ตอนที่7 ดูแลคุณตรี ไม่ง่ายอย่างที่คิด

4277 Words
วันแรกกับงานพ่อบ้าน ไม่ใช่การไปทำงาน แต่เป็นการไปเรียนรู้งานมากกว่า ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากล้างจานรอบเช้า ช่วงสายเอาของว่างที่น้ากุ้งทำไปเสิร์ฟให้คุณตรีที่ห้องทำงาน ช่วงเวลาก่อนเที่ยงวัน น้ากุ้งอธิบายงานที่ผมต้องทำทีละอย่างด้วยความใจเย็น เพราะเอาเข้าจริง ผมเป็นคนหัวช้า ไม่ได้เป็นคนละเอียดอ่อนในการใช้ชีวิต จึงทำความเข้าใจความเป็นคุณตรีได้ช้ากว่าที่ควรเป็น ช่วงเที่ยงผมช่วยน้ากุ้งทำอาหารกลางวัน เพราะคุณตรีชอบกินบะหมี่ น้ากุ้งเลยสาธิตวิธีทำให้ผมดู ผมคอยช่วยหยิบจับและจดวิธีทำลงในสมุด “บะหมี่สูตรนี้ น้าได้รับถ่ายทอดมาจากคุณย่าของคุณตรี เป็นบะหมี่ที่คุณเขาชอบทานมากที่สุด แต่ของพิเศษจะต้องนานๆ ครั้งทำที” “จะได้เป็นของพิเศษใช่ไหมครับ” ผมลองทายความหมายของประโยคที่ว่านานๆครั้งค่อยทำที “ใช่จ้ะ ส่วนมากน้าจะดูว่าวันไหนคุณตรีเขาอารมณ์ไม่ดี พอเขาได้กินบะหมี่ชามนี้เขาก็จะอารมณ์ดีขึ้นทุกครั้ง” “แต่ถ้าน้ากุ้งไม่อยู่ ฟ้าก็ไม่รู้ว่าจะทำเป็นไหม” “น้าจะให้สูตรไว้ ของแบบนี้ต้องลองทำหลายๆ ครั้ง จดจำรสชาติของครั้งแรกไว้ให้แม่นก็พอ ตอนทำเองจะได้รู้ว่าเหมือนหรือไม่เหมือน” “ยากจังเลยนะครับ” “ไม่มีอะไรยากเกินพยายามหรอกลูก” นั่นสินะ ถ้าผมมีความพยายาม ผมจะต้องทำได้อย่างแน่นอน ไม่ลองดูก่อนจะรู้ได้อย่างไรว่าทำได้หรือไม่ได้ “ฟ้าจะพยายามครับน้ากุ้ง” “เก่งมากจ้ะ” กลิ่นหอมของน้ำซุปกระดูกหมูที่ต้มพร้อมกับปลาแห้งและเห็ดหอม ส่งกลิ่นชวนน้ำลายสอตลบอบอวลไปทั่วบ้าน ผมยังแอบท้องร้องขณะที่ยืนช่วยน้ากุ้งจนกระทั่งเสร็จ ตอนตักบะหมี่และเครื่องใส่ลงในถ้วย น้ากุ้งให้ผมเป็นคนทำตามคำบอก วางเส้นบะหมี่อย่างดีที่ลวกกำลังเหนียวนุ่มลงในถ้วย ต่อด้วยถั่วงอกลวก ก้านคะน้าอ่อนลวก มีหมูสันในที่หมักและเคี่ยวจนเนื้อนุ่มละลายในปาก และที่ขาดไม่ได้คือไข่ต้มเป็นยางมะตูม ปิดท้ายด้วยต้นหอมซอยก็เป็นอันเสร็จ บะหมี่ชามนี้ที่ถ่ายทอดมาจากความรักของคุณย่าของคุณตรี ดูภายนอกเหมือนจะทำง่ายและหากินได้ทั่วไป แต่รสชาติที่ผมได้ลองชิม ไม่ว่าจะเป็นตัวเส้น น้ำซุป และหมูตุ๋น ทุกอย่างอร่อยและพิเศษกว่าที่อื่น จนผมนึกไม่ออกว่าผมจะหากินแบบนี้ได้ที่ไหนอีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมกินแต่บะหมี่เกี๊ยวหน้าร้านสะดวกซื้อหรือเปล่า เลยทำให้ผมไม่เคยลองลิ้มชิมรสอาหารชั้นเลิศ คนรวยเขาคงกินจนเป็นปกติ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังเชื่อว่าบะหมี่ชามนี้เป็นบะหมี่ที่พิเศษที่สุด เพราะมันไม่ใช่แค่อาหารที่ทำให้สบายท้อง แต่เป็นอาหารที่ทำให้คุณตรีสบายใจ “คุณตรีครับ อาหารเที่ยงเสร็จแล้วนะครับ” ผมขึ้นมาเรียกเขาที่ห้องทำงาน “อืม” เขาตอบรับ แต่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานไม่หยุดมือ น้ากุ้งบอกกับผมไว้แล้วก่อนจะขึ้นมาว่า การลากคุณตรีให้ออกจากเก้าอี้ทำงานเป็นเรื่องยากมาก ดูท่าว่าจะจริง “คุณตรีครับ วันนี้มีบะหมี่แสนอร่อยให้ทานนะครับ” ผมลองเอ่ยถึงของโปรดของเขาและดูเหมือนว่าจะได้ผล เขายอมละสายตาจากเอกสารมามองหน้าผม “รอเดี๋ยวนะฟ้า ขอฉันอ่านตรงนี้อีกนิด” แต่เขากลับทำให้ผมแห้วอีกครั้ง “ถ้ารออีกสักครู่ บะหมี่ก็จะไม่ร้อนแล้วนะครับ” ผมขยับก้าวเข้าไปใกล้เขา พร้อมกับพูดโน้มน้าว “อืม” แต่เขาก็ทำเพียงตอบรับสั้นๆ ผมควรต้องทำยังไง เขาถึงจะเลิกสนใจงานตรงหน้า แล้วรีบลุกออกจากเก้าอี้ไปทานมื้อเที่ยงแสนอร่อย “คุณตรีครับ” ผมเรียกเขาอีกรอบ คราวนี้ใช้น้ำเสียงที่ติดจะขอร้อง เขาเลยยอมวางปากกาในมือลง “หิวข้าวเหรอฟ้า” เขาถาม ผมแอบถอนหายใจได้ไหม “มันก็เที่ยงแล้วนี่ครับ ผมก็ต้องหิวเป็นธรรมดา คุณตรีก็ควรจะต้องหิว แล้วลงไปทานข้าวก่อนนะครับ ทานเสร็จค่อยขึ้นมาทำงานต่อก็ได้” “ก็ได้ ฉันจะลงไปกินเดี๋ยวนี้แหละ ไม่อย่างนั้นนายก็คงไม่เลิกงอแงเพราะความหิว” เขาพูดเหมือนกับว่าเขาต้องจำใจลงไปกินข้าวเพราะผมอย่างนั้นแหละ แต่ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง ขอแค่เขายอมละมือจากงานแล้วลงไปกินข้าว ก็ถือว่าผมบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งใจไว้ “ถ้าอย่างนั้นคุณตรีรีบไปกินข้าวนะครับ” ผมเปิดประตูอ้ากว้างให้เขา คุณตรีส่ายหน้าน้อยๆ ผมเห็นริมฝีปากเขาขยับยิ้ม ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกออกจากเก้าอี้ดูดวิญญาณ ผมขอเรียกมันว่าอย่างนั้นก็แล้วกัน เพราะดูเหมือนว่าคุณตรีหย่อนตัวนั่งลงไปแล้ว จะไม่สามารถลุกออกจากมันได้ “บริการดีเชียวนะ” เขาเขกหัวผมเบาๆ หนึ่งที ผมสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เขาไม่ได้ทำแรงจนเจ็บ ผมแค่ไม่ทันได้ตั้งตัว ผมเดินตามหลังคุณตรีลงไปชั้นล่าง ชามบะหมี่ถูกวางตั้งไว้บนโต๊ะอาหารสำหรับคุณตรี เขาหยุดยืนแล้วหันมาหาผม “ไม่มานั่งกินกับฉันเหรอ” เขาถาม ผมส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ไม่ครับ เดี๋ยวผมไปกินกับน้ากุ้ง เขาไม่พูดอะไร แต่เดินไปที่ห้องครัวแทน ผมก็ต้องเดินตาม “คุณตรีอยากได้อะไรเพิ่มบอกผมได้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้” ผมรีบอาสา “น้ากุ้งครับ เดี๋ยวไปนั่งทานกับผมที่โต๊ะอาหารนะ พาฟ้าไปด้วย” “จะดีเหรอคะ” “ดีครับ เอาตามนี้นะครับ” เขาพูดเสร็จก็หันมาเจอผมที่ยืนอยู่ข้างหลัง ยักคิ้วใส่ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว ผมมองตามหลังเขาพลางคิดว่า ที่เขาต้องกินข้าวคนเดียวเมื่อเช้าคงทำให้เหงามาก มื้อเที่ยงเลยอยากให้มีคนไปนั่งกินเป็นเพื่อน ผมรีบไปช่วยน้ากุ้งยกอาหารของเราสองคนไปที่โต๊ะกินข้าว คุณตรียังคงนั่งรอ ทันทีที่ผมกับน้ากุ้งนั่งลง คุณตรีก็เริ่มขยับตัวและลงมือทานมื้อเที่ยง เขานั่งทานเงียบๆ ไม่พูดอะไร แต่ความเร็วในการทานดูต่างจากเมื่อเช้า เขาดูเจริญอาหาร ความไวในการคีบเส้นเข้าปากบ่งบอกให้รู้ว่าเขาเองก็หิวมากเช่นกัน แต่ทำไมตอนไปเรียกถึงได้อิดออดไม่ยอมลงมากิน ไม่นานบะหมี่ในชามของคุณตรีก็หมดจนแทบเกลี้ยง เหลือน้ำซุปแค่เพียงก้นชาม “เอาเพิ่มไหมครับคุณตรี” ผมถาม เขากินเร็วมากและผมกลัวว่าเขาจะยังไม่อิ่ม “ไม่เป็นไร กินอิ่มมากๆ ตอนทำงานจะง่วง” เรื่องงานอีกแล้ว เขาอายุมากกว่าผมแค่ปีเดียว แต่ทำตัวเหมือนคนที่แก่กว่าผมสักสิบปี ผมอยากถามว่าเขาเหนื่อยไหม อยากพักบ้างหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าที่จะถาม ปล่อยให้เขาเดินกลับขึ้นไปทำงานโดยไม่พูดอะไร คุณตรีดูเหมือนจะชอบทำงาน แต่ว่าใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยผ่อนคลายเท่าที่ควร ผมแค่เคยทำงานรับจ้างทั่วไปไปวันๆ ไม่สามารถรับรู้ถึงภาระที่เขาต้องแบกไว้ และคิดว่าผมคงไม่มีทางเข้าถึงจุดที่เขายืน สิ่งที่ผมต้องทำในตอนนี้ก็คืองานของผม พวกงานปัดกวาดเช็ดถูไม่ใช่เรื่องยาก ผมพอจะรู้ว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องนอกจากอาหารการกินของคุณตรีแล้ว ก็คือเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย น้ากุ้งพาผมขึ้นไปที่ห้องนอนของคุณตรี ซึ่งอยู่ติดกับห้องทำงาน เปิดประตูเข้าไปจะเห็นประตูอีกหนึ่งบานทางฝั่งซ้ายมือ น้ากุ้งบอกว่านี่เป็นห้องแต่งตัวและห้องอาบน้ำของคุณตรีที่อยู่ภายในห้องนอน “ห้องน้ำจะต้องล้างและทำความสะอาดทุกวัน ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัว เช็ดหน้า และเช็ดผม จะแยกตามขนาดนี้นะจ๊ะ ก็ต้องซักเปลี่ยนทุกวันเช่นกัน” “คุณตรีดูจะชอบสีน้ำเงินนะครับ” ผมพูด เพราะขนาดผ้าขนหนูก็ยังเป็นสีน้ำเงินเข้มทุกผืน “ใช่จ๊ะ คุณตรีเขาชอบสีน้ำเงิน ความจริงแล้วยังมีอีกสีที่คุณตรีชอบนะ แต่เขาจะไม่บอกใคร” น้ากุ้งก้มลงมากระซิบกระซาบบอกผม “สีอะไรเหรอครับ” ผมก็พลอยอยากรู้ไปด้วย “เป็นเพราะว่าเดี๋ยวฟ้าจะต้องทำงานกับคุณตรี น้าถึงได้บอกนะ สีอีกสีที่คุณตรีชอบมากก็คือสีแดง น้ารู้เพราะว่าตอนเด็กๆ คุณตรีเคยบอก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความชื่นชอบในสีแดงกลับถูกกลบซ่อนเอาไว้ คนที่รู้ก็จะมีแต่คนใกล้ตัว เวลาที่คุณตรีเห็นสีแดง แววตาของเขาจะส่องประกาย ฟ้าลองสังเกตดูนะลูก” “มันก็แปลกนะครับ ชอบสีแดง แต่ผมไม่เห็นข้าวของเครื่องใช้ในบ้านจะเป็นสีแดงเลย ชอบแล้วทำไมต้องปกปิดด้วย” “น้าก็ไม่รู้นะ แต่บางครั้งเวลาน้าซื้อดอกไม้สีแดงมาใส่แจกันไว้ในบ้าน คุณเขาจะชอบไปหยุดยืนมอง น้าไม่เคยถามหรอกว่าเพราะอะไร” เป็นผมก็ไม่กล้าถามเช่นกัน “ห้องน้ำทุกห้องในบ้าน จะต้องให้แห้งตลอดเวลา คุณตรีเขาจะไม่ชอบให้พื้นเปียก” “ก็คือต้องคอยเช็ดตลอดเหรอครับ” ผมถามด้วยความสงสัย ว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าห้องน้ำจะเปียกหรือไม่เปียก “ถ้าคุณตรีอยู่บ้าน เราก็จะเข้าไปทำหลังจากที่คุณตรีอาบน้ำในตอนเช้า ส่วนระหว่างวันคุณตรีเขาใช้ห้องน้ำสะอาด ซึ่งเราไม่ต้องทำอะไร จะทำอีกทีก็ตอนจะเลิกงาน ฟ้าก็แค่เข้าไปตรวจเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก็พอ ไม่ต้องเครียดนะลูก มันไม่ยากขนาดนั้น ที่จะต้องดูแลหน่อยก็คือตอนที่มีเพื่อนหรือมีแขกของคุณตรีมาที่บ้านก็เท่านั้นเองจ้ะ” “อ๋อ...ครับ” เท่าที่ฟังดูก็เหมือนจะไม่ยาก น้ากุ้งใช้เวลาอธิบายงานทุกอย่างที่อยู่ในห้องนอนคุณตรี ข้าวของเครื่องใช้ แหล่งซื้อหา เสื้อผ้า ต้องซักต้องรีดยังไง อะไรเก็บตรงไหนบ้าง โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายของคุณตรี ที่จะแบ่งเป็นโซนชัดเจน เสื้อผ้าก็ต้องจัดแขวนแบบเรียงสี ผ้าปูที่นอนก็ต้องเปลี่ยนทุกอาทิตย์ ที่เก็บชุดเครื่องนอนจะมีห้องหนึ่งห้องเอาไว้เก็บ น้ากุ้งพาผมไปดู ผมถึงกับต้องยืนอึ้ง คนเราจำเป็นต้องมีชุดเครื่องนอนเยอะเป็นสิบๆชุดจริงๆน่ะเหรอ “ของพวกนี้คุณเขาจะสั่งให้ทางร้านส่งมา จะต้องเป็นของคุณภาพดี เนื้อผ้าจะนุ่มลื่นไม่ระคายผิว” น้ากุ้งเล่า ผมใช้เวลาทั้งวันอย่างคุ้มค่าในการเรียนรู้งาน บางจุดน้ากุ้งก็ทำได้แค่บอกคร่าวๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกมากนัก เนื่องจากเวลามีจำกัด แต่หากผมสงสัยอะไร ก็สามารถโทรไปหาน้ากุ้งได้ตลอด การทำงานวันแรกจึงผ่านไปแต่เพียงเท่านี้ ผมอยู่ทานข้าวเย็นร่วมกับทุกคน และเอ่ยลาน้ากุ้ง ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม ผมก็ได้แต่ขอให้สามีของน้ากุ้งหายป่วยไวๆ “ยังไงก็กลับบ้านดีๆ” คุณตรีเดินมาส่งผมที่หน้าบ้าน หลังจากที่ผมทำงานทุกอย่างที่คิดว่าน่าจะต้องทำเสร็จหมด “ครับ มีมื้อดึกที่น้ากุ้งทำไว้อยู่ในตู้เย็น ถ้าหิวคุณตรีก็เอาออกมาอุ่นทานนะครับ” “อืม ไปเถอะ เดี๋ยวมันจะดึกกว่านี้” “ครับผม เจอกันพรุ่งนี้นะครับคุณตรี” ผมเอ่ยลาและยิ้มส่งท้ายให้คุณตรี ก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันเก่งแล้วขี่กลับหอ เป็นครั้งแรกในรอบสองสามปีมานี้ ที่ผมได้เลิกงานเร็วกว่าเที่ยงคืน ช่วงหกโมงเย็นเป็นช่วงที่ในซอยค่อนข้างจะคึกคัก ผมแวะซื้อของกินเล่นกลับไปกินที่ห้อง ช่วงสอบที่หฤโหดผ่านพ้นไปแล้ว เวลานี้ก็เป็นเวลาที่ผมจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ คืนนี้ผมจะนอนอ่านหนังสือที่เพิ่งซื้อมาให้เต็มอิ่มไปเลย ผมตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ อาบน้ำล้างหน้า ใช้เวลาทั้งหมดจนมาถึงหน้าบ้านคุณตรีก็สี่สิบนาที ผมต้องเริ่มงานตอนตีห้า แอบอยากรู้ว่าถ้าผมมาเวลานี้ คุณตรีจะตื่นแล้วหรือยัง ผมไขกุญแจรั้วเข้าไปในบ้าน ขณะนี้ท้องฟ้ายังมืดแต่ไม่สนิท สามารถมองเห็นดาวประกายพรึกในยามรุ่งเช้า ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสนจะกว้างใหญ่ อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า มอบแสงสว่างให้กับผมและทุกคนบนโลก ภายในบ้านยังคงเงียบสงัด ผมก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง “ตีสี่ห้าสิบห้า” ผมพึมพำ ผมตั้งสติแล้วคิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรเป็นอย่างแรก หยิบสมุดจดงานที่ผมจดรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ขึ้นมาดู ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสอง ห้องนอนของคุณตรี นอกจากเจ้าของห้องแล้ว ก็จะมีแม่บ้านอีกคนที่เป็นคนถือกุญแจห้อง เอาไว้เข้ามาทำความสะอาด ผมไขกุญแจเข้าห้องคุณตรีอย่างเบามือ สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความเย็นของเครื่องปรับอากาศและความมืดภายในห้องนอน ผมเดินย่องด้วยฝีเท้าที่คิดว่าเบาที่สุด มองไปด้านในที่เป็นที่ตั้งของเตียงนอน ก็แทบจะไม่เห็นอะไร แต่คิดว่าคุณตรีน่าจะยังนอนหลับสบายอยู่ งานแรกที่ผมต้องทำก็คือการเช็คความเรียบร้อยในห้องน้ำ แต่ทุกอย่างก็แทบจะเรียบร้อยดี มีต้องเติมผ้าขนหนูและนำผ้าขนหนูที่ใช้แล้วลงไปซัก “ทำไมมาเร็ว” “เฮ้ย” ผมผงะถอยหลังด้วยความตกใจ เพราะกำลังจะหมุนตัวออกจากห้องน้ำ แต่ถูกเสียงและร่างกายที่ค่อนข้างจะใหญ่โตขวางหน้า ตะกร้าผ้าในมือก็พลอยหลุดร่วงลงพื้นเพราะความตกใจ “ตกใจอะไรขนาดนั้น” เขาตีหน้านิ่งถาม สีหน้ายังคงงัวเงีย แต่สิ่งที่ตรึงสายตาของผมไว้ก็คือหน้าอกแน่นๆ และซิกแพคเป็นลอนสวยของเขา ทำไม...ถึงไม่ใส่เสื้อ “ฟ้า เป็นอะไร ตกใจจนสติหลุดหรือไง” คุณตรียื่นมือมาตบแก้มผมเบาๆ ผมจึงได้สติ “คุณตรี...ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” นับเวลาคร่าวๆ ตั้งแต่ที่ผมเปิดประตูห้องนอนของเขาเข้ามา ก็ไม่น่าจะเกินห้านาทีด้วยซ้ำ “ตั้งแต่นายเข้าห้องมา” เขาตอบ พลางใช้สองมือลูบใบหน้าไปยันเส้นผมที่ถูกเสยขึ้นจนเห็นกรอบหน้าชัดเจน “ผมทำให้ตื่นเหรอครับ” ผมว่าผมก็ย่องเบาแล้วนะ อีกนิดก็น่าจะไปเป็นขโมยได้ละ แซวเล่นครับแซวเล่น “เรื่องปกติ ฉันความรู้สึกไว แต่ก็เป็นเวลาที่ควรจะต้องตื่นอยู่แล้ว” “งั้น วันหลังผมจะยังไม่เข้ามาในห้องจนกว่าคุณตรีจะตื่น ดีไหมครับ” ผมอยากให้เขาได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ ขนาดยังไม่เข้าไปบริหารงานในบริษัทอย่างจริงจัง คุณตรีก็ดูจะมีงานล้นมือ ขอบตาของเขาติดจะคล้ำอยู่หน่อยๆ คล้ายกับว่าเมื่อคืนเขานอนดึกพอสมควร “ไม่ดีหรอก” แต่เขากลับปฏิเสธ “ทำไมล่ะครับ ถ้าคุณตรีกลัวว่าห้องน้ำจะไม่พร้อมใช้งาน คุณตรีเรียกผมก่อนก็ได้นะครับ ผมจะรีบขึ้นมาทำให้” “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น นายขึ้นมาทำอย่างที่ควรทำเถอะ หลังจากที่ฉันเข้าไปทำงานที่บริษัทแล้ว ฉันก็ต้องตื่นเวลานี้ทุกวัน ไม่ได้จะมีเวลาให้นอนพักไปจนสายหรอก” “ครับ” “ไปทำงานอื่นต่อเถอะ ฉันจะใช้ห้องน้ำ” “อ่อ ครับๆ ขอโทษครับ” ผมก้มลงเก็บตะกร้าผ้าบนพื้นขึ้นมาโอบเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง แล้วรีบออกจากห้องน้ำ ผมเอาผ้าขนหนูของคุณตรีไปเข้าเครื่องซักผ้า จากนั้นก็เริ่มเก็บทำความสะอาดบ้านในส่วนที่ดูจะไม่ค่อยเรียบร้อย ซึ่งก็แทบจะไม่มีตรงไหนที่รกไม่เป็นระเบียบ ก่อนที่คุณตรีจะลงมา ผมเปิดเครื่องปรับอากาศด้านล่างทิ้งไว้ให้อากาศภายในบ้านเย็น และอีกหนึ่งสถานที่ที่ผมจะต้องไปจัดเตรียมก็คือห้องออกกำลังกาย น้ากุ้งแนะนำว่าคุณตรีจะเปิดแอร์ในห้องออกกำลังกายไม่เท่ากับห้องอื่นๆในบ้าน ที่จะปรับเท่ากันที่ 22 องศา แต่ในห้องออกกำลังกายจะปรับเป็น 25 องศา ผมก็ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไม แต่ก็ทำตามคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ไว้ก่อน “ฟ้า” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้น ผมลดรีโมตที่กำลังปรับแอร์ลง แล้วหันไปหาคนที่เรียกขาน คุณตรีอยู่ในชุดพร้อมออกกำลังกายยืนอยู่หน้าห้อง เขาขยับแขนขยับขาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ แต่ว่าผมยังเตรียมห้องและเตรียมของที่เขาต้องใช้ไม่เสร็จเลยสักอย่างเดียว แค่งานแรกก็พลาดซะแล้ว “ครับคุณตรี ผมเพิ่งเปิดแอร์เอง” น้ำเสียงของผมค่อนไปทางรู้สึกผิด ที่จริงมันควรจะต้องพร้อมก่อนที่คุณตรีจะลงมา “ไม่เป็นไร แต่พรุ่งนี้ก็เตรียมไว้ให้พร้อม” “ครับคุณตรี ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมน้ำดื่มไว้ให้นะครับ” “เอาน้ำแอปเปิลนะ” “ได้เลยครับคุณตรี” ผมเชื่อแล้วครับว่า เขาเป็นคนที่ติดน้ำที่มีรสชาติมากจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นหุ่นของเขาก็ยังดูดีมากๆ พิสูจน์ได้จากสิ่งที่ผมเห็นในห้องน้ำก่อนหน้านี้ ทั้งมัดกล้ามและซิกแพค ถ้าไม่บอกก็คงคิดว่าคุณตรีจะต้องควบคุมอาหารอย่างหนัก ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักเท่าไหร่ เขาก็กินทุกอย่าง เพียงแต่เลือกกินของดีคุณภาพสูงเท่านั้น น้ำแอปเปิลที่คุณตรีทาน จะต้องเป็นน้ำแอปเปิลแบบสกัดแยกกาก ในตู้เย็นเครื่องใหญ่บรรจุเอาไว้ด้วยของสดมากมาย มีผลไม้หลายชนิดที่น้ากุ้งซื้อเตรียมไว้ให้ผม น้ากุ้งว่าช่วงแรกๆผมอาจจะยุ่งๆกับการปรับตัว จึงช่วยเตรียมงานบางอย่างทิ้งไว้ มาถึงตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกขอบคุณน้ากุ้ง ไม่อย่างนั้นผมคงหัวหมุนพอตัวเลยทีเดียว “ผมเอาวางไว้บนโต๊ะนะครับคุณตรี” ผมบอกเขา แล้วนำแก้วเก็บความเย็นที่บรรจุน้ำแอปเปิลจนเต็มวางไว้ “ขอบใจมาก” คุณตรียังคงมุ่งมั่นกับการออกกำลังกายจนไม่ได้สนใจหันมามอง “งั้นผมไปทำอาหารเช้ารอนะครับ ทานเป็นข้าวต้มไหมครับ” “อืม ทำมาเถอะ” “ครับ” ผมรีบไปทำอาหารเช้าในครัว คุณตรีจะออกกำลังกายประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งตามข้อมูลที่จดไว้ ดังนั้นผมยังมีเวลาเยอะอยู่พอสมควร ผมเลือกที่จะทำอาหารง่ายๆ อย่างข้าวต้มสำหรับวันแรก เพื่อป้องกันการผิดพลาด เมื่อคืนผมลองหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเช้าดูว่ามีอะไรบ้างที่ผมสามารถทำให้คุณตรีทานได้ ก็มีหลายเมนูเหมือนกัน เพียงแต่เมนูที่ว่านั้นผมทำเป็นไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เลย ดังนั้นผมว่าผมต้องหาเวลาว่างในการฝึกทำอาหารมากขึ้น ไม่อย่างนั้นคุณตรีจะได้กินอาหารเช้าแค่ไม่กี่อย่าง และอาจจะทำให้เขาเบื่อขึ้นมาได้ง่ายๆ การทำอาหารเช้าสำหรับคุณตรีผ่านไปอย่างราบรื่นดี มีติดขัดบ้างตรงที่ผมหาของไม่เจอ บางอย่างที่เคยเห็นผ่านตาก็หาไม่ยาก ของชิ้นไหนที่ไม่เคยเห็นก็ต้องใช้เวลาในการควานหาอยู่ประมาณหนึ่ง ข้าวต้มก็เสร็จแล้ว หนังสือพิมพ์ก็รับมาแล้ว ผมเพิ่งรู้ว่าทุกเช้าคนขับรถของคุณตรีจะเป็นคนเอาหนังสือพิมพ์หลายฉบับมาส่ง ผมวางเตรียมไว้ที่โต๊ะในห้องนั่งเล่น ผมโฉบไปดูคุณตรี เขายังออกกำลังกายไม่เสร็จ ผมจึงใช้เวลาตอนนี้ออกไปรดน้ำต้นไม้รอบๆบ้าน ซึ่งกินเวลาไปมากพอสมควร จุดที่อยู่ไกลตัวบ้านจะมีสปริงเกอร์ติดไว้เป็นจุดๆ แต่รอบตัวบ้านที่เป็นพวกไม้ดอกไม้ประดับจะต้องรดน้ำเองทุกวัน กลับเข้าไปในบ้านอีกที คุณตรีก็ไม่อยู่ในห้องออกกำลังกายแล้ว ผมจึงเตรียมตัวจัดโต๊ะสำหรับอาหารเช้า ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้า อีกไม่นานคุณตรีก็น่าจะลงมา ผมจัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ น้ำส้มคั้นสดและกาแฟ ถ้าจะมีเมนูไหนที่ผมไม่มั่นใจในรสชาติก็คงจะเป็นกาแฟนี่แหละครับ ผมเคยกินแต่กาแฟกระป๋องกับกาแฟสำเร็จรูป แต่กาแฟสดที่ต้องใช้เครื่องบดและเครื่องทำกาแฟผมไม่เคยทำมาก่อน ถึงจะเคยกินแต่ก็ไม่สามารถแยกความแตกต่างของรสชาติได้ แต่กับคุณตรีผมว่าเขาน่าจะรู้และแยกแยะรสชาติของกาแฟได้เป็นอย่างดี ผมก็ไม่รู้ว่ารสชาติกาแฟที่ผมทำจะพอถูกปากคุณตรีไหม แต่ผมก็ทำตามสูตรที่น้ากุ้งสอนทุกขั้นตอน ไม่มีส่วนไหนขาดส่วนไหนเกิน คงได้แต่รอลุ้นเท่านั้น “ฟ้า อาหารเช้าเสร็จหรือยัง” “เสร็จแล้วครับคุณตรี” ผมรีบวิ่งออกไปหาคุณตรีที่เดินลงบันไดมาช้าๆ กลิ่นหอมของแชมพูและครีมอาบน้ำลอยฟุ้งอยู่รอบๆ ตัวเขา หอมสดชื่นจนผมอยากจะไปยืนดมใกล้ๆ แต่ก็ไม่กล้าทำเพราะมันคงจะดูโรคจิตเกินไป เป็นความหอมสดชื่นที่ชวนให้ผ่อนคลาย “เสร็จแล้วก็ตั้งโต๊ะเลย หยิบหนังสือพิมพ์มาให้ด้วยนะฟ้า” “คุณตรีจะอ่านตอนทานข้าวเช้าเหรอครับ” ผมถามอย่างสงสัย “ใช่ อ่อ แล้วก็ ตักอาหารเช้าของตัวเองมาด้วย มานั่งกินกับฉัน” เขาสั่งงานเสร็จก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าว ไม่เปิดโอกาสให้ผมตั้งคำถาม ผมเลือกที่จะเอาอาหารเช้าของคุณตรีจัดใส่ถาด แล้วเอาไปเสิร์ฟให้คุณตรีก่อน จากนั้นก็เดินไปหยิบหนังสือพิมพ์มาให้เขา คุณตรีมองผมจัดวางอาหารไว้ตรงหน้า มือของเขาถือหนังสือพิมพ์เปิดค้าง แต่สายตากลับมองผมแล้วขมวดคิ้วใส่ ผมถอยออกมายืนห่างจากโต๊ะทานอาหารเล็กน้อย เผื่อคุณตรีอยากได้อะไรเพิ่มผมจะได้คอยรับใช้ได้สะดวก “ฟ้า ไม่ได้ยินที่สั่งก่อนหน้านี้เหรอ” คุณตรีพูดเสียงเรียบ สีหน้าของเขาดูขรึมกว่าปกติ “สั่งอะไรเหรอครับ” ผมถามกลับอย่างระมัดระวัง “ฉันบอกให้นายจัดอาหารของนายมานั่งกินกับฉันไง” อ่อ เรื่องนี้นี่เอง ผมได้ยินแต่ผมไม่เข้าใจ มันคงไม่เหมาะที่เจ้าของบ้านกับคนงานในบ้านจะนั่งกินข้าวร่วมกัน “ไม่ดีหรอกครับคุณตรี คุณตรีทานเลยเถอะครับ อยากได้อะไรเดี๋ยวผมจะยืนตรงนี้คอยรับใช้” ผมบอกแล้วยิ้มบางๆ ให้เขา “อะไรที่ว่าไม่ดี” คุณตรีพับหนังสือพิมพ์เก็บ เหมือนว่าเขาหมดอารมณ์ที่จะสนใจมัน “ก็คุณตรีเป็นนายจ้าง” ผมตอบ “ฟ้า ถ้าฉันเป็นนายจ้าง ทำไมนายไม่ฟังคำสั่ง” แล้วทำไม เขาต้องทำท่าดุขนาดนี้ด้วย “ไม่ขัดใจฉันสิฟ้า” “...” “ไปตักข้าวต้มของตัวเองแล้วมานั่งกินด้วยกัน” “ครับ” ผมยอมเขาแต่โดยดี ไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียตั้งแต่เช้า การเริ่มงานจริงวันแรก ผมไม่อยากให้เป็นความทรงจำที่แย่สำหรับเรา เอาเป็นว่า ที่นั่งตรงข้ามของคุณตรี ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของในอนาคต ผมขออนุญาตนั่งก่อนแล้วกันนะครับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD