บทที่ 2
พ่อเลี้ยงพิรุณต้องชะโงกหน้าออกมาจากห้องรับแขกเมื่อได้ยินเสียงอาละวาดของบุตรสาวสุดที่รักที่ดังลั่นบ้าน
“เป็นอะไรไป หยงลูกพ่อ”
พิรุณเดินออกมาจากห้องรับแขกก็เห็นตันหยงกำลังขว้างปาข้าวของอยู่จนเกลื่อนพื้นไปหมด
“หยงอารมณ์ไม่ดีค่ะ หยง...”
พูดได้แค่นั้นน้ำตาก็ไหลพราก จนผู้เป็นพ่อใจหายไปเลยทีเดียว
“ใคร? ใครกันทำลูกสาวของพ่อร้องไห้ บอกมาว่าเป็นใคร”
“พี่หัส...”
เด็กสาวกำลังจะบอกไปว่าหัสบรรณ แต่ก็ยั้งปากเอาไว้ได้ทัน
“หัส... หัสไหน ใช่เจ้าหัสบรรณลูกชายของไอ้อดิสรหรือเปล่า”
“คือ... ไม่ใช่ค่ะ คือว่า...”
เพราะรู้ดีว่าพ่อของตัวเองโหดแค่ไหน ตันหยงจึงไม่อยากทำให้ผู้ชายที่ตัวเองรักต้องเดือดร้อน แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ทันแล้ว
“พ่อจะไปฆ่ามัน”
“อย่า... อย่านะคะพ่อ อย่าทำแบบนั้นนะ”
ผู้เป็นลูกสาวรีบกระโจนมาดึงแขนบิดาเอาไว้แน่น พลางพูดทั้งน้ำตา
“หยงไม่อยากให้พี่หัสเกลียดหยงมากไปกว่านี้”
พ่อเลี้ยงพิรุณถอนใจออกมา มองบุตรสาวด้วยความสงสาร ตันหยงหลงรักหัสบรรณจนหัวปักหัวปำแต่ฝ่ายชายไม่ยอมเล่นด้วย แม้เขาจะบากหน้าไปเป็นฝ่ายสู่ขอฝ่ายชายให้กับบุตรสาวถึงสามรอบแล้วแต่ตันหยงก็ต้องผิดหวังเหมือนเดิม เพราะหัสบรรณไม่สนใจ
“โธ่ หยงเลิกรักไอ้หมอนั่นสักทีเถอะ มันไม่ได้รักลูก ก็เห็นๆ กันอยู่”
คำพูดของบิดาทำให้ตันหยงน้ำตาทะลักแล้วทะลักอีก จนคนพูดรู้สึกผิดเต็มหัวใจ
“โอ๋ๆ อย่าร้องไห้เลยนะ อย่าร้องลูกรัก พ่อ... พ่อสัญญาว่าจะต้องช่วยให้หยงได้ครองคู่กับไอ้หัส... เอ่อ พ่อหัสบรรณให้จงได้ พ่อสัญญา...”
หญิงสาวกอดบิดาเอาไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวด และกว่าที่จะสามารถกล่อมให้ตันหยงขึ้นไปสงบจิตสงบใจบนห้องนอนได้ก็กินเวลานานนับชั่วโมงเลยทีเดียว
“ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้าง”
พ่อเลี้ยงพิรุณเอ่ยถามต้นห้องของบุตรสาว
“คุณหยงหลับไปแล้วค่ะ”
พ่อเลี้ยงพิรุณถอนใจออกมาเบาๆ ปวดหัวเป็นที่สุด
“ร้องไห้จนหลับไปสินะ”
ป้าสมศรีก้มหน้ารับคำ
“ใช่ค่ะ ร้องไห้ตัดพ้อคุณหัสบรรณจนหลับไปเลย”
ผู้เป็นพ่อฟังแล้วก็ถึงกับลุกพรวดขึ้น สองมือกำเข้าหากันแน่น
“ฉันจะต้องไปเอาเลือดหัวไอ้หัสบรรณออกให้ได้ และจะต้องทำให้มันมาวิงวอนขอเป็นลูกเขยของฉันให้ได้ด้วย!!”
“เอ่อ พ่อเลี้ยงจะไปไร่นู้นเหรอคะ”
ป้าสมศรีถามด้วยความตื่นตระหนก เพราะไปมาทีไรก็ทะเลาะกันมาทุกที
“ใช่ ฉันจะต้องไปคุยกับไอ้สองพ่อลูกนั่นให้รู้เรื่อง ฉันทนเห็นตันหยงร้องไห้ทุกวันแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
พูดจบพ่อเลี้ยงพิรุณก็เดินออกจากบ้านหลังใหญ่ไปขึ้นรถทันที ไม่นาน รถคันงามก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของไร่คู่อริ
“เอ่อ มาหาใครคะ” แม่บ้านรีบวิ่งออกมาต้อนรับหน้าตาตื่น
“ก็มาหาเจ้านายของพวกเธอนั่นสิ ไปบอกให้ออกมาพบฉันทั้งพ่อทั้งลูกเลย”
“เอ่อ ค่ะ ได้ค่ะ”
พ่อเลี้ยงพิรุณเดินขึ้นไปนั่งบนห้องรับแขกริมระเบียงราวกับตัวเองคือเจ้าของบ้าน ไม่นาน ทั้งอดิสรและหัสบรรณก็ออกมาพบ
“สวัสดี อดิสรเพื่อนรัก”
พ่อเลี้ยงพิรุณระบายยิ้ม ขณะที่อดิสรและหัสบรรณไม่มีรอยยิ้มแม้แต่นิดเดียว
“นายมาที่นี่ทำไมพิรุณ”
อดิสรเอ่ยถามขึ้นเสียงกระด้าง และนั่นก็ทำให้พ่อเลี้ยงพิรุณหัวเราะ
“อย่าทำเหมือนว่าพวกเราห่างเหินกันแบบนั้นสิ ยังไงซะ เราก็ต้องดองกันอยู่แล้ว จริงไหมหัสบรรณ”
ต้นประโยคพ่อเลี้ยงพิรุณพูดกับอดิสร แต่ท้ายประโยคกลับมาจับจ้องที่หัสบรรณแทน
“นายมีธุระอะไรก็พูดมา ฉันกับลูกชายมีงานต้องรีบไปทำ”
ปากของพ่อเลี้ยงอดิสรหัวเราะร่วน แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ธุระของฉันก็ยังคงเป็นเรื่องเดิม ฉันต้องการมาสู่ขอหัสบรรณไปเป็นลูกเขย”
แม้นี่คือการสู่ขอครั้งที่สี่ แต่อดิสรกับหัสบรรณก็หาได้รู้สึกดีไม่
“นายเป็นพ่อประสาอะไรกันพิรุณ ประเพณีไทยมีที่ไหนที่ให้ผู้หญิงมาสู่ขอผู้ชายแบบนี้ ฉันว่าเราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า”
อดิสรตัดบทและจะลุกขึ้น แต่พ่อเลี้ยงพิรุณห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ถึงมันจะตลกแค่ไหน แต่ฉันก็ต้องทำตามความต้องการของตันหยง ในเมื่อตันหยงต้องการลูกชายของนายไปเป็นสามี ฉันก็ต้องหาวิธีเพื่อให้ลูกสาวของฉันสมหวัง”
หัสบรรณฟังแล้วก็แค่นยิ้มออกมา และก็อดชิงชังไปถึงเด็กสาวตัวต้นเรื่องไม่ได้
“ผมยังยืนยันคำเดิมคำ ผมไม่มีทางแต่งงานกับตันหยง”
“เจ้าหัสบรรณ!”
พ่อเลี้ยงพิรุณตบโต๊ะตรงหน้าเสียงดังลั่น แต่ก็หาได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับหัสบรรณไม่ เพราะชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งและย้ำคำเดิมออกมา
“ผมไม่มีวันแต่งงานกับเด็กเอาแต่ใจอย่างลูกสาวของคุณลุง ไม่มีทางครับ”
แล้วหัสบรรณก็ลุกขึ้นและเดินจากไปทันที
“ไอ้คนจองหอง คิดเหรอว่าฉันต้องการแกมาเป็นลูกเขย นี่ถ้าตันหยงไม่สนใจแก ฉันไม่มีทางบากหน้ามาสู่ขอแกซ้ำเป็นครั้งที่สี่แบบนี้หรอกโว้ย!”
พ่อเลี้ยงพิรุณตะโกนไล่หลังหัสบรรณไปอย่างโมโห ก่อนจะตวัดสายตามายังอดิสรแทน
“เลี้ยงลูกยังไงให้ลูกไม่มีสัมมาคารวะแบบนี้น่ะ อดิสร”
“แล้วนายล่ะเลี้ยงลูกสาวยังไงให้มาตามตื๊อผู้ชายแบบนี้”
อดิสรถามใส่หน้าจนคนฟังจุกไปถึงลิ้นปี่ จากนั้นก็เดินจากไปอีกคน ซึ่งนั่นก็ทำให้พ่อเลี้ยงพิรุณโกรธแค้นจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว
“จองหองทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะ”
คนพูดลุกขึ้นยืน ทุกอณูเนื้อยังกรุ่นไปด้วยโทสะ
“คอยดูนะ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อบีบให้พวกนายยอมศิโรราบ คอยดูสิ”
พ่อเลี้ยงพิรุณทิ้งคำอาฆาตเอาไว้ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถที่ลูกน้องติดเครื่องรออยู่อย่างหัวเสียเป็นที่สุด