กลิ่นหอมอ่อนโชยผ่านโสตประสาทของคนป่วย ดวงตาของเขาเหมือนปะติดอยู่บนใบหน้าสะสวย ประดับความหวานไว้บนขนตาเป็นแพงอนงามเหนือนัยน์ตาสว่างใส
“อืม... ก็เข้ากับหน้าตาดี ปากไม่ดีหน่อยพอให้อภัย” เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ หญิงสาวตั้งใจทำงานแต่หัวเราะออกมาเบา ๆ
“สวยแล้วยังใจดีใช่มะ?”
“มั่นใจเหลือเกินนะครับ”
“แน่นอน คนมันเกิดมาสวยนี่นะ” ตอบเร็ว ๆ ทุกครั้งที่ผ้าในมือเริ่มร้อนเธอก็จะชุบน้ำแล้วบิดมันใหม่
ทุกแรงเช็ดทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ ไม่แรงไปแต่ก็ไม่เบาเสียจนไม่มีประโยชน์กับการเช็ดตัวเพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ มันไม่มีประโยชน์เลยต่างหาก!
กับฝรั่งหื่นที่พกพาความร้อนระอุมาเต็มเรือนกายคงรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กับความช่างเอาอกเอาใจของสาวไทยคนแรก หากไม่นับงานวันไนต์สแตนด์ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปในรุ่งเช้า
หน้าอกเต่งตึงเด้งตามแรงขยับบางครั้งหากเข้ามาใกล้ ๆ มันก็ทิ่มหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเช้าพอเธอหายเข้าห้องน้ำไป เขาก็ได้แต่มองตามจนถึงกระทั่งตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนของแชมพูของคนที่เพิ่งอาบน้ำสระผม มือนุ่มนิ่มที่ไม่เคยได้ลองจับดูสักครั้งลากผ้าอุ่นเย็นไปมาบนใบหน้าไล่ไปถึงกรามแกร่ง...
“โกนหนวดให้ไหม? เลขาฯ เถื่อนหรือโจรปล้นธนาคาร เคราเฟิ้มเชียว”
ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายอย่างหิวกระหาย ก่อนจะแสร้งยิ้ม “ทำเป็นหรือไงครับ?”
“เป็นสิ ฉันแอบโกนหนวดให้พ่อแบร์ประจำแหละ แต่ว่าแม่ไม่ค่อยชอบให้ฉันทำ ยิ่งเดี๋ยวนี้ พอแม่ได้ยินเรื่องของยัยพุดนะ แม่ดูห๊วงหวงเลขาฯ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะเคยเป็น” พูดไปอย่างลืมตัวก่อนที่จะกลอกตาไปมา ชะงักมือหยุดกึก...
นัชชาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพ่อแบร์นาร์ดของเธอก็คือ ‘พ่อเลี้ยง’ เหมือนกรณีของเพื่อนสาว ต่างตรงที่ปรเมษฐ์เป็นน้องชายของพ่อเลี้ยงของปรายลดา
“นี่แม่หึงฉันกับพ่อแบร์เหรอเนี่ย?” เธอยังคงคุยกับตัวเอง ผ้าเปียกหมาดในมือถูกวางลงอ่างน้ำใบเล็ก ร่างบางเดินหายเข้าห้องน้ำไปก่อนออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาแค่ถามไปอย่างไม่ได้หมายความว่าจะให้เธอทำ
“ไม่ต้องก็ได้นะ ผมพอจะลุกไหว”
“นอนลงไป อย่าดื้อค่ะ คุณอลัน คุณจะทำเองได้ไง ไม่สบายขนาดนี้ยังไม่เจียมสังขาร” เสียงดุปราม นัชชากลับมาที่เดิมของตัวเองพร้อมอุปกรณ์มีดโกน ครีมกระป๋องเล็ก ๆ ที่ปรเมษฐ์หยิบเผื่อมาให้ในกระเป๋าผ้าใบเล็กของเธอ ยังมีผ้าอีกผืนไว้เผื่อครีมโกนหนวด
คนป่วยบนเตียงจึงไม่ได้ลุกไปไหน ที่จริงตั้งแต่เมื่อวานมาเขาแทบไม่ได้ลุกจากเตียงเลยนอกจากไปเข้าห้องน้ำ โดยได้รับความช่วยเหลือทุกครั้ง
ตอนนี้เขาแค่เฝ้าดูเธอบีบครีมโกนหนวดลงบนฝ่ามือ โน้มตัวลงมาทามันเบา ๆ และเป็นเพราะเธอว่าต้องใช้สมาธิกว่าทีแรกยังต้องเพ่งหนวดเขียวครึ้มให้ชัด บางครั้งสายตาก็จะชนกันเข้าโดยบังเอิญ
ให้ตายเถอะ...! เมียก็ไม่ใช่ บอกไม่ให้ทำก็ยังจะทำ!
ในระยะระวังความห่างอย่างพอดี ด้ามจับมีดโกนสีดำสนิทที่ไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง เขากลับรู้สึกวางใจประหลาด จากแววตามุ่งมั่น เป็นใครคงต้องมั่นใจว่าเจ้าตัวเป็นผู้ชำนาญงานโกนหนวดอย่างที่คุยโม้โอ้อวด
“อืม... ไม่เท่าพ่อแบร์ รายนั้นหนวดแข็งกว่านี้เยอะ โกนทีมีดโกนแทบบิ่น” เธอเอ่ยเมื่อเสร็จงาน ยกผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดให้สะอาดเกลี้ยง ยกยิ้มบาง ๆ มองผลงานตัวเองอย่างชื่นชม
“ดูไปดูมาหล่อเหมือนกันนะเนี่ย... หน้าก็ออกจะใส ควรโกนหนวดให้เป็นผู้เป็นคนแบบนี้ตลอดไปนะคะ ไม่งั้นจะกลายเป็นเลขาฯ เถื่อน”
ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือยังไงแน่ ชายหนุ่มในสภาพหมดเรี่ยวแรงยังปรับอารมณ์ตามไม่ทัน ขมวดคิ้วมุ่นมองคนที่เดินตัวปลิวไปเสียเฉย ๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา
“คุณปริม ผมบอกว่าเหนียวตัว คุณมาโกนหนวดให้เนี่ยนะ?”
หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อผู้ป่วยชุดใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโทรทัศน์จอใหญ่ เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนป่วย เธอคงจะต้องถอดเสื้อและเช็ดตัวก่อน เขาถึงค่อยเข้าไปเปลี่ยนกางเกงในห้องน้ำ
ทว่าทั้งที่เมื่อคืนดูแลกันอยู่ด้วยภาระหน้าที่ซึ่งจำเป็นต้องแบกรับไว้ แก้มขาวนวลกลับกลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นตามลำดับ เมื่อหยุดยืนอยู่ข้างเตียง
มือเรียวเล็กค่อย ๆ ดึงเชือกบนผ้าเบาสบายออกจากตัวเสื้อแนวผูกกันของด้านข้าง ความรู้สึกตื่นเต้นประหลาดตรงข้ามกันกับสีหน้าเฉยชา จำได้ว่ากลางดึกดื่นตื่นมาเจอของดีเข้า! แต่ละทีจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แผงอกกว้างกำยำไล่ไปจนถึงหน้าท้องเรียงตัวเป็นระเบียบเครียดของนักบริหารร่างกาย มีวินัยในการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารโดยเฉพาะโปรตีน ไปถึงช่วงล่างที่ชี้หน้าเธอจนเผลอมองมันอย่างตกตะลึง เสียงหวานถามด้วยท่าทีเก้อเขิน
“ต้องให้ฉันเช็ดหนอนน้อยให้ด้วยไหมคะ? คุณอลัน...”
“เช็ดไหมล่ะ?” แกล้งถามไปอย่างนั้น ยังไม่เคยมีผู้หญิงบนเตียงคนไหนเรียกน้องชายของเขาว่าหนอนน้อย! เห็นจะมียัยปริมคนแรก
“บ้า... จะเช็ดได้ไง? ทะลึ่งจัง”
“หน้าตาคุณทะลึ่งกว่าผมอีก อย่าบอกนะว่าไม่รู้ตัวเลย?” เขาว่าขณะที่ยังนอนเฉย ๆ รอรับบริการของหญิงสาวที่คงไม่มีใครคิดว่าเธอจะอายเป็น!
ดวงตาสุกใสประกายวิบวับ ยิ้มกรุ้มกริ่มมองผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเอง หลังถอดเสื้อผูกข้างอยู่หลายนาน
จากกิริยาตาลุกวาวมองเรือนกายแน่นขนัดไปด้วยมัดกล้ามเหมือนจะกัดกินกันเข้าไป หน้าแดงซ่านอ่อน ๆ มือยังลูบเช็ดไป ลูบขึ้นลูบลงวนไปมาอยู่บนหน้าอกจนเขาสะดุ้ง คว้าหมับเข้าข้อมือเรียวเพราะมันโดนหัวนมเข้าอย่างจัง!
“พอก่อน... ผมว่า... ทำเอง... ดีกว่า” อึกอักบอก ผู้ชายอกสามศอกลุกไม่ไหวก็ต้องไหว หญิงสาวเลื่อนมืออีกข้างไปปรับเตียงให้เอนนั่ง คนไข้ขยับตัวอย่างเชื่องช้าเพราะต้องระวังสายน้ำเกลือบนหลังมืออีกข้าง ก่อนที่เขาจะถามขึ้นมา
“เอ่อ... ปริม... เมื่อคืนคุณไม่ได้หลอกแต๊ะอั๋งผมใช่ไหม?”
เสียงแหลมเล็กอุทาน “ตายแล้วคุณอลัน! ฉันลูกสาวเจ้าแม่ปลากระป๋องนะคะ ผู้ชายเข้าคิวเข้าแถวเรียงหน้ารอเป็นลูกเขยของคุณนายนิตยากี่คนกัน แล้วใครแต๊ะอั๋งใครกันแน่?” ว่าพลางพยักหน้าอย่างเชิดหยิ่ง เป็นเชิงปรามมือหนาที่กุมข้อมือของเธอเอาไว้ไม่ปล่อย พอปล่อยก็ทำนวยนาด
“ออ... ลืมไป มือคุณมันซน ลูบไปลูบมาอยู่ได้”
“ผัวก็ไม่ใช่ แฟนฉันยังไม่เทคแคร์ขนาดนี้เลย คนอุตส่าห์อดหลับอดนอน ป้อนข้าว ป้อนยาให้ จะมาทำบ่นอะไร?” ในน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย คนที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยวางผ้าลงบนบ่ากว้างกำยำ เช็ดด้วยการลากทวนรูขุมขนจากล่างขึ้นข้างบน เรือนกายแกร่งร้อนระอุ ทว่าคงไม่เท่าเมื่อคืนเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
วงหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดจัด ด้วยความที่มันคงไม่สะดวกสบายกับผู้ชายที่ยังมีอารมณ์ทางเพศ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะอาการเจ็บป่วย เขาต้องใช้ความอดทนอยู่ตลอด แต่ก็อดสงสัยไม่ได้
“ไม่เคยเทคแคร์แฟนขนาดนี้ พูดเหมือนว่ามีแฟนงั้นแหละ”
“มีแล้ว แต่ว่าทะเลาะกันนิดหน่อย เป็นรุ่นพี่รหัสของยัยพุดน่ะ” บอกไปตรง ๆ ให้อีกคนเลิกเข้าใจเธอผิด อลันไม่เข้าใจเธอเลยต่างหาก เขาไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงปากร้ายอย่างนัชชาจะมีแฟน
“แล้ว First Kiss อะไร มีแฟนแต่ไม่เคยจูบแฟน?”
ใบหน้าร้อนผ่าวละจากกล้ามเป็นมัด ๆ ว่าด้วยท่าทางเอาเรื่อง “เออ! ฉันจะเก็บ First Kiss ไว้ให้แฟนฉันไง หมาที่ไหนมาเลียปากก็ไม่รู้ หันหลังมา... ฉันจะเช็ดหลังให้ค่ะ”
“ไม่น่าเชื่อ...” พูดแล้วก็นิ่งอึ้งไป ก่อนขยับตัวให้ผู้ดูแลได้ทำงานถนัดกว่าเมื่อคืนที่เธอแค่เปลี่ยนเสื้อ เช็ดหน้าเช็ดคอให้เขา และเป็นเพราะความลืมตัวอลันคงไม่ได้ฉุกใจคิดว่าคนข้างหลังจะตกใจ
มือเรียวหยุดทุกการกระทำ ขณะเบิกตากว้างมองลวดลายของหน้ายักษ์ญี่ปุ่นสลับดอกซากุระ ยังมีรอยแผลเป็นทางยาวลากผ่านไปเกือบครึ่งหลังคาดว่าคงนานมาแล้ว
นายนี่มันเลขาฯ หรือยากูซ่าวะเนี่ย! คิดในใจแต่คงไม่ได้พูด เธอบิดผ้าเปียกหมาดเช็ดแผ่นหลังกว้างอย่างทั่วถึง จนแน่ใจว่าสะอาดมากพอที่คนไข้จะนอนหลับได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ได้ปริปากทักอะไร
มันอาจเป็นความคึกคะนองในสมัยวัยรุ่นที่เขาไม่อยากจดจำมันก็ได้
“พ่อเลี้ยงฝากบอกว่าคุณไม่ต้องกลับไปทำงานจนกว่าจะหาย ตอนนี้เขาไม่ได้ทำอะไร เห็นว่าจะพาพุดไปเที่ยวทะเล ออกจากโรงพยาบาลแล้วคุณก็พักผ่อนเยอะ ๆ”
“ครับ... ผมรู้ ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันต่างหากต้องขอโทษ...”
นาน ๆ ครั้งจะมีคำพูดรื่นหูหลุดจากปากนัชชา เธอยังพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ชายหนุ่มก็ตั้งใจฟังบางคนบ่นปนไปกับคำสอนว่าให้ดูแลตัวเอง มีผู้หญิงมาลูบคลำจับนิดหน่อย คงได้ร้อนวูบอยู่เรื่อย ๆ กว่าจะเช็ดตัวเสร็จและหันกลับไป
อลันแปลกใจอยู่ที่คนปากร้ายไม่พูดติงสักคำ ตาคมคอยไล่มองใบหน้าสดสวยอันไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ แต่คงมองเห็นแค่ดวงตาสว่างใสเท่านั้น เขายกแขนไร้เรี่ยวแรงให้คราวเธอบอก จนใส่เสื้อผูกเชือกด้านข้างให้เรียบร้อยจนครบทุกเส้น
“นอนนะ อีแจ๋วของีบแว้บ จะลุกขึ้นมาปรนนิบัตินะคะ คุณท่าน”
หญิงสาวปรับเตียงให้เอนลงนอนอีกครั้ง ยกผ้าห่มขนหนูสีขาวสะอาดผืนโตขึ้นคลุมตัวให้อย่างมิดชิด ไม่ต่างจากว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่มีคุณแม่มาส่งเข้านอน
คนป่วยจึงไม่ได้ตอบอะไรแต่แสร้งพริ้มตาลงเบา ๆ ก่อนจะแอบชะเง้อมองเจ้าของร่างบางหย่อนกายลงบนโซฟา หยิบหมอนนอนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองแล้วปิดตาลงนอนหลับไป