bc

มีน้องเป็นผู้กล้าแถมยังต้องเปิดร้านขนมไทยต่างโลกอีกเครียดนะเว้ย ##การประกวดนิยายภาษาไทยครั้งแรก

book_age12+
13
FOLLOW
1K
READ
dominant
stepbrother
no-couple
lighthearted
mystery
campus
mythology
like
intro-logo
Blurb

ทำไมผู้กล้าและจอมมารมันชอบเข้ามาร้านบ่อยจังวะ

แล้วทำไมน้องชายอย่างเอ็งถึงโดนเลือกให้เป็นผู้กล้าอีก !?

chap-preview
Free preview
ของหวานบทที่หนึ่ง ผู้กล้าดาบกับฝอยทอง
ของหวานบทที่หนึ่ง: ผู้กล้าดาบกับฝอยทอง ……… ……………. …………………….. ‘เซบาส หน้าตาแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ? ’ ‘...อยากกินอะไรที่มันนุ่มๆ บ้าง’ ‘เป็นผู้กล้าไม่สามารถเลือกกินได้หรอกนะ’ ‘แต่มันต้องมีร้านที่อร่อยๆ สิ อย่างน้อยๆ ก็สามารถเติมไฟอันเร่าร้อนของฉันได้!’ พวกเขามักจะมองผมว่า [ไม่ไหวเลยนะที่ยังเลือกกินอยู่] ปริมาณอาหารของต่างแดนดูจะเน้นเรื่องเต็มอิ่มแทนรองท้องเอาไว้มากกว่า ที่สำคัญความอร่อยของมันดูจะไม่เท่ากับอาหารในโลกที่ผมอยู่เลยสักนิด น่าเบื่อแต่ก็ต้องจำใจยอมกิน ไฟในการตามหาของอร่อยของผมก็มอดลงด้วย วันๆ ก็เดินทางหาของป่า ล่าสัตว์ ซื้อวัตถุดิบเล็กๆ น้อยๆ พรรคพวกของผมมีอยู่สามคนได้แก่ ดาร์กเอลฟ์ลิลลี่ นักบวชซันดัส และ คนแคระเบเลี่ยมเป็นการจับตี้ที่ค่อนข้างลงตัว พวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไรในการเดินทาง เป้าหมายของเราคือการเดินไป เซนส์โยฮันท์ฟาว์น อาณาจักรของนักบวช แต่ในระหว่างทางก็เก็บเควสอะไรหลายๆ อย่างไปด้วยจึงต้องพักอาศัยกิลด์ของนักผจญภัยใหญ่ๆ ในตัวเมืองไป “เหนื่อยหน่อยนะเซบาส!” “คืนนี้ก็พักซะ!” คำพูดเป็นห่วงของเพื่อนๆ ที่เดินเข้าห้องพักกันไปทีล่ะคนนั้นผมทำได้แค่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับพวกเขาก่อนที่ผมจะส่งคนของผมเข้าประตูไปพักผ่อนกันเพื่อนอนพักเอาแรงสำหรับคืนนี้ ความหอมหวานบางอย่างก็แตะจมูกผมขึ้นมาหลังจากที่จะขึ้นบรรไดไปห้องพักชั้นสอง เด็กผู้หญิงผมสีเหลืองคนหนึ่งนั้น เธอมีกล่องพลาสติกบางอย่าง พร้อมกับขนมเส้นฝอยๆสีทองที่ส่งกลิ่นหอมออกมา ทำให้ผมรู้สึกหยุดชะงักไป “ขอโทษนะ” ผมเรียกเธอโดยที่เด็กน้อยคนนั้นหันมามองผม ริมฝีปากของเธองับขนมเส้นฝอยสีทองเอาไว้ ผมย่อตัวลงในขณะที่คลี่ยิ้มบางๆ ให้สำหรับการทักทายทำความรู้จักคนใหม่ๆ “เธอพอรู้ขนมนี้ไหมว่ามาจากไหน? ” “ร้าน [กัลยรัตน์] น่ะค่ะ” ร้าน..กัลอะไรนะ? “มีขนมราคาดีอยู่เพียบเลยนะพี่ชาย ถ้าจะไปตอนนี้ยังทันอยู่นะ เขาปิดตอน 1 ทุ่มครึ่ง” ​ เธอพูดพลางส่งยิ้มออกมาก่อนที่จะหยิบส้อมเล็กๆ รูปร่างสีฟ้าขึ้นมาม้วนเส้นฝอยสีทองนั้นเข้าปากอีกครั้งก่อนผมจะมองนาฬิกาตรงหน้าเคาส์เตอร์กิลด์ ความตื่นเต้นที่ไม่ได้เจออาหารและขนมอร่อยๆ มานานทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจมันกลับมาเต้นอีกครั้ง 19:10 !? ไม่ได้การล่ะ! ผมรีบลงจากบรรไดทันทีโดยหยิบกระเป๋าตังค์ไปด้วยในขณะเดียวกันก็จำชื่อร้านที่เด็กน้อยคนนั้นแนะนำมาด้วย กัล..กัลยร.. กันยางรัด อย่างน้อยๆ ก็ต้องไปก่อนที่อีก20นาทีร้านจะปิด! สายตาทั้งสองข้างของผมมองซ้ายมองขวา อ่านป้ายทุกภาษาแม้จะเป็นตอนดึกแต่ก็ยังมีคนมากมายเดินเพ่นพ่านกันอยู่ หอนาฬิกายักษ์ก็นับเวลาถ้อยหลังของร้านขนมปริศนานี้ไปด้วย สองเท้าของผมรีบก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว 19:20 หรือว่า..ผมต้องยอมแพ้จริงๆ นะ? ผมหยุดยืนอยู่ที่ลานน้ำพุในขณะเดียวกันที่ถอนหายใจเสียงดังท่ามกลางผู้คนที่เริ่มจะปิดร้านกันแล้ว ขนมที่เด็กน้อยคนนั้นถืออยู่นั้นกลิ่นหอมของมันยังติดจมูกผมอยู่เลย 19:26 เสียเวลาเกินไปแล้ว กลับไปพักดีกว่าไหมนะ… 19:27 สองเท้าของผมเตรียมจะเดินเดินหันหลังกลับโดยที่เสียงนาฬิกายังคงเดินอยู่ ให้ตายสิ … 19:28 “พี่ครับ จะปิดร้านแล้วนะ” “รู้แล้วน่า แขวนป้ายเอาไว้ที” 19:29 ทันทีที่ผมเห็นป้ายมีตัวภาษากลมๆ สีน้ำตาลพร้อมกับได้ยินเสียงผู้ชายและผู้หญิงที่ท่าทางอาจจะเป็นพี่น้องกัน พวกเขาใส่ผ้ากันเปื้อนสีดำเอาไว้ในขณะที่เตรียมตัวจะเก็บร้านและทำท่าจะปิดประตูอยู่นั้น มือของผมก็รีบขวางเอาไว้ทันทีพวกเขาดูตกใจกันสุดๆแม้สภาพของผมจะดูเหมือนผีก็ตาม “ใช่ร้าน กันยางรัด เปล่า!? ” ผมตะโกนถามพร้อมมองตรงมุมกระจก มีขนมหน้าตาแปลกๆ มากมายพร้อมกลิ่นหลายๆ อย่างที่ปะทะเข้าจมูกของผมโดยที่ผู้หญิงผมสั้นสีน้ำตาลเข้มทำท่าดูเอ๋อไป ในขณะที่ผู้ชายตัวสูงผมสีน้ำตาลเข้มข้างหลังที่สวมแว่นทำหน้าทำตาทะมึนใส่ผม “ฉันอยากซื้อขนมที่มันมีเส้นฝอยสีทองน่ะ อยู่ไม่นานหรอก …!” “ขอโทษครับ ร้านปิด 1 ทุ่ม 30 เพราะงั้น …” “ก็ยังเหลือฝอยทองอยู่นะสองกล่อง ชม ให้เขาเข้ามาเถอะ” หญิงสาวคนนั้นถอนหายใจเล็กน้อยในขณะเดียวกัน คนที่ถูกเรียกว่าน้องชายก็ถอนหายใจตามเธอด้วยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ โดยที่พี่สาวคนนั้นให้ไปเปิดประตูต้อนรับเชิญลูกค้าอย่างผมมาซื้อก่อนที่จะปิดร้านกัน แล้วเธอก็เดินไปหลังร้านทันที มีน้องชายผายมือเชิญให้เข้ามาเดินดูขนมด้านในของร้านและทิ้งท้ายไว้ว่า"เชิญดูได้ตามสบายครับ" ผมเดินดูร้านขนมนี้ เหมือนราวกับว่าผมได้กลับมาเป็นเด็กวัยเยาว์ที่ครั้งหนึ่งที่กำเงินไปซื้อขนมที่ตัวเองชอบและที่สำคัญ ได้ดูขนมแปลกๆอย่าง รูปร่างสี่เหลี่ยมสีเขียวและสีดำชิ้นเล็กๆ และพืซสีเขียวที่ถูกห่อเป็นสามเหลี่ยม มีไม้จิ้มฟันแหลมๆที่ปักเอาไว้ด้วยแหละ และมีขนมดอกไม้สีทองที่ส่งกลิ่นหอมออกมาในถ้วย กับ ขนมลูกเล็กๆ ที่มีสีสันที่คล้ายกับผลไม้แต่แค่ขนาดมันเล็กลงเท่านั้น อยาก..จะซื้อกลับไปชิมให้หมดเลย! ผมมองไปที่ผู้ชายสวมแว่นคนนั้นในขณะเดียวกันที่รับรู้ได้ถึง [พลังบางอย่าง] จากร่างกายของเขา นัยต์ตาสีดำสนิทที่กำลังกดเจ้าเครื่องเหล็กสี่เหลี่ยมก็เงยหน้ามาสบตาผมด้วยพวกเรานิ่งเงียบกันโดยที่ไม่ได้พูดอะไร หรือว่าคนๆ นี้ก็ …? “ทั้งหมด 250 โกลครับ” เสียงเรียกของคนน้องที่ชื่อ ชม ตรงหน้าเคาส์เตอร์ ที่กำลังยืนรอให้ผมจ่ายตังค์อยู่ พร้อมกับพี่สาวคนนั้นที่ถือกล่องขนมฝอยทองหลังจากที่หายไปไม่นานก็เดินออกมาจากหลังร้านและวางเอาไว้บนโต๊ะก่อนผมจะรีบเดินไปจ่ายด้วยเหรียญทองคำทันที และค่อยๆมองเธอคนนั้นที่ใส่ถุงพลาสติพร้อมกับผงกหัวยื่นให้ผม “ทานให้อร่อยนะคะ” เธอส่งยิ้มออกมาพร้อมกับน้องชายที่ผงกหัวโค้งตามเธอโดยที่ผมมองป้ายในร้านเล็กๆ มีกรอบรูปภาพของชายวัยกลางคนสูงอายุที่ยังหนุ่มยังแน่น พร้อมกับเด็กๆ ที่ใบหน้าคล้ายคลึงกับพวกเขาตรงหน้า “พวกเธอมาจากประเทศอะไรกันน่ะ? ” “ประเทศไทยน่ะค่ะ” ผมมองภาพพื้นหลังตรงกรอบรูปภาพในนั้น ดินแดนตรงนั้นช่างแปลกตาจริง “ขอบคุณสำหรับขนมใหม่ๆ ขอให้ฉันรู้ชื่อของพวกเธอทั้งสองคนก่อนไปได้ไหม? ” อย่างน้อยๆ ก็อยากจะกลับมาเจอร้านนี้อีกครั้ง พร้อมกับเจ้าของร้านสองคนที่อุตส่าห์สละเวลาให้ขนมผมมาด้วย ผมคิดว่าพวกเราเราจะสนิทกันมากขึ้นได้นะ.. แต่สีหน้าของทั้งสองคนกับดูเงอะงะขึ้นมาพร้อมกันโดยที่หันมามอง เหมือนจะส่งสายตากันด้วยกระแสจิต ก่อนเธอคนนั้นดูจะหัวเราะแห้งๆออกมาพร้อมเกาหัวเล็กน้อย “กมลพัชร” “ชมณัฐครับ” “ขอบคุณนะ คืนนี้ฉันจะลองชิมขนมนี้ไปด้วยล่ะกันนะ ! ” ถึงมันจะเป็นเรื่องแปลกที่พรรคพวกของผมมักจะชอบแซวว่า เซบาสชอบทำความรู้จักกับคนอื่นๆ อยู่ตลอดเลยนะ การทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ มันเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ? ผมเดินออกไปโดยที่โบกมือลา สองพี่น้องคู่นี้ก่อนที่จะเดินถือสิ่งที่เจ้านี้เรียกว่า ‘ขนมฝอยทอง’ เดินกลับกิลด์ของนักผจญภัยไปด้วยท่าทางที่ดูอารมณ์ดีสำหรับวันนี้ ผมรู้สึกว่าพระเจ้ายังไม่ทิ้งผม! …………………………………. “ ผู้กล้า อันนั้นคืออะไรน่ะ ? ” ลิลลี่กำลังมองผมที่กำลังใช้ส้อมบนจานอาหารตักขนมเส้นฝอยสีทองเข้าปากโดยที่ ซันดัส และ เบเลี่ยมก็เริ่มทำหน้าดูสนอกสนใจไปด้วย “ฉันไปเจอร้านของอร่อยๆ ยังไงล่ะ!” ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ..ทันทีที่ผมกลับมา และได้ชิมกล่องแรก สัมผัสรสชาติของมันเส้นไหมสีทองนั้นเหมือนมีส่วนผสมของไข่เป็ดพร้อมกับน้ำตาลทรายแดงที่ผสมกับน้ำเชื่อมไปด้วย หัวใจของผมที่ดับลงเหมือนมีไฟแห่งความเร่าร้อนได้ปะทะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง คำสองและคำสามติดๆ กันไป จนผมชิมขนมในกล่องแรกจนหมดแล้ว ขอบคุณสำหรับของอร่อยๆ ชาตินี้จะไม่มีวันลืมขนมที่เรียกว่าฝอยทองเลย ! “หน้าตามันดูแปลกชะมัด…” “ถึงแปลกแต่ก็อร่อยนะ ลองชิมดูเถอะหน่า” อย่ามองกันที่ภายนอกสิ พวกเขาทั้งสามคนมองผมที่ดวงตาส่องประกายวิบวับอย่างตื่นเต้น ก่อนที่เขาจะหยิบส้อมคนล่ะอัน ม้วนขนมเส้นฝอยทองสีอร่ามขึ้นมาตักเข้าปาก สีหน้าของพวกเขาในตอนนี้ดูมีความสุขขึ้นมาทันตาเห็น เบเลี่ยมก็ดันน้ำตาไหลเพราะเขาดันนึกถึงแม่ของเขา ซันดัสเหมือนจะเริ่มเพ้อถึงพระผู้เป็นเจ้า ในขณะเดียวกันที่ลิลลี่ถือส้อมที่เป็นอาวุธทำท่าจะจู่โจมผม เพื่อที่จะกินขนมฝอยทองชิ้นสุดท้ายที่พึ่งแบ่งไป “ฉันขออีกคำนะเซบาส!” “ก่อนจะออกเดินทางไว้ค่อยไปซื้อใหม่กันอีกครั้งก็ได้ แต่ชิ้นนี้ฉันขอปฏิเสธที่จะไม่ให้นะ” …………………………….. “นึกว่าจะมีผู้กล้าต่างโลกแบบเอ็งนะเออ” “ผมยังไม่เลือกที่จะเป็นแบบนั้น และไม่ใช่ผู้กล้าของเทพองค์นั้นด้วยครับ” วันนี้ร้านเงียบสงบกว่าที่คิด ชมณัฐจุ่มไม้ถูพื้นลงใส่ถัง เพื่อทำความสะอาดในร้านวันนี้ ขณะเดียวกันที่กมลพัชรกำลังนั่งนับเหรียญจากต่างแดน ก่อนที่พวกเขาจะได้ยินเสียงกริ่งตรงหน้าประตูกัน สายตาของทั้งสองคนมองไปที่ชายหนุ่มผมสีแดงและใบหน้าที่ยังหนุ่มยังแน่นที่สวมชุดอัศวินสีเทาและดาบยุโรปที่คาดเอวเอาไว้พร้อมกับรอยยิ้มที่เผยออกมากว้างราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า ตามด้วยคนข้างหลัง ดาร์กเอลฟ์ นักบวช และคนแคระที่เดินตามหลังกันมา ก่อนจะส่งเสียงเรียกชื่อพี่น้องทั้งคู่ด้วยท่าทางอารมณ์ดี “ชมณัฐ! กัลยรัตน์ วันนี้ช่วยแนะนำขนมไทยมากกว่านี้ให้พวกเราทีสิ!” จบบทของหวานบทที่หนึ่ง …………………………….. ฝอยทอง เป็นขนมโปรตุเกส ลักษณะเป็นเส้นฝอยสีทอง ทำจากไข่แดงของไข่เป็ด เคี่ยวในน้ำเดือดและน้ำตาลทราย ชาวโปรตุเกสมักจะใช้รับประทานกับขนมปัง กับอาหารมื้อหลักจำพวกเนื้อสัตว์ โดยมีกำเนิดจากเมืองอาไวรู เมืองชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโปรตุเกส ฝอยทองแพร่เข้ามาในประเทศไทย พร้อมกับทองหยิบและทองหยอด ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมารีอา กียูมาร์ ดึ ปีญา (ท้าวทองกีบม้า พ.ศ. 2202-2265) ลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ท้าวทองกีบม้ามีหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้น เป็นผู้ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตจากฝรั่งเศสที่มาเยือนกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น wiki: https://th.wikipedia.org/wiki/ฝอยทอง ............................................ ​

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เมื่อฉันหลงรักตัวร้ายในนิยายสยองขวัญ

read
1K
bc

สร้างเนื้อสร้างตัวในยุคจีนโบราณ

read
14.8K
bc

1969 ซินซินไม่ใช่ดาวหายนะ

read
1.6K
bc

ขอโทษที...ชาตินี้ผมเกิดมาเป็นไอดอล

read
1K
bc

ชะตารักพยัคร้าย

read
2.1K
bc

เมื่อฉันทะลุมิติไปอยู่ในโลกของสัตว์

read
1K
bc

ชีวิตที่สองของเทพโอสถสาวผู้ทรนง

read
1.2K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook