ตอนที่ 1

1834 Words
บทที่ 1 แม้วิวไร่องุ่นสองร้อยกว่าไร่เบื้องหน้าจะงดงามเพียงใด แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้ญาดามินทร์ลบลืมความเจ็บปวดที่ตัวเองวิ่งหนีมาจากอีกซีกโลกหนึ่งได้เลยสักนิด หล่อนยังคงร้าวราน ยังคงชอกช้ำและก็ยังคงคิดถึงผู้ชายใจมัจจุราชอย่างเจอรัลด์ ซาโกร่า กาซิยาส ไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าจะหนี จะพยายามแค่ไหน แต่หล่อนก็ไม่มีทางหนีความรักที่มีให้กับเขาได้พ้น ตราบใดที่หยุดรักไม่ได้ ตราบนั้น หล่อนก็คงไม่สามารถคลายความเจ็บปวดในดวงหทัยได้เช่นกัน มือบางยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาจากแก้มนวล หัวใจยังคงกลัดหนองเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แม้จะกี่วันกี่คืนที่ลอยข้ามผ่านพ้นไป แต่ความโหยหาก็ยังฝังแน่นอยู่ในหัวใจไม่เสื่อมคลาย รักเขา รักมาก และก็รักมากขึ้นทุกวันคืน ในขณะที่เขาไม่เคยเหลือบแลลงมามองก้อนกรวดเยี่ยงหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงที่เขารัก ผู้หญิงที่ครอบครองหัวใจมัจจุราชของเขามีเพียงมินรญาพี่สาวของหล่อนคนเดียวเท่านั้น ในขณะที่หล่อนเป็นได้แค่เพียงทางผ่านแห่งความเกลียดชังเท่านั้นเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ทรมาน จนไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีก ความเสียใจกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตาซ้ำอีกครั้ง และไหลทะลักอาบแก้มนวลอย่างสุดจะกลั้น หล่อนสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บช้ำ ขณะเดินเข้าไปหยุดข้างรั้วไม้สีขาวที่กั้นอาณาเขตของสองไร่องุ่นที่ติดกันเอาไว้โดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงของ หัสบรรณดังขึ้นด้านหลังนั่นแหละ “ไม่ยักกะรู้ว่าบรรยากาศสวยๆ จะทำให้คนร้องไห้ออกมาได้ด้วย” มือบางรีบยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อยๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงรูปงาม “พี่หัสบรรณ” “คนสวยของพี่ร้องไห้ทำไมหรือครับ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวล แสนสุภาพของผู้ชายผิวสีแทน ตัวสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อลากดินอย่าง หัสบรรณทำให้หัวใจของญาดามินทร์ยิ่งเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น เพราะแท้จริงแล้วหล่อนอยากให้ผู้ชายตรงหน้าคือเจอรัลด์ ชายที่หล่อนรักหมดหัวใจ แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ป่านนี้คนใจมัจจุราชอย่างเจอรัลด์คงจะกำลังมีความสุขในเส้นทางชีวิตที่แสนจะเลิศหรูของตัวเอง ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบ ชีวิตที่เต็มไปด้วยอำนาจวาสนา ในขณะที่หล่อนเป็นได้เพียงแค่เศษฝุ่นเศษผงที่เขาไม่เคยคิดจะจดจำเท่านั้น “ปละ เปล่าหรอกค่ะพี่หัสบรรณ ญาดาก็แค่...” “ฝุ่นเข้าตา” หญิงสาวที่กำลังเช็ดน้ำตาจากแก้มอยู่ชะงัก และช้อนนัยน์ตาฉ่ำน้ำขึ้นมองคนพูดอย่างประหลาดใจ หัสบรรณยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน “ข้อแก้ตัวของผู้หญิงก็มีแค่นี้แหละครับ” ญาดามินทร์ก้มหน้าหลบสายตาคมกริบของผู้ชายผิวคร้ามแดดตรงหน้าอย่างอดสู แม้แต่หัสบรรณยังรู้ทันเลยว่าหล่อนทุกข์ใจแค่ไหน หัสบรรณหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยนั้นแผ่วเบา และพูดให้กำลังใจ “พี่ไม่รู้และไม่อยากจะรู้หรอกนะว่าญาดากำลังคิดถึงใครอยู่ แต่ขอให้รู้เอาไว้ว่าถ้าญาดาร้องไห้ พี่ หัสบรรณคนนี้จะเช็ดน้ำตาให้ญาดาเอง” “ขอบคุณค่ะพี่หัสบรรณ” หญิงสาวช้อนสายตาของมองคู่สนทนา มองเขาอย่างขอบคุณ หัสบรรณระบายยิ้มกว้าง กำลังจะพูดต่อ แต่เสียงแหลมเล็กที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของเด็กสาวคนหนึ่งก็ขัดขึ้นเสียก่อน และนั่นก็ทำให้ดวงตาทุกคู่ต้องหันไปจับจ้องทันควัน “พลอดรักกันกลางวันแสกๆ ไม่อายผีสางเทวดาบ้างหรือไง” “ตันหยง” เจ้าของชื่อยิ้มเยาะ และกระโดดก้าวข้ามรั้วสีขาวเข้ามาภายในไร่องุ่นของหัสบรรณ เดินมาหยุดตรงหน้าของคนทั้งสองคน “ฉันเอง ทำไม? อายหรือไงที่มีคนเห็นพฤติกรรมต่ำๆ ของตัวเองน่ะ” เด็กสาวใส่ไม่ยั้ง ขณะตวัดตามองญาดามินทร์อย่างเป็นอริชัดเจน “หุบปากเสียๆ ของเธอไปเลยตันหยง และไสหัวกลับไร่ของตัวเองไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ ไปสิ ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!” หัสบรรณขับไล่ไม่ไว้หน้า และนั่นก็ทำให้ตันหยงยิ่งขุ่นเคือง หล่อนเกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้หัสบรรณ และก็ยิ่งเกลียดมากเมื่อเห็นหัสบรรณกางปีกปกป้องญาดามินทร์มากมายขนาดนี้ เด็กสาวคิดอย่างเจ็บแค้น กำมือแน่น “ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” “แต่เธอต้องออกไปจากไร่ของฉันเดี๋ยวนี้ ไปสิ ยายเด็กน่ารำคาญ” หัวใจของตันหยงเจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดโกนคมๆ “คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก แล้วแม่นี่ไม่เด็กหรือไง” เด็กสาวชี้นิ้วไปที่ญาดามินทร์ มองอย่างเอาเรื่อง หัสบรรณกระแทกลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็รีบดึงร่างของญาดามินทร์มาไว้ด้านหลังของตนเองอย่างต้องการปกป้อง และภาพนั้นทำให้ตันหยงเต็มไปด้วยความรวดร้าวยิ่งนัก เพราะมันบอกให้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้เลยว่าผู้ชายที่หล่อนแอบรักนั้นห่วงใยยายผู้หญิงหน้าหวานคนนั้นมากมายแค่ไหน “อย่ามาทำตัวนักเลงในไร่ของฉัน ไปให้พ้น ไปสิ!” แม้จะหน้าชาดิก แต่หญิงสาวก็ยังกัดฟันยืนอยู่ตรงนั้นต่อไป “ฉันจะไปจากที่นี่ เมื่อนายตอบคำถามฉันก่อน” ชายหนุ่มมองดวงหน้ารูปไข่ของตันหยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่แยแส “งั้นก็รีบๆ ถามมา เธอจะได้รีบๆ กลับไปเสียที” ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นความภักดีที่หล่อนมีต่อเขาเลยนะ ทำไมถึงมองไม่เห็นเลย ก็เพราะเขาเกลียดหล่อนยังไงล่ะ มีแต่หล่อนนั่นแหละที่ยังบ้า ลุ่มหลงเขาไม่เลิกแบบนี้ “นายกับ... แม่คนนี้เป็นอะไรกัน” ญาดามินทร์หันไปมองหน้าหัสบรรณ และกำลังจะตอบความจริงออกไป แต่หัสบรรณชิงตอบเสียก่อน และตอบไม่เป็นความจริงเสียด้วย “ญาดาเป็นคนรักของฉัน และเรากำลังจะแต่งงานกันในเร็วๆ นี้” “ว่าไงนะ...?” ตันหยงถามออกไปเสียงเบาหวิว หัวใจเหมือนถูกเชือดให้หล่นลงมากองกับพื้นอย่างอำมหิต หล่อนมองหน้าของหัสบรรณที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มสะใจสลับกับดวงหน้างดงามของผู้หญิงที่หล่อนเพิ่งรู้ว่าชื่อ ‘ญาดา’ ด้วยความเจ็บปวดที่เก็บไม่มิด “หูเธอไม่ได้ฝาดไปหรอกน่า ฉันกับญาดาเป็นคู่รักกัน และกำลังจะแต่งงานกัน” “พี่หัสบรรณ...” ญาดามินทร์ปรามอย่างไม่เห็นด้วย แต่หล่อนก็ไม่มีโอกาสได้แก้ไขความเข้าใจผิดนั้นออกไปได้เลย เพราะหัสบรรณยังคงพูดต่อไปอีกเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้หญิงจากอีกไร่หนึ่งกำลังยืนนิ่งคล้ายกับกำลังตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นที่สุด “ได้คำตอบแล้วก็รีบกลับไปสิ จะมายืนทำหน้าเหมือนกินยาขมอยู่ทำไมล่ะ” ตันหยงช้อนนัยน์ตากลมโตที่มีหยาดน้ำตาขึ้นจ้องหน้าหัสบรรณ กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ความเจ็บปวดเต้นระริกอยู่ในแววตาคู่งามมหาศาล แต่ หัสบรรณไม่มีทางสนใจ ใช่ เขาจะไปใส่ใจกับลูกสาวของศัตรูทำไมกัน แม้ว่าเจ้าหล่อนจะน่ารักน่าเอ็นดูมากก็ตาม “ฉันไม่กลับ” “งั้นฉันก็จะโยนเธอออกไปเอง” ว่าแล้วหัสบรรณก็ก้าวเข้าไปหาตันหยง มือหนาคว้าร่างอรชรจับขึ้นพาดบ่า จากนั้นก็ก้าวไปหยุดที่รั้วกั้นอาณาเขต ไม่นาน ร่างที่ดิ้นอยู่บนบ่ากำยำก็ร่วงลงกับกองกับพื้นดิน เจ้าหล่อนครางด้วยความเจ็บและจุก คนกระทำหาได้ใส่ใจไม่ “ถ้ากล้าข้ามมาวุ่นวายในไร่ของฉันอีกละก็ เธอเจอหนักกว่านี้แน่” หัสบรรณคำรามใส่ตันหยงอย่างเหี้ยมโหด ก่อนจะกระชากมือของญาดามินทร์ให้เดินไปจากตรงนั้น ทิ้งให้ตันหยงนั่งร้องไห้น้ำตาท่วมดวงหน้าอยู่เพียงลำพังด้วยความทุกข์ทรมานใจ “คนบ้า!! ทำไมฉันถึงหยุดรักนายไม่ได้สักทีนะ ทำไมกัน” หญิงสาวถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่พบคำตอบ ทำได้แค่เพียงพยุงร่างอ่อนแรงบอบช้ำกลับไปยังบ้านของตัวเองเท่านั้น ญาดามินทร์ช้อนตาขึ้นมองเสี้ยวหน้าของผู้ชายที่เดินอยู่ข้างกายด้วยความไม่เข้าใจ “พี่หัสบรรณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าตาบึ้งตึงแบบนี้ล่ะ” เจ้าของชื่อหยุดเดิน และนั่นก็ทำให้ญาดามินทร์ต้องหยุดเดินตาม “พี่ก็แค่ยังโมโหยายเด็กนรกนั่นไม่หายน่ะ เด็กอะไรไม่รู้ ชอบสร้างปัญหาให้กับพี่ตลอดเวลาเลย” หญิงสาวฟังแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ “พี่หัสบรรณพูดแบบนี้ก็แสดงว่าเด็กที่ชื่อตันหยงข้ามมากวนใจบ่อยใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด พลางเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่คนงานทำเอาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ “ก็ทุกวันนั่นแหละ วันละหลายๆ รอบด้วย ไม่รู้ว่าจะซนอะไรนักหนา อายุก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ” “บางทีแรงจูงใจที่ทำให้คุณตันหยงข้ามมาที่ไร่ของพี่หัสบรรณอาจจะเป็นเพราะ...” ญาดามินทร์หยุดพูด และนั่นก็ทำให้คนฟังต้องหรี่ตามอง พร้อมๆ ทั้งคาดคั้น “เพราะอะไรหรือญาดา” เจ้าของชื่อระบายยิ้มหวาน “เพราะว่าคุณตันหยงแอบหลงรักผู้ชายบางคนในไร่นี้ยังไงล่ะคะ” “แล้วญาดาคิดว่ายายเด็กนั่นหลงรักใครล่ะ” คนถามยังคงแสดงท่าทางเฉยชาเช่นเดิม “นี่พี่หัสบรรณไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นกันแน่คะ” หัสบรรณพ่นลมหายใจออกมาทางปากแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “เอาเป็นว่าเราเลิกพูดถึงยายเด็กนั่นกันดีกว่า ไป กลับเข้าบ้านเถอะ ใกล้เวลาอาคารค่ำแล้ว” แล้วหัสบรรณก็ก้าวยาวๆ เดินนำหน้าญาดามินทร์มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านไม้หลังใหญ่ของตนเองโดยไม่หันกลับมามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังอีกเลย “มีพิรุธเพียบเลยนะเนี่ยพี่หัสบรรณ” ญาดามินทร์อมยิ้มก่อนจะเดินตามร่างสูงใหญ่ของหัสบรรณไปติดๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD