ตั้งแต่วันที่เอเดนเลือกที่จะใช้ชีวิตกับพิ้งค์พลอย เขาก็กลายเป็นผู้ชายอบอุ่นเอาอกเอาใจภรรยาอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด จนกระทั่งได้สร้างครอบครัวที่น่ารักให้ใครต่อใครได้อิจฉา ซึ่งพวกเขามีลูกด้วยกันสองคนคือออสตินเป็นลูกชายคนโตเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายกำลังจะจบแล้ว คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาออกแบบเครื่องแต่งกาย เนื่องจากเอเดนและกวิน กำลังจะร่วมมือกันขยายธุรกิจ เครื่องประดับและเครื่องแต่งการควบคู่ไปกับการผลิตรองเท้า เพื่อทำให้ใบพลูกับออสตินสนุกกับงานที่กำลังจะทำ เพราะคนทั้งคู่มีสิ่งที่ชอบเหมือนกัน แล้วยังมีพรสวรรค์คล้ายกันอีกด้วย
ส่วนไอด้าลูกสาวคนเล็กของเอเดนกับพิ้งค์พลอยเพิ่งเข้าปีหนึ่ง ซึ่งเธอได้เข้าเรียนคณะเดียวกันกับพี่ชาย เพราะไอด้าเองก็ชอบการออกแบบเครื่องแต่งกายไม่แพ้ออสติน
ในขณะที่กวินท่านประธานบริษัทกวินชู มีลูกสาวกับใบบุญ และลูกชายอีกหนึ่งคน ซึ่งทั้งสองมีอายุห่างกันพอสมควร เมื่อใบพลูเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีสุดท้าย คณะเดียวกับออสตินแล้วยังเรียนอยู่คลาสเดียวกันอีกด้วย จึงทำให้บิดามารดาคลายความกังวล เมื่อใบพลูมีออสตินคอยดูแล แต่ว่าในทางกลับกัน คนทั้งสองไม่เคยพูดจาลงรอยกันเลยสักครั้ง
ทางด้านไบเบิลนั้นกำลังจะขึ้นเรียนในชั้นมัธยมปีที่สี่ นิสัยของหนุ่มน้อยเงียบสุขุมจนน่าเกรงขาม ผิดกับลุคใสๆ ของเขาที่แตกหนุ่มหน้าตาดีราวกับโอปา มองยังไงก็ดูมีเสน่ห์ เหมือนกับพี่สาวของเขาที่ดูสวยแบบใสๆ ห้าวเล็กๆ แต่ดูรวมๆ แล้วใบพลูเป็นผู้หญิงที่สามารถทำให้ผู้ชายทุกคนเข้าใกล้ ต้องหลงเข้าไปในวังวนของเธอ ราวกับต้องมนต์ได้อย่างไม่ยากเลยสักนิด เหมือนกับที่ออสตินกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่ทว่าเขากลับทำเป็นปากแข็ง ใช้ความสนิทใกล้ชิดกับเธอไปวันๆ
ส่วนใบบัวเธอเรียนจบแพทย์สมใจ แต่ทว่าหญิงสาวได้ไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งอยู่ทางเหนือ เธอมักจะโทรมาเล่าให้พี่สาวฟังเสมอ ถึงบรรยากาศที่ดีและผู้คนที่นั่นล้วนเป็นมิตร แต่ทว่าแพทย์หญิงใบบัวในวัยสามสิบสองย่างสามสิบสามกลับโสดสนิทไม่คิดจะเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาในชีวิตของเธอ จนพี่สาวอย่างใบบุญรู้สึกหวั่นใจ กลัวว่าน้องสาวจะขึ้นคาน ไร้คนเหลียวแลใยยามแก่เฒ่า
แต่ที่ขาดไม่ได้คงจะเป็นคู่ของริสากับใบโพธิ์ ทั้งสองมีลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นโซ่ทองคล้องใจชื่อใบเฟิร์น ชายหนุ่มต้องขอบคุณริสาที่วันนั้นเธอไม่ยอมกินยาคุมฉุกเฉิน เพราะอยากเอาคืนใบโพธิ์ ซึ่งทำให้น้ำยาของเขาได้ผลเกินคาด จนก่อเกิดกำเนิดสิ่งมีชีวิต กลายเป็นสายใยผูกพัน ของคำว่าครอบครัว
สมบูรณ์แบบ กระทั่งปัจจุบันบิดาของริสาได้เสียชีวิตลง เอเดนซื้อหุ้นต่อจากนายคชาทั้งหมด จึงทำให้เขามีหุ้นที่กวินชูห้าสิบเปอร์เซ็นต์ พอๆ กับกวิน
ซึ่งคนที่กำลังจะมาสานต่อธุรกิจรองเท้าแบรนด์ดังอย่างกวินชู คงไม่พ้นออสตินกับใบพลู แต่ทั้งคู่แทบจะไม่พูดกันดีๆ เลยสักครั้ง ซึ่งในเวลานี้คนทั้งคู่กำลังนั่งรถจากบ้านมุ่งสู่มหาวิทยาลัย เพื่อส่งงานอาจารย์หลังจากที่ฝึกงานเสร็จ แต่ดูเหมือนว่ากำลังจะเกิดศึกขึ้นกลางทาง
เมื่อทั้งสองโต้ตอบกันไปมาด้วยวาจาที่ไม่มีใครยอมใคร รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามายังถนนใหญ่ มุ่งสู่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของย่านนี้ เรื่องค่าเทอมที่แพงหูฉี่ บวกกับการเรียนการสอนที่ดีเยี่ยม แต่ถึงยังไงมหาวิทยาลัยทุกที่ล้วนมีนโยบายแข็งขัน เน้นยำปลูกฝังให้อาจารย์ถ่ายทอดวิชาความรู้อย่างเต็มความสามารถ เพื่อสอนให้ศิษย์ทุกคนนำความรู้ที่ร่ำเรียนมาไปใช้ในชีวิตจริงได้ เพราะงานทุกวันนี้ยิ่งหาได้ยากเย็นแสนเข็ญ
"ฉันไม่เคยรักนาย! ไม่เคยรักนาย! จำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยนะออสติน" เสียงแหลมดังขึ้นยังกับป่าช้าแตก เมื่อหญิงสาวถูกชายหนุ่มที่นั่งมาข้างๆ กระตุกต่อมโกรธของเธอให้ทำงาน
"หึ! ผู้หญิงทุกคนเข้าใกล้ฉัน ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่รักไม่ปลื้ม อย่าปากแข็งไปหน่อยเลยน่า แต่อย่างเธอฉันขอประกาศไว้ตรงนี้เลยนะ เธอไม่มีทางได้เห็นขาอ่อนของฉันหรอก" ชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นอกมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง ซึ่งสามารถมัดใจสาวได้ค่อนมหาวิทยาลัย
"ชิ! นายไปเอาความมั่นใจมาจากไหนออสติน คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลรึไง!" หญิงสาวเองยอมเขาซะที่ไหนตะคอกใส่หน้าชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดนักศึกษาจนน้ำลายกระเซ็น ทำให้ออสตินถึงกับมองค้อนไปที่คนตัวเล็ก ถ้าเขาถือสาหาความ แค่จับมาหักแข้งหักขาเธอก็ง่ายยังกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่เขาก็ไม่อยากทำ เพราะมันไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชาย
“ลืมไปแล้วรึไงว่าเธอคือผู้หญิงของฉันใบพลู” ออสตินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทว่าคนฟังถึงกับเจ็บที่กลางอกข้างซ้าย เมื่อชายหนุ่มนั้นหวังแต่จะกำราบเธอให้ยอมจำนน เพียงเพราะว่าเขานั้นคือเจ้าชีวิตของเธอ
“อีกนานแค่ไหน นายถึงจะยอมปล่อยฉันไป” ใบพลูเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางกระพริบตาถี่ๆ ด้วยความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ที่กำลังถูกออสตินคุกคามกำหนดให้เธอทำตามในสิ่งที่เขากำลังลิขิตเอาไว้
“ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต แม้แต่ยมโลกก็ไม่สามารถกีดกันให้เธอหนีฉันพ้นหรอกนะใบพลู เพราะฉันจะตามติดชีวิตของเธอไม่ว่าเป็นหรือตายฉันก็จะตามไปไม่หนีห่าง จะทำทุกทางให้เธอผูกติดกับชีวิตของฉันไปจนชั่วนิจนิรันดรไม่มีที่สิ้นสุด”
ถ้อยคำที่ออสตินพูดออกมานั้น ยิ่งทำให้ใบพลูน้อยใจ แต่ทว่าภายใต้คำพูดที่ไม่สวยงามกลับมีนัยมากมายแอบแฝงเอาไว้ เพราะเขาจะไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวหนีห่าง เมื่อหัวใจของเขาเริ่มเต็มไปด้วยหญิงสาว ซึ่งดูเหมือนว่าเธอไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่เขาทำลงไป มันคือรักหรือเกลียด แต่ทว่าใบพลูกลับเลือกที่จะเชื่อว่าเขาเกลียดเธอ
“นายมันเห็นแก่ตัว ใช่สิ! ชีวิตของฉันมันเป็นของนายตั้งแต่วันนั้นแล้วนี่!” คราวนี้ใบพลูพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เมื่อเธอได้สัญญากับตัวเองเอาไว้ว่า จะไม่วันให้ออสตินเห็นน้ำตาเธอเด็ดขาด
“รู้แล้วก็จำใส่ใจเอาไว้ ฉันคือใครสำคัญกับเธอยังไง อย่าคิดหนี เพราะต่อให้เธอหนียังไงก็ไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอกนะใบพลู” ออสตินได้ประกาศกร้าวออกมาด้วยน้ำเสียงเข้ม ซึ่งเขาเองก็พยายามซ่อนความรู้สึกลึกๆ ภายในใจเอาไว้เช่นกัน เพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาหวั่นไหวแค่ไหนในเวลาที่ได้อยู่ใกล้หญิงสาว
“ฉันคงจำใส่สมองเอาไว้มากกว่าที่จะจำใส่ใจ เพราะนายไม่มีอะไรที่ควรค่าพอ ที่จะให้ฉันจำใส่ใจดวงนี้” คราวนี้ใบพลูได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพื่อตอกย้ำให้ออสตินรู้ว่าเขาไม่ควรค่าพอที่จะจะให้เธอจดจำ แม้หญิงสาวจะรู้อยู่เต็มอก เรียนจบเมื่อไหร่บิดาของเธอและบิดาของเขาได้วางแผนเอาไว้ เพื่อที่จะให้ออสตินเข้ามาช่วยงานที่บริษัทกวินชู ในฐานะผู้ช่วยของเธอ เพราะหวังให้คนทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน
หลังจากใบพลูกำลังจะได้รับตำแหน่งรองประธาน เมื่อเธอเรียบจบปริญญาตรี เพื่อเป็นรากฐานในการก้าวเป็นท่านประธานคนต่อไป ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะวางแผนเอาไว้เช่นกัน เมื่อเธออยากเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ใบพลูอยากได้ปริญญาโทสักใบ เพื่อจะได้น่าเชื่อถือในการทำธุรกิจ แต่ทว่าบิดากลับไม่อนุญาต
“อย่างน้อยสมองของเธอก็ยังมีฉัน เกมนี้เธออย่างหวังว่าจะชนะฉันได้ใบพลู ตราบใดที่เธอยังเป็นหนี้ชีวิตฉันอยู่ และก็จะเป็นตลอดไปไม่มีสิ้นสุด จำใส่สมองของเธอเอาไว้ด้วย” ออสตินพูด พลางแสยะยิ้มร้ายออกมา ซึ่งทำให้ใบพลูกำหมัดแน่น เพื่อข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ให้เผลอระเบิดออกมา เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะเอาคืนออสติน ซึ่งทั้งสองได้โต้ตอบกันไปมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนนายเก่งลูกน้องคนสนิทของเอเดนอยากจะจอดรถลงไปห้ามทัพ
เมื่อทั้งคู่ทะเลาะกันตั้งแต่อนุบาลยันจะเรียนจบมหาวิทยาลัยไม่เหนื่อยกันบ้างเลยหรืออย่างไร แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้า เพราะกลัวนายน้อยจะโกรธจนถูกสั่งพักงานอีก ซึ่งพักหลังคนทั้งคู่เริ่มเขม่นกันรุนแรงขึ้น นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาและเธอถูกจับคลุมถุงชนตั้งแต่เด็ก โดยที่อีกคนไม่เต็มใจ
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะรู้ไหมว่า ความปรารถนาดีของพวกเขา กำลังจะนำพาให้หนุ่มสาวทะเลาะกันรุนแรงขึ้น เพราะเรียนจบเมื่อไหร่ เขาและเธอก็จะต้องแต่งงานกันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ทั้งที่คนทั้งคู่ไม่ชอบขี้หน้ากันเลยสักนิด แล้วชีวิตคู่ของพวกเขาจะอลเวงแค่ไหน