บทที่ 9
“อย่ามองมานะ ไสหัวกลับไปพร้อมๆ กับคนงานของนายนั่นแหละ”
หญิงสาวหน้าแดงราวกับถูกตำลึงลุก เนื้อตัวสั่นเทาไม่ใช่เพราะความเย็นของสายน้ำ แต่มันเพราะความร้อนแรงในดวงตาของผู้ชายตรงหน้าต่างหาก เขาแค่มองเท่านั้น ร่างกายของหล่อนก็ร้อนวูบวาบราวกับถูกเปลวไฟลามเลีย
“อายเป็นด้วยหรือ?”
ใช่ หล่อนอาย แต่คนอย่างตันหยงจะยอมเสียหน้าง่ายๆ ได้ยังไง ไม่มีทาง
“ทำไมฉันต้องอายนายด้วย”
หัสบรรณแค่นยิ้มหยัน พลางจ้องมองร่างอรชรที่ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าชิ้นน้อยปกปิดอยู่แต่เมื่อมันเปียกและมันก็ซ่อนเร้นความสาวสะพรั่งของตันหยงให้รอดพ้นจากสายตาไม่ได้เลยสักนิด
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าหล่อนอายุแค่สิบแปด เพิ่งจบ ม. 6 ก็ดูสิอวบอิ่มเกินวัยเสียเหลือเกิน ชายหนุ่มเผลอไผลมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่พอได้สติก็ซ่อนมันเอาไว้ภายในความมืดดำจนมิดชิด
“จริงสินะ ทำไมเธอจะต้องมาอายฉันด้วย ในเมื่อฉันเห็นเธอแก้ผ้ามาตั้งแต่เล็ก”
เขาสวนกลับและมันก็ทำให้ตันหยงยิ่งอับอาย
“คนบ้า... ตอนนี้ฉันเป็นสาวแล้วนะ ไม่ได้เป็นเด็กแบบเมื่อก่อน อะไรๆ มันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างนั่นแหละ นี่นายมองไม่เห็นเลยหรือไง”
หัสบรรณหัวเราะเยาะ พลางส่ายหน้าน้อยๆ ท่าทางไร้ความรู้สึกอย่างชัดเจน
“มีอะไรเปลี่ยนแปลงด้วยหรือ ฉันก็ยังเห็นเธอแบนเป็นไม้กระดานเหมือนเดิม”
“ไอ้คนบ้า!”
ตันหยงโมโหจนหน้ามืด หล่อนกระโจนขึ้นมาจากน้ำ พร้อมๆ กับระดมเข้าทุบทีคนปากดีพัลวัน แต่เพราะโขดหินลื่นละมั้ง ทั้งหล่อนและหัสบรรณจึงเสียหลักตกลงไปในน้ำด้วยกัน
“ว้าย...”
มือหนาคว้าเอวคอดกิ่วเอาไว้แน่น เพื่อประคองไม่ให้ร่างอรชรล้มหัวฟาดลงไปในน้ำ ผลก็คือร่างแน่งน้อยถูกดึงเข้ามาแนบอก สายตาของคนทั้งคู่ประสานกันนิ่ง ตันหยงไม่รู้เลยว่าผู้ชายตัวโตเจ้าของอ้อมแขนกำยำตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เขามองไปทั่วดวงหน้าของหล่อน ก่อนจะมาหยุดนิ่งอ้อยอิ่งอยู่ที่กลีบปากอิ่มสีแดงสดเนิ่นนาน
เหมือนเขาจะจูบ... ใช่ เขาก้มหน้าต่ำลงมา แถมแขนล่ำๆ ที่รัดรอบเอวของหล่อนอยู่นั้นก็รัดแน่นขึ้นด้วย แน่นจนหล่อนสัมผัสได้ถึงพลังทางเพศของผู้ชายคนนี้ได้อย่างชัดเจน ผู้ชายที่หล่อนหลงใหล ผู้ชายที่หล่อนอยากได้มาครอบครอง
เด็กสาวคิดอย่างลุ่มหลง เปี่ยมสุข ดวงตากลมโตค่อยๆ ปิดลงช้าๆ ในขณะที่กลีบปากอิ่มเต็มค่อยๆ แย้มเผยอออกจากกัน มันเป็นภาพที่เชิญชวนให้ตบะแตกยิ่งนักสำหรับหัสบรรณ
เขาจะจูบ อยากจะขยี้กลีบปากอิ่มของตันหยงให้แหลกเละคาปากของตัวเอง อยากจะทำบางอย่างกับร่างอวบอิ่มหอมกรุ่น แต่ก็ต้องตัดใจ ต้องตัดใจเพราะตันหยงคือลูกสาวของศัตรูที่จ้องจะฮุบไร่ของเขาตลอดเวลา บางทีนี่ก็อาจจะเป็นแผนการของพ่อเลี้ยงพิรุณก็ได้ ส่งลูกสาวเข้ามาเป็นเหยื่อล่อ
“โอ๊ย...”
การรอคอยริมฝีปากกระด้างของหัสบรรณอย่างภักดีถูกตอบแทนด้วยการผลักไสอย่างไม่ไยดี หญิงสาวลืมตาขึ้น ขณะที่แผ่นหลังกระแทกเข้ากับโขดหิน หล่อนเจ็บระบม ขณะที่คนตัวโตกระโดดขึ้นไปยืนบนฝั่งเรียบร้อยแล้ว
“ฉันเจ็บนะ”
“ก็ใครใช้ให้มายั่วฉันกันล่ะ” หัสบรรณแค่นยิ้มและพูดต่อ “จำเอาไว้นะ ต่อให้แก้ผ้ามากกว่านี้ฉันก็ไม่มีทางมองเด็กกะโปโลแบบเธอ จำเอาไว้”
น้ำตาที่ว่าจะไม่ให้มันไหลออกมาหลั่งรินออกมาอย่างสุดกลั้น โชว์ความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็นจนได้ ตันหยงกัดปากแน่น รีบหันหลังให้กับคนใจร้าย “ฉันรู้ว่านายเกลียดฉันมาก ต่อไปฉันจะพยายามไม่เจอนายอีก”
“ไม่ใช่แค่พยายาม แต่เธอต้องทำให้ได้ เพราะฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ”
เจ็บลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถต่อกรอะไรกับผู้ชายคนนี้ ทำได้แค่เพียงปล่อยน้ำตาให้ไหลพรากออกมาเพียงเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่เข้ามาในไร่ของนายอีก ฉันสัญญา”
แม้จะรู้สึกไหววูบในอก แต่หัสบรรณก็ยังคงยิ้มเย็นชาเช่นเดิม
“ฉันหวังว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูด”
เด็กสาวไม่ตอบแต่ยืนยิ่ง น้ำตาไหลออกมาท่วมท้นใบหน้า
หัสบรรณที่ยืนมองร่างอรชรอยู่ก็พอจะเดาได้ว่าเด็กสาวกำลังอยู่ในอารมณ์ใด แต่เรื่องระหว่างเขากับตันหยงมันเป็นไปไม่ได้
“รีบใส่เสื้อผ้า และรีบไสหัวออกไปจากไร่ของฉัน”
ตันหยงไม่ตอบเช่นเคย และยืนนิ่ง เดือดร้อนถึง หัสบรรณต้องพูดออกมาอีก
“ก็แล้วแต่เธอนะ หากอยากแก้ผ้าให้คนงานของฉันดูฟรีๆ ก็ตามสบาย แต่อย่าให้ถึงขั้นนอนด้วยกันเลยนะ เพราะคนงานของฉันแทบทุกคนมีครอบครัวกันหมดแล้ว”
เขาดูถูกหล่อนได้อย่างเจ็บแสบ แต่ทำไมนะ ทำไมหล่อนถึงเกลียดผู้ชายร้ายกาจคนนี้ไม่ได้สักที เด็กสาวคิดอย่างเจ็บปวด ปวดรวดร้าวทรมานแทบจะขาดใจ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เพราะฉันก็แค่สนุกๆ เท่านั้น ไม่เคยคิดจะแย่งผัวใคร”
ตันหยงค่อยๆ หมุนตัวกลับมา มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า พร้อมๆ กับรอยยิ้มไร้ความรู้สึกที่แต้มบนดวงหน้า
“ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่ฉันตัดสินใจด้วยตัวเองได้”
แล้วเด็กสาวก็ค่อยๆ กระชากเสื้อซับสีขาวเปียกชื้นออกจากตัว หัสบรรณเห็นก็ตกใจ
“เธอจะทำบ้าอะไรของเธอน่ะ”
“ฉันก็จะแก้ผ้าเล่นน้ำยังไงล่ะ มีอะไรหรือเปล่า เชิญนายกลับไปเถอะ ฉันขอเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น”
ปากตอบคำถามแต่มือกลับปลดเปลื้องเสื้อผ้าไม่หยุด เสื้อซับหลุดไปแล้ว บราเซียร์สีหวานกำลังจะตามไปติดๆ
“หยุดนะตันหยง”
เจ้าของชื่อปรายตามองแต่ไม่ยอมหยุด สุดท้ายก็ถอดบราเซียร์ออกจากตัวสำเร็จ
คนมองได้แต่ยืนอ้าปากค้างเติ่ง มองความงดงามของดอกบัวคู่งามด้วยสายตาตื่นตะลึง เขาเหมือนถูกสูบให้จมลึกลงไปในขุมนรกยังไงยังงั้น เขากำลังหายใจไม่ออก ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นภายในร่างกาย แต่ที่เด่นชัดที่สุดก็คือความหวงแหน หัสบรรณรีบหันไปมองรอบตัวเพราะเกรงว่าใครจะผ่านมาทางนี้ และได้เห็นภาพเดียวกับที่เขากำลังได้ประสบอยู่
“อย่ามาทำเป็นอีตัวในไร่ของฉันนะตันหยง ใส่เสื้อผ้าซะ”