วันที่แสนวุ่นวาย

1535 Words
กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง สองสามวันมานี้ เสียงกระดิ่งที่ห้อยอยู่บนคอของเจ้าสโนว์ ปลุกให้จอแจต้องตื่นแต่เช้ากว่าปกติ ก่อนเสียงนาฬิกาปลุกบนหัวนอนจะดังขึ้นเสียอีก “ตื่นได้แล้วยัยมนุษย์โง่” สโนว์เดินวนไปวนมารอบตัวของเด็กสาวขี้เซา ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง แมวตัวร้ายส่งเสียงดังขึ้น และดังขึ้นจนร่างเล็ก ๆ ในชุดนอนสีชมพูดเริ่มขยับตัว “อื้อ...” มือเรียวของเธอเอื้อมไปเพื่อพยายามจะดึงเจ้าก้อนขน ที่กำลังแหกปากอย่างน่ารำคาญพลางครางเสียงอู้อยู่ใต้ผ้าห่ม “เมี๊ยววว” “อยากตื่นเช้าก็ตื่นคนเดียวสิ จะมาส่งเสียงรบกวนฉันทำไม” จอแจพลิกตัวนอนคว่ำ ก่อนจะใช้แขนข้างหนึ่งเท้าคางคุยกับเจ้าสโนว์ที่ในเวลานี้หน้ากำลังบูดบึ้ง แสดงถึงความไม่พอใจ “ม๊าวววว” แมวสีขาวตัวน้อยแยกเขี้ยว ยิงฟันร้องขู่เจ้าของอย่างเอาเรื่อง แต่มันกลับให้ผลตรงกันข้าม แทนที่จอแจจะกลัวมัน เธอกลับเอื้อมมือไปแตะที่หัวของมันด้วยความเอ็นดู อย่างไม่รู้เลยว่ามันกำลังแผดเสียงด่าเธออยู่ “ยัยมนุษย์ขี้เกียจ รีบไปเทอาหารเดี๋ยวนี้เลยนะ หมดตั้งแต่เมื่อคืน นึกว่าจะลุกขึ้นมาเทให้ ดันหนีไปนอนซะงั้น”เสียงที่จอแจได้ยินเป็นเพียงเสียงแมวขี้โวยวายแหกปากร้องไม่ได้ความ เธอลุกจากเตียงแล้วเดินตรงเข้าไปล้างหน้า แปรงฟัน ยาวไปจนอาบน้ำ “สบายตัวจังเลยนะ” ร่างเปลือยเปล่าเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่ได้ปิดบังกาย เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ของเจ้าของร่างบาง จอแจที่เพิ่งอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเดินตัวเปล่าออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายตัว “ยายบ้าเอ๊ย!! ไม่ได้อยู่คนเดียวแท้ ๆ ยังจะมาแก้ผ้าล่อนจ้อน เดินร่อนไปร่อนมาในห้องอีกหรือไง เป็นผู้หญิงแบบไหนกันเนี่ยหา!!!” เจ้าสโนว์ที่เพิ่งมองเห็นร้องลั่น พลันวิ่งหนีไปหลบมุมนั้นทีมุมนี้ที “โวยวายอะไรของแก หิวก็รอก่อน ฉันยังทำธุระไม่เสร็จ” จอแจที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หันไปบอกกับแมวตัวร้ายของเธอ และยังคงเปลือยกายอยู่อย่างนั้น “ยังจะมายิ้มหน้าระรื่นอีกยายโง่เอ๊ย” สโนว์มองดูเจ้าทาสของมัน ด้วยสายตารังเกียจ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอใครที่ทำเรื่องบัดสีแบบนี้เลย เจ้าสโนว์พลางคิดในใจ และพยายามจะไม่มองเรือนร่างเปลือยของเธอ “ธุระของฉันเสร็จแล้วล่ะ ถึงคิวแกแล้วเจ้าสโนว์ขี้ดื้อ” จอแจพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปช้อนร่างของสโนว์ขึ้นมาอุ้ม “เธอจะทำบ้าอะไรวะ หึ๊ยยย” เจ้าแมวเกเรดิ้นอย่างสุดแรงก่อนจะกระโดดลงพื้นแล้ววิ่งหนีเข้าไปหลบอยู่ในซอกเล็ก ๆ “เมี๊ยวววว” มันร้องขู่จอแจอย่างเอาเรื่อง “ไม่เอาน่าสโนว์ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาเล่นไล่จับกับแกทั้งวันนะ ออกมาเร็วเข้า” จอแจพยายามเจรจาอย่างใจเย็นแต่มีหรือแมวดื้ออย่างเจ้าสโนว์จะยอมอ่อนข้อให้ง่าย ๆ “ฝันไปซะเถอะยัยโง่ ฉันคิดผิดจริง ๆ ที่เลือกมาอยู่กับเธอ มีของดีๆ ให้กิน แต่ก็วุ่นวายชะมัด ทั้งปลอกคอโง่ ๆ นี่ ไหนจะเล็บที่เพิ่งโดนตัด แล้วนี่แกจะทำอะไรอีก ยัยบ้าเอ๊ย!!” สโนว์ร้องขู่อยู่ในซอกตู้ในขณะที่จอแจพยายามใช้ร่างเล็ก ๆ ของเธอ ดันตู้ขนาดยักษ์เพื่อจะขยายช่องให้ตัวเองสามารถเข้าไปจับเจ้าสโนว์ได้ “แฮ่ก ๆ สโนว์ฉันเหนื่อยแล้วนะโว้ย แกจะออกมาดีๆ หรือจะให้ฉันเอาเชือกผูกคอแกแล้วลากออกมา” จากเจรจากันอย่างละมุนละม่อมตอนนี้จอแจเริ่มเปลี่ยนน้ำเสียงให้เข้มขึ้น พร้อมทั้งร้องขู่บ้างแล้ว “คิดว่ากลัวหรือไงวะ ขยับไอ้ตู้นี่ให้ได้ก่อนเถอะ ค่อยมาขู่ฉันน่ะ” สโนว์ไม่ยอมออกมาจากซอกตู้ และนอนนิ่งหลบอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่าจอแจจับมันไม่ได้ Rrrrr เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของจอแจดังขึ้นขัดจังหวะ การเล่นไล่จับของเธอกับสัตว์เลี้ยงตัวแสบ จอแจละความสนใจจากเจ้าสโนว์ก่อนจะเดินไปกดรับสาย -พี่ติน- เมื่อเห็นชื่อของคนโทรเข้า จอแจเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ตินคือรุ่นพี่สมัยมัธยมที่เคยคุยกันอย่างสนิทสนม ไปไหนมาไหนกันจนคนอื่น ๆ เข้าใจว่าทั้งคู่กำลังคบหากัน แต่อยู่ ๆ ตินก็ตีตัวออกห่างไม่มายุ่งกับจอแจอีกเลยตั้งแต่เข้ามหาลัย แต่เมื่อไม่นานมานี้จอแจเพิ่งได้เจอเขาอีกครั้ง ระหว่างที่กำลังทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่คาเฟ่แมว ตินเข้ามาขอแลกเบอร์ไว้นานแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาติดต่อมา แล้วทำไมอยู่ ๆ วันนี้ถึงได้โทรมากันนะ “ค่ะพี่ติน” ตั้งแต่กดรับสายจนถึงตอนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู ใจมันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะมือไม้สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น (“ฮัลโหลจอแจใช่ไหม”) เสียงจากปลายสายทำให้หูขาว ๆ ขอจอแจพลันแดงแจ๋ มือที่ถือโทรศัพท์ชาวาบลุกลามทั่วร่าง (“ฮัลโหล ได้ยินพี่หรือเปล่า”) “คะ...ค่ะ ได้ยินค่ะ” (“อ่า พี่จะถามว่าวันนี้ว่างไหว พอดีพี่ว่าจะพาแมวไปหาหมอ ร้านที่จอแจทำงานอะ เลยกะว่าถ้าจอแจเลิกงานจะเลี้ยงข้าวด้วย สะดวกไหม”) จอแจหันมองเจ้าสโนว์ที่นั่งจ้องดูเขาอยู่ในซอกตู้ ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตึก ตัก ตึก ตัก เสียงหัวใจเต้นแรงจนเธอได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง “.......” (“ว่าไง....”) เมื่อจอแจเงียบไป คนรอคำตอบจึงถามย้ำอีกครั้ง ดวงตากลมโตสีฟ้ายังคงมองดูแมวผีของตัวเองอย่างลังเล “ไม่แน่ใจเลยค่ะ ว่าวันนี้จะเลิกงานดึกไหม กลัวพี่ตินจะรอนาน” เมี๊ยววว!!!! เมื่อเห็นว่าจอแจเงียบไป สโนว์ก็เลยเดินออกมาดู แล้วก็โวยวาย เพราะเธอยังไม่ยอมเทอาหารให้มันเลย มันหิวจนสามารถที่จะกินจอแจได้ทั้งตัวแล้ว (“เลี้ยงแมวเหมือนกันเหรอเรา ดีเลยเอามาอวดหน่อยสิ”) ตินพูดด้วยความตื่นเต้น แต่เหมือนว่าเจ้าของแมวที่เขาเพิ่งจะกล่าวคำชวนนั้น ไม่ค่อยรู้สึกแบบเดียวกันเท่าไหร่ เจ้าสโนว์แมวผีของเธอ คงยังไม่พร้อมออกไปพบปะผู้คนเท่าไหร่ “พอดีจอแจเพิ่งเก็บมันมา คงไม่สะดวกเท่าไหร่ค่ะ” จอแจบอกกับรุ่นพี่ของเธอไปตามตรง (“อ๋อ แมวจรเหรอ”) น้ำเสียงของตินฟังดูผิดหวังนิดหน่อย เมื่อรู้ว่าแมวที่จอแจกำลังพูดถึง ไม่ใช่แมวราคาแพงอย่างที่เขาเลี้ยงอยู่ “ค่ะ แต่มันน่ารักนะคะติดแค่ดื้อไปหน่อย” จอแจทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พูดถึงเจ้าสโนว์ทีไรรู้สึกเหนื่อยทุกทีไอ้แมวไม่รู้จักบุญคุณ ทำตัวเป็นเจ้าของห้องตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาอยู่ ไม่เคยจะมีโมเม้นมาออดมาอ้อน ถ้าไม่ใช่ว่าหิว หรือต้องกการอะไรสักอย่าง คิดไปคิดมาก็เริ่มสงสัยว่าเจ้าสโนว์ มันเป็นแมวโง่จริง ๆ หรือแค่แกล้งทำเป็นไม่สนโลกเฉย ๆ (“โอเค ถ้ายังไงโทรมาเบอร์พี่นะ เดี่ยวพี่ไปรอที่นั่น แต่น่าจะนานอยู่หรอกเพราะพี่ไม่ได้จองคิวไว้”) “ค่ะ” เมื่อคุยกันรู้เรื่องแล้ว จอแจก็วางสายจากใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้คุยกันอีกแล้ว ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง นึกถึงสภาพตัวเองตอนที่ร้องห่มร้องไห้ เมื่อครั้งที่เขาหายไปอย่างไม่กล่าวคำล่ำลา ‘ทำไมถึงได้อภัยให้เขาง่ายนักนะ’ จอแจคิดในใจ “แง๊ววว” แต่แล้วเสียงของเจ้าแมวดื้อของเธอก็ดังขึ้นที่ข้างหู ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองเจ้าก้อนขนที่ห่างไปเพียงสุดช่วงแขน ถ้านอนนิ่ง ๆ แล้วรอให้มันเข้ามาใกล้อีกนิดคงจะจับได้แน่ คิดได้อย่างนั้นจอแจก็หลับตาลงแล้วแกล้งหลับเพื่อหลอกให้แมวเข้ามาใกล้ อุ้งเท้าเล็ก ๆ สีขาวค่อย ๆ ย่องเข้ามาอย่างช้า ๆ ก่อนที่มันจะกระโจนใส่ใบหน้านวลและ.... “โอ๊ยยยย” จอแจร้องอย่างสุดเสียงพร้อมทั้งผลักเจ้าสโนว์จนกระเด็นไปข้างเตียง ริมฝีปากบางอาบด้วยสีแดงชาด กลิ่นคาวกระจายคุ้งเต็มปาก “ไอ้บ้าเอ๊ยผลักซะแรงเลย” เสียงปริศนาดังขึ้นจอแจรีบเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบบางอย่างเข้าดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง ปากที่เต็มไปด้วยเลือดอ้าค้างด้วยความตกตะลึง ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD