอบรับยิ้มๆ มองตามร่างสูงของไวกูรณ์ที่เดินออกจากร้านไป
ภวัตได้รับรายงานจากหินผา ลูกน้องคนสนิทว่าไวกูรณ์ศัตรูคู่แค้นของเขาเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับอรนภัส อาจเพราะชายหนุ่มเผอิญแวะมาซื้อขนมที่ร้านของหญิงสาว ยังดีที่หินผาบอกว่าไวกูรณ์ไม่ได้จีบอรนภัสอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นเขาฆ่ามันแน่ หลังจากได้รับโทรศัพท์ลูกน้อง ภวัตรีบเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยด่วน เขาต้องตามจีบอรนภัสจนใจอ่อนให้ได้ แม้หญิงสาวจะบอกว่าให้พ่อมาขอได้ แต่เขาอยากให้เธอรักเขาเต็มหัวใจ ไม่ใช่ตกลงเพราะเขาคาดคั้นแบบนั้น
หลังจากปิดร้านในตอนเย็น อรนภัสออกมารอพี่ชาย วันนี้เธอติดรถพี่ชายมาที่ร้านแทนการขับรถมาเอง เพราะเป็นทางผ่าน
ปี๊นๆๆๆ
เสียงแตรรถที่ดังขึ้นทำให้เธอตาโต เพราะรถที่มาจอดเทียบแทนที่จะเป็นพี่ชาย กลับเป็นใครอีกคนที่เธอคิดถึงทุกลมหายใจเข้าออก
“ขึ้นมาสิคุณภรรยา”
ภวัตชะโงกหน้าออกมาแหย่หญิงสาวที่แสนคิดถึง อรนภัสหน้าแดงซ่าน แทบบิดกระเป๋าจนขาดกระจุย
“พี่วัตพูดอะไร ขี้ตู่ที่สุดเลย น้องอรไม่ได้เป็นเมียพี่วัตเสียหน่อย”
เธอว่าเข้าให้ ยังไม่ยอมขึ้นรถไปง่ายๆ เขาจึงบีบแตรรถเร่งเร้า เธอค้อนให้คนเอาแต่ใจ เดินไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งคู่กับเขา เพราะคนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน