ตอนที่ 2 คุณตรีอย่าฟุ่มเฟือยสิครับ

3242 Words
เสร็จจากการช่วยพี่นุชเตรียมส่งอาหารรอบกลางวัน ผมก็ไปทำงานต่อที่ ร้านอาหารไทยบรรยากาศดีในซอย ร้านจะเปิดตั้งแต่บ่ายสามโมงยันเที่ยงคืน รายได้ก็ถือว่าดีมากสำหรับผม แต่ก็ต้องแลกมากับการที่ต้องเลิกงานดึกๆ ดื่นๆ เพราะอย่างนั้น ช่วงนี้ที่ผมต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วย เลยทำให้ร่างกายอ่อนเพลียไปบ้าง งานที่ร้านอาหารจะทำงานแปดชั่วโมงมีพักหนึ่งชั่วโมงและมีวันหยุดสองวัน ผมหยุดวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี ก็จะเป็นสองวันที่ผมจะได้พักผ่อน วันนี้เป็นวันศุกร์ หลังเลิกงานผู้คนก็จะมากินดื่มเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ดังนั้นตั้งแต่เข้าร้านมาผมก็แทบไม่ได้หยุดพักเลย ปกติจะได้พักทานข้าวทานน้ำหนึ่งชั่วโมง แต่วันนี้พอทุกคนกินข้าวเสร็จก็รีบมาช่วยงานกันต่อ เพราะลูกค้าเยอะมากจริงๆ และแต่ละโต๊ะก็สั่งอาหารกันแบบล้นโต๊ะเลยทีเดียว “เอ้า ช่วยๆ กันหน่อย เดี๋ยววันนี้เฮียแกให้พิเศษ” พี่ไม้พี่ผู้จัดการร้านตะโกนให้กำลังใจลูกน้องที่หลังร้าน พอได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เฮกันใหญ่ มีเรี่ยวมีแรงทำงานขึ้นมาทันที “ฟ้าๆ เอาอาหารไปเสิร์ฟลูกค้าชั้นสองโซนวีไอพีที” พี่ไม้เดินมาเรียกผมที่กำลังจะออกไปเก็บโต๊ะ แล้วหาคนอื่นไปทำแทนผม “ได้ครับพี่” ผมตอบรับแล้วเดินไปดูที่รายการอาหาร ก่อนจะยกถาดอาหารเดินขึ้นไปเสิร์ฟที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นที่จะรับรองเฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้น รายการอาหารก็จะเป็นแบบแพงที่สุดดีที่สุด ผมวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะหน้าประตู ก่อนจะเคาะประตูพร้อมเอ่ยขออนุญาตแขกข้างใน แล้วจึงยกอาหารเข้าไปเสิร์ฟ “ไงวะ กลับมาทั้งทีมึงจะพักหรือว่าลุยงานเลย” “คงทำงานเลย” “มันจะไม่โหดไปหน่อยเหรอวะ” “หึหึ มึงก็รู้นิสัยพ่อกู อีกอย่างกูมีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ” ผมค่อยๆ วางจานอาหารลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวังทีละจานจนครบ แต่ตอนที่จะหมุนตัวกลับผมรู้สึกว่าตัวเองถูกจ้อง ก็เลยค่อยๆ หันกลับไปมอง ...คุณตรี... ผมได้แค่ครางชื่อเขาในใจก่อนจะรีบปลีกตัวออกมา เพราะยังมีงานที่ต้องทำ และมันก็เป็นมารยาทที่ไม่ดีด้วย ผมยังต้องยกอาหารขึ้นไปเสิร์ฟให้โต๊ะคุณตรีอีกสามสี่รอบ และทุกครั้งคุณตรีจะจดจ้องมาที่ผมตลอด ทำให้ผมรู้สึกประหม่าแบบแปลกๆ แต่พอโต๊ะคุณตรีไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มให้ผมต้องขึ้นไปเสิร์ฟ ผมก็ลงมาหัวหมุนที่ข้างล่างเหมือนเดิมจนกระทั่งร้านปิด “เฮ้อ เหนื่อยวะ” แจ๊ค เพื่อนที่ทำงานของผมทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง “ยังไม่ชินหรือไง” ผมหัวเราะขำๆ วันนี้มันวุ่นวายก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ทุกๆ วันศุกร์หรือทุกสิ้นเดือน ลูกค้าจะมีเยอะมากกว่าปกติอยู่แล้ว “มันก็ชิน แต่ก็ยังเหนื่อยอยู่ดี” “ทิปก็ดีด้วย” ผมยิ้มกว้าง ผมชอบเวลาที่ร้านยุ่งๆ ลูกค้าเยอะๆ เพราะจะเป็นวันที่เราได้ทิปหนัก แล้วก็จะได้พิเศษเพิ่มอีกส่วนหนึ่งด้วย งานเหนื่อยผมไม่เคยกลัวนะ นอนพักเดี๋ยวก็หายเหนื่อย ถึงผมจะเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมากในการใช้ชีวิต เพราะเกิดมาก็ยากจนแล้ว แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเงินน่ะมันสำคัญมากสำหรับการใช้ชีวิต ไม่มีเงินจะทำอะไรก็ลำบาก “กูไม่เถียงเลยเรื่องเงิน เฮ้อ ไปดีกว่า กูกลับบ้านล่ะ” “อืม” ผมโบกมือลาแจ๊ค แล้วหันมาเก็บของในล็อคเกอร์เตรียมกลับห้องพัก “ฟ้า เฮียเรียก” “ครับ?” ผมที่กำลังจะเดินออกจากห้องพักพนักงานหันไปตามเสียงเรียกของพี่ไม้ “เฮียชาร์ปแกเรียกน่ะ” “เอ่อ เรื่องอะไรพี่ไม้พอจะรู้ไหมครับ” ผมถามอย่างกล้าๆกลัวๆ แอบคิดไปว่าวันนี้ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า “ฮ่าๆๆ ดูทำหน้าเข้า ไม่มีอะไรหรอก ไปเถอะ” “ครับ” ผมยิ้มแห้งให้พี่ไม้ ก่อนจะเดินไปหาเฮียชาร์ปเจ้าของร้านที่ห้องทำงานด้านใน ผมเคาะประตูอยู่สองที พอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดประตูเข้าไป เฮียชาร์ปวัยสามสิบปลายๆ เงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชีของร้านแล้วยิ้มให้ผม ผมเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของเฮีย ยืนเอามือประสานไว้ด้านหน้า รอฟังสาเหตุที่เฮียเรียกผมมาพบหลังจบงาน “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าเหมือนกลัว” “เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร” ผมส่ายหน้า ใครจะไปกล้าบอกล่ะว่ากลัว กลัวว่าจะไปเผลอทำอะไรผิดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว “หึหึ ไม่ได้จะดุอะไรหรอกน่า ที่เรียกมาหาเนี่ย เพราะมีลูกค้าฝากนี่ไว้ให้” เฮียชาร์ปยื่นซองจดหมายสีน้ำเงินมาตรงหน้าผม ซองสีน้ำเงินอย่างนั้นเหรอ ผมมองซองตรงหน้ากับหน้าเจ้าของร้านสลับกันอยู่สองถึงสามรอบ เฮียชาร์ปก็พยักหน้าให้ผมหยิบไป ผมลังเลใจเล็กน้อยก่อนจะหยิบซองสีน้ำเงินมาเปิดออก “นี่มัน” เงินสดจำนวนสองพันบาท “ลูกค้าที่โซนวีไอพีเขาให้ไว้ บอกว่าให้ฟ้าโดยเฉพาะ เพราะว่าคนทำงานดีก็ต้องได้รับผลตอบแทน” เฮียพูดยิ้มๆ “เอ่อ คือที่จริง ทิปต้องเข้ากองกลาง” ผมพูดเสียงเบา พลางนึกไปถึงเจ้าของซองเงิน ที่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณตรี ถึงซองสีน้ำเงินซองนี้จะต่างไปจากแต่ก่อนมาก เพราะดูหรูขึ้นด้วยขลิบสีทอง แต่นอกจากคุณตรีแล้วผมไม่คิดว่าจะมีใครใช้ซองสีน้ำเงินแบบนี้อีก “ทิปกองกลางน่ะลูกค้าให้มาแล้ว อันนี้ฟ้าก็คงต้องรับไป” “มันจะดีเหรอครับ” ผมถามเฮียชาร์ปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เงินน่ะผมก็อยากได้ แต่ว่าปกติไม่ว่าลูกค้าจะให้ทิปกับใครก็ต้องใส่กองกลาง จากนั้นค่อยนำมาหารเท่าๆ กัน จะไม่มีการแยกทิปเพื่อคนใดคนหนึ่ง “มันก็ต้องดี เพราะอันนี้ลูกค้าเขากำชับมา เอาเถอะน่า ฟ้าทำงานดี ทำให้แขกวีไอพีพอใจ เฮียก็ดีใจแล้ว ส่วนนี่เป็นความประสงค์ของลูกค้าเขา ซึ่งเฮียก็รับปากไปแล้วว่าจะให้ถึงมือเรา ฟ้าก็รับไปเถอะ อย่าไปคิดมาก” ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะยกมือไหว้เฮียชาร์ป “ขอบคุณนะครับ แต่เฮียไม่บอกใครได้ไหม” ผมกลัวว่าถ้าคนอื่นรู้จะทำให้เขารู้สึกไม่พอใจที่ผมได้ทิปแยกต่างหาก บอกตามตรงว่าผมไม่อยากมีปัญหา “อืม ก็ต้องอย่างนั้นแหละ วางใจเถอะ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่ไอ้ไม้” “ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” “ไม่เป็นไร ไปเถอะ ดึกมากแล้ว กลับห้องดีๆ ล่ะเรา” “ครับ สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะออกจากห้องทำงานของเจ้าของร้าน ผมก็รีบยัดซองเงินจำนวนสองพันบาทใส่กระเป๋าเพื่อไม่ให้ใครรู้ ถึงผมจะไม่ฉลาดมากนัก แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าการได้ทิปนอกรอบ มันอาจจะทำให้ใครบางคนไม่พอใจก็ได้ ทำยังไงได้ ในสังคมชั้นล่างที่ทุกคนต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบเพื่อหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องอ่อนไหว ดีไม่ดีจะเกิดการแย่งลูกค้ากันเพราะอยากได้ทิปนอกรอบหนักๆ ถ้าเป็นแบบนั้นคงวุ่นวายไม่น้อย ผมกลับมาถึงห้องพักก็ตีหนึ่งได้แล้ว วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยและล้ามากๆ วันหนึ่ง แต่ก็เป็นวันดีๆ ที่ผมอิ่มเอมใจมากเช่นกัน ผมนั่งลงบนขอบเตียงนอน หยิบซองสีน้ำเงินซองที่สองที่ผมได้มาจากคุณตรีออกจากกระเป๋า ซองใบนี้ยังมีเงินสดอยู่ข้างใน แต่ซองใบเก่าไม่มีเงินสดหลงเหลืออยู่แล้ว นั่นเพราะผมได้เอามันไปเข้าธนาคารเป็นที่เรียบร้อย เก็บไว้เป็นเงินสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็น เงินก้อนแรกผมเต็มใจรับเอาไว้ เพราะไม่สามารถคืนให้กับเจ้าของที่จากไปไกลถึงต่างประเทศ รวมถึงตอนนั้นผมก็จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ผมอยากเรียนต่อเพื่อให้ตัวเองมีความรู้เอาไปสมัครงานดีๆ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกว่ามันมากเกินไปหน่อย ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ตีลังกาไปเสิร์ฟด้วย ทำไมผมจะต้องได้ทิปพิเศษส่วนตัวเยอะขนาดนี้ แต่ก็นั่นละนะ ผมจะทำอะไรได้ นอกจากเปิดลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือที่วางติดกับหัวเตียง วางซองเงินไว้ในนั้น ทิ้งสายตามองมันอีกเสี้ยววินาที ก่อนจะยกยิ้มแล้วเลื่อนปิดลิ้นชัก พลางคิดขอบคุณน้ำใจที่อีกคนมีให้กันเสมอมา ทว่าถ้ามีโอกาสได้เจอคุณตรีอีกครั้งผมก็อยากจะค*****นในซองนี้ให้เขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรับคืนไหม คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต “เฮ้อ เหนื่อยจัง” ผมอยากทิ้งตัวลงนอนพักให้หายเหนื่อย แต่ผมก็ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ผมเรียนมหาวิทยาลัยเปิดแบบที่ไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้ แต่ถ้าไม่ติดงานหรือธุระอะไร ผมก็จะไปเข้าเรียนเท่าที่เวลาจะอำนวย ผมเลือกเรียนคณะมนุษยศาสตร์ เพราะถ้าในชีวิตนี้จะมีงานอะไรที่ผมอยากทำ ก็คงจะเป็นงานเกี่ยวกับหนังสือนิตยสาร เพราะสายงานอื่นบางงานต้องใช้ต้นทุนที่สูงเกินไป ดังนั้นการเรียนคณะนี้เลยดูจะเหมาะกับผมที่สุด ผมชอบอ่านหนังสือมาโดยตลอด เพราะผมตามโลกใบนี้ไม่ทัน หนังสือจึงช่วยผมได้เยอะ ส่วนมากหนังสือที่อ่านก็ยืมมาจากห้องสมุดทั้งนั้น ให้ซื้อเองก็จะได้แค่เดือนละเล่มถึงสองเล่ม เพราะราคาหนังสือก็แอบแพงอยู่เหมือนกัน บางเล่มราคาเทียบเท่ากับค่าข้าวผมทั้งอาทิตย์เลยทีเดียว ผมตั้งใจที่จะอ่านหนังสือให้จบบท แต่งานในวันนี้ดูดพลังงานผมไปมากพอตัว อ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ผมก็ต้านทานต่อความง่วงไม่ไหว เผลอหลับคาโต๊ะหนังสือแบบไม่รู้ตัว ตกใจตื่นอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนตีสี่ครึ่ง ต้องตื่นอีกแล้วเหรอ “อื้อ ขี้เกียจโว้ย” ผมร้องโวยวายในลำคอ ง่วงจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว บางทีผมก็อยากจะงอแงไม่ไปทำงาน แต่เพราะว่าเกิดมาจนและไม่มีที่พึ่ง ดังนั้นจะเกเรมากไม่ได้ ถึงผมจะชินกับความจน ไม่ฟุ้งเฟ้อกับการอยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น แต่การต้องหิ้วท้องหิวเป็นวันๆ เพราะไม่มีเงินซื้อข้าวกินก็เป็นอะไรที่ทรมานมาก จนผมไม่อยากกลับไปมีชีวิตแบบนั้นอีก “เฮ้อ” ผมถอนหายใจยาวเหยียด หลังจากที่ทำใจได้ก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าอาบน้ำให้ร่างกายและสติตื่น ก่อนจะออกไปทำงาน “มาแล้วเหรอฟ้า วันนี้ออเดอร์เยอะเลย มาช่วยพี่จัดกล่องหน่อยสิ” พี่นุชเรียกผมอย่างดีใจเมื่อผมก้าวเข้าไปในครัว “รอบเช้าส่งกี่กล่องเหรอพี่” ผมถาม พลางหยิบเอารายการอาหารที่ต้องจัดส่งรอบหกโมงเช้ามาดู “หกสิบกล่อง พี่เลยจัดไม่ทัน ช่วยทีนะ” “ได้ครับ” เหลือเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีในการจัดอาหารลงกล่อง ผมเร่งมือช่วยทำ แม้จะงงๆเบลอๆ ใส่ผิดใส่ถูกไปบ้าง แต่พี่นุชก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะต่างคนต่างลนด้วยกันทั้งคู่ “บ้านคุณตรี” ผมหลุดพูดชื่อเจ้าของบ้านตามเลขที่บ้านในกระดาษ “ฟ้าๆ เดี๋ยวเอาครึ่งหนึ่งไปส่งก่อนนะ แล้วค่อยวนรถกลับมาเอาออเดอร์ที่เหลือ” “ได้ครับพี่ งั้นผมเอารอบแรกไปส่งก่อนนะครับ” “จ้า ขับรถระวังๆ ด้วยนะ” “ครับผม” ผมฉีกยิ้มให้พี่นุช แล้วรีบออกไปส่งข้าวตามบ้าน เพราะวันนี้ต้องส่งข้าวกล่องเยอะกว่าทุกวัน และทุกคนที่สั่งเขาก็ต้องออกจากบ้านตรงเวลาเพื่อไปทำงาน ปกติผมจะขับมอเตอร์ไซค์ช้าๆ เพื่อความปลอดภัย แต่วันนี้ต้องขับเร็วและซิกแซกกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นจะไปส่งข้าวไม่ทันเวลา หลายครั้งที่ผมเกือบจะชนกับรถคันใหญ่เข้า แต่ก็รอดมาได้ด้วยดี จนกลับมาที่ร้านพี่นุชอีกครั้งเพื่อไปส่งข้าวเช้ารอบสอง “ทำเวลาดีนี่เรา ขับซิ่งเลยล่ะสิ” “นิดหนึ่งครับพี่” จากง่วงๆ เจอเรื่องหวาดเสียวแต่เช้าเข้าไป หัวใจผมเต้นแรงเป็นเท่าตัว “ส่งรอบนี้เสร็จก็กลับไปพักได้เลยนะ รอบเที่ยงเดี๋ยวพี่ให้คนอื่นทำแทน เราจะได้พัก” “ขอบคุณครับ” ผมน้อมใจรับเอาไว้ เพราะร่างกายผมต้องการการพักผ่อนจริงๆ ผมเลือกไปส่งข้าวที่บ้านหลังอื่นก่อน แล้วค่อยไปส่งข้าวกล่องให้คุณตรีเป็นหลังสุดท้าย ก่อนไปผมแวะไปที่ห้องเพื่อเอาซองเงินสีน้ำเงินไปคืนเจ้าของ แต่พอมาถึงหน้าประตูรั้ว เจ้าของบ้านก็ออกมายืนรออยู่แล้ว เขาดูเหมือนเพิ่งจะออกกำลังกายเสร็จ แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมมองคนตัวโตที่ยืนสูงเด่นท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ผิวของคุณตรีขาว พอโดนแสงสีเหลืองอ่อนก็เหมือนจะเปล่งออร่าออกมาจากตัว เขาเหมือนเทพบุตรที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ คนอะไรมีออร่าจนตาพร่าได้ขนาดนั้น “เป็นอะไร จะมาส่งข้าวไม่ใช่เหรอ” “อ่า” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของคุณตรี เพราะเผลอมองอีกคนจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คุณตรีก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผมที่ยังคงนั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ ผมรีบร้อนลงจากรถจนลืมเอาขาตั้งยันพื้น เกือบจะโดนมอเตอร์ไซค์ล้มทับ โชคดีที่คุณตรีช่วยจับรถไว้ได้ทัน ทำให้ผมยังคงอยู่รอดปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน “ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็บาดเจ็บ” “ขอโทษครับ” ผมพูดเสียงเบา “ไม่ต้องมาขอโทษฉันหรอก ขอโทษตัวเองเถอะ” “ครับ” เหมือนผมจะถูกดุ หรือเปล่านะ? “ไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดๆ” “เอ่อ” ผมเผลอขยับถอยหลัง เมื่อฝ่ามือของคุณตรีแตะเข้าที่หน้าผาก แต่เขาไม่ปล่อยให้ผมหนีไปไกล ใช้อีกมือหนึ่งดึงผมเข้าหาตัวแล้วแตะสัมผัสไปทั่วใบหน้า “ตัวร้อน” เขาพูดเสียงดุไม่พอ ยังทำหน้าดุอีกด้วย “คือ เดี๋ยวผมส่งข้าวให้คุณตรีเสร็จก็จะไปพักแล้วครับ” ผมบอกเขา ไม่ให้เขาเป็นห่วง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกแบบนั้นหรือเปล่า “งั้นก็เอาข้าวมา” เขาแบมือมาตรงหน้า ผมรีบเดินไปหยิบถุงใส่กล่องข้าวในตู้เก็บความร้อนที่ท้ายรถมาส่งให้คุณตรี คุณตรีรับถุงไปถือไว้ก่อนจะยื่นเงินให้ผมห้าร้อยบาท ผมกำลังจะหยิบเงินทอน ทว่า... “ไม่ต้องทอน” เขาพูดขัดขึ้น ผมรีบเงยหน้ามองเขาแล้วส่ายหน้าทันที “ไม่ได้นะครับ ผมต้องทอน” “ฉันไม่รับเงินทอน” เขาปฏิเสธอย่างดื้อดึง “คุณตรี อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือยสิครับ” ผมบอกเขาเสียงอ่อย เผลอกำเงินทอนในมือแน่นจนมันยับย่นไปหมด “ฉันไม่ชอบใช้เงินที่ยับแล้ว นายก็รู้” เขาพูด ทำให้ผมนึกถึงความหลังว่าเขาชอบให้เงินเรียบๆ ไม่มีรอยพับ ดังนั้นเงินที่เขาจะใช้จะต้องเป็นเงินที่ออกมาจากธนาคารสดๆ ร้อนๆ เท่านั้น “งั้นคราวหลังคุณตรีก็จ่ายให้พอดีสิครับ” “อืม ไว้คราวหลังละกัน” “พรุ่งนี้คุณตรีจะสั่งข้าวอีกไหมครับ” “สั่ง” “ถ้าอย่างนั้นเงินนี่ ผมจะเก็บไว้หักวันพรุ่งนี้นะครับ พรุ่งนี้คุณตรีก็ไม่ต้องจ่ายอีก” “...” เขาเงียบ เอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง ดวงตาของเขาดูอบอุ่น แต่ก็ดูดุดันอยู่ในที ทำให้ผมไม่กล้าที่จะสบตาเขานานเกินไปนัก “ถ้าให้ทิปผมอีก วันหลังผมจะไม่มาส่งข้าวแล้วนะครับ จะให้คนอื่นมาส่งแทน” “ฟ้า” “ตกลงตามนี้นะครับ” ผมย้ำอีกครั้ง ให้เขาเห็นถึงความจริงจัง “ก็แล้วแต่นาย” เขาพูดแบบขอไปที ท่าทางดูจะไม่สนใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่ “อ่อ ผมลืมไปเลย” ผมนึกขึ้นได้ว่ามีของที่อยากจะคืนเขา ซองสีน้ำเงินที่ผมได้มาเมื่อคืน ผมหยิบออกจากกระเป๋าสะพายข้าง แล้วส่งคืนให้คนร่างสูง “อะไร” เสียงของเขาดุขึ้นกว่าเดิม “เมื่อคืนที่คุณฝากไว้ให้ผม ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ มันมากเกินไป” “ฉันอยากให้” “แต่ผมรับไว้ไม่ได้” “ทำไมถึงรับไว้ไม่ได้” “คุณตรีเอาคืนไปเถอะนะครับ ยังไงคุณตรีก็ให้ทิปรวมแล้ว ส่วนนั้นผมก็ได้เหมือนกัน” “แต่ส่วนนี้ฉันให้นายคนเดียว ถ้าไม่อยากรับก็เอาไปทิ้งซะ นั่นน่ะ ถังขยะ” เขาเหลือบตามองไปที่ถังขยะตรงหน้าประตูรั้ว ทำไมเขาดื้อแบบนี้นะ “อย่าทำแบบนี้สิครับ ถึงคุณตรีจะรวย แต่ก็ไม่ควรใช้เงินแบบนี้นะ” ผมพูดเสียงอ่อน มือที่ยื่นซองเงินค้างเติ่งจนเริ่มจะเมื่อย “ฉันอยากให้นาย ก็เหมือนให้ของขวัญไง ฉันผิดตรงไหน” “มันก็...” ไม่ผิด แต่มันเกินไปไหมที่เขาให้ผม “นายก็อย่าดื้อกับฉัน ฉันให้นายต้องรับ” ผมดื้อตรงไหน เขาต่างหากที่ดื้อ “ฉันจะเข้าบ้านแล้ว เงินนั่นถ้าไม่อยากรับ ก็โยนทิ้งไปซะ ฉันพูดจริง” เขาพูดจบก็เดินเข้าบ้านไปเลย ไม่สนใจผมที่ยืนเครียดอยู่ตรงนี้ จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะบอกว่าผมเกลียดเจ้าซองสีน้ำเงินนี่นัก หวังว่าชีวิตนี้ผมจะไม่ต้องรับมันมาเพิ่มอีกแล้วนะ “คนอะไร ใช้เงินฟุ่มเฟือย” ผมบ่นกับตัวเอง ได้แต่มองบานประตูไม้ที่ปิดสนิทด้วยความอ่อนใจ ผมจะเอาอะไรไปขัดใจเขาได้ ในเมื่อผมแพ้เขาทุกทาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD