บทที่ 15 อาหารมื้อค่ำ

1358 Words
ข่าวที่สตรีนางนั้นถูกไล่ออกจากค่ายทหารสร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทุกคนก็เห็นกับตาว่านางรังแกคนอื่นก่อน เรื่องนี้จึงไม่มีใครกล้ากล่าวโทษจางเหมี่ยวลี่ว่านางใช้อำนาจในทางมิชอบอีก ช่วงเย็น เจี่ยงหร่านถูกลงโทษไม่ให้กินอาหารเย็น นางเองก็หิวอยู่บ้าง แต่ในเมื่อมีคำสั่งมาแล้วนางก็ไม่อยากขัดคำสั่ง จึงออกมายืนรับลมเล่นมองดูสิ่งต่างๆรอบตัว เมื่อครู่นี้ตอนที่ยังอยู่ในห้องพัก โจวลี่และอากัวลอบนำอาหารแห้งมาให้นาง แต่นางบอกไปว่าไม่เป็นอะไรนางทนได้ พวกเขาทั้งสองมองนางด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจ ค่ำคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย เจี่ยงหร่านหย่อนกายลงนั่งที่ใต้ต้นไม้ นางเอนกายพิงต้นไม้พลางชันเข่าขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองดูดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า นางคิดถึงท่านพ่อท่านแม่เหลือเกิน แต่ยามนี้แคว้นซ่งไม่มีพื้นที่ให้นางเยียบย่างเข้าไปได้อีกแล้ว หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า การต้องมาอยู่ในร่างนี้เท่ากับต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่นางจะได้ก้าวเข้าสู่สมรภูมิสงคราม ใช้ดาบปลิดชีพคนชั่วช้าเช่นฉู่อี้เฉินได้ "เพิ่งจะเข้าค่ายทหารมาได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ถอนหายใจเสียแล้วหรือ" เสียงของบุรุษที่คุ้นเคย ทำให้เจี่ยงหร่านกลอกตาไปมาอย่างสุดทน แต่ก่อนนางอยากเจอเขาเพราะเขามีเรื่องน่าสนใจมากมายมาพูดคุยกับนาง อีกทั้งยังดูเป็นคนอ่อนโยน แต่ยามนี้เซียวจิ้งสำหรับนางแล้วเหมือนคนแปลกหน้าไปเสียแล้ว ทั้งเย็นชาและไม่เป็นมิตร แต่จะโทษผู้ใดได้เล่า มันเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้นี่นา นางเงยหน้าไปมองเขาเล็กน้อย เห็นว่าในมือของเขาถือกล่องอาหารติดมาด้วย เจี่ยงหร่านที่เห็นเช่นนั้นจึงยิ่งทวีความไม่พอใจ "ทำไมกัน หรือว่าท่านรองแม่ทัพเซียวเบื่อที่จะกินอาหารในห้องแล้ว จึงเปลี่ยนบรรยากาศมากินใต้ต้นไม้เช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ไม่รบกวนความสำราญของท่านแล้ว" เจี่ยงหร่านลุกขึ้นก่อนจะปัดมือไปมา ในขณะที่นางกำลังจะเดินจากไป เซียวจิ้งก็ยิื่นมือมาดึงคอเสื้อของนางเอาไว้ จนนางแทบจะเซถลาล้มลง เมื่อประคองตัวได้ นางจึงหันขวับมามองเขาตาเขียวปั๊ดทันที "นี่ท่านพี่จิ้ง ท่านจะหาเรื่องข้าอีกนานไหม" เซียวจิ้งแค่นเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด "บิดาเจ้าฝากมาให้" "ให้ข้าหรือ?" เจี่ยงหร่านมองดูกล่องอาหารที่เซียวจิ้งยื่นมาตรงหน้าด้วยแววตาสับสน เอ่ยขึ้นมา "ข้าบอกท่านพ่อไปแล้วว่าไม่ต้องนำมา ท่านพ่อนี่ พูดไม่รู้เรื่องจริงเชียว ท่านนำไปเก็บเถอะ กฎทหารอย่างไรย่อมต้องยึดมั่นปฏิบัติตาม ข้าจะงดมื้อเย็นตามคำสั่งเช่นเดิม" เซียวจิ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เมื่อใดกันที่เจ้ารักษากฎเยี่ยงชีวิตเช่นนี้" "คนเราก็ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้หรือ" จางเหมี่ยวลี่เอ่ียงคอมองเซียวจิ้ง ท่าทางยียวนของนางเหมือนกับบุรุษที่กำลังหาเรื่องแม่นางน้อยอย่างไรอย่างนั้น เซียวจิ้งพยายามข่มกลั้นอารมณ์ มิให้ด่าหญิงสาวตรงหน้า "บิดาเจ้าให้มา ก็กินเสีย" "ก็บอกว่าไม่กิน ท่านนี่มันอย่างไรกันนะ เมื่อบ่ายยังสั่งงดข้าวข้า ตอนนี้จะให้ข้ากิน เสียสติไปแล้วรึ" "ข้าสั่งให้เจ้ากิน" "ว่าอย่างไรนะ" "เจ้าบอกว่าคำสั่งทหารต้องปฏิบัติตามอย่างยึดมั่นไม่ใช่หรือ เช่นนั้นยามนี้ข้าสั่งให้เจ้ากินแล้ว หากไม่กินเจ้าก็ไปวิ่งรอบค่ายทหารยี่สิบรอบเพื่อเป็นการลงโทษที่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา" เจี่ยงหร่านมองเซียวจิ้งด้วยความไม่เข้าใจ อะไรกัน สหายคนที่น่าคบหาคนนั้นของนางหายไปไหนเสียแล้ว เหตุใดจึงเหลือเพียงบุุรุษบ้าอำนาจผู้นี้กันนะ หากไม่เกรงว่ายามนี้นางเป็นเพียงทหารผู้น้อยนางก็อยากจะยกเท้าถีบเขา เพื่อระบายอารมณ์สักหนเหมือนกัน! เมื่อเห็นเช่นนั้นเจี่ยงหร่านก็คร้านจะสนใจเขาอีก นางรับกล่องอาหารมา ก่อนจะนั่งลงใต้ต้นไม้และเปิดกล่องอาหารออก ก่อนจะคีบอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็ว ความจริงนางก็หิวไม่น้อยเลย ยิ่งกลิ่นอาหารหอมหวนยั่วยวนเช่นนี้นางยิ่งน้ำลายสอ เมื่อกินอิ่มแล้ว เจี่ยงหร่านก็ส่งเสียงเรอออกมา ก่อนจะเอนกายพิงต้นไม้ รู้สึกว่าอิ่มท้องยิ่งนัก เซียวจิ้งแค่นเสียงออกมาเบาๆ สตรีนางนี้นับวันก็ยิ่งแปลกประหลาดเข้าไปทุกขณะ เจี่ยงหร่านเงยหน้ามามองเซียวจิ้ง "ขออภัย ข้าลืมชวนท่านกินด้วยกัน" "ข้ากินไม่ทันเจ้าหรอก" "ข้าก็คิดเช่นนั้น ท่าทางเหมือนคุณชายอ่อนแอรูปงาม อยู่ในกฎระเบียบเวลากินข้าว เหมือนแมวดมเช่นท่านนี่ใช้ไม่ได้เลย" ทันใดนั้นเซียวจิ้งก็หันขวับมาจ้องมองจางเหมี่ยวลี่ด้วยแววตาที่ไหววูบ คำพูดประโยคเมื่อครู่นี้มัน… เหมือนกับที่เจี่ยงหร่านเคยเอ่ยกับเขาเลย! เซียวจิ้งมองจางเหมี่ยวลี่อย่างไม่ละสายตา ไม่นานนักสายตาของเขาก็เห็นภาพของสตรีอีกคนซ้อนทับอยู่บนร่างของนาง ยามนั้นเจี่ยงหร่านจับงูมาตุ๋นน้ำแกงอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางต้องชอบน้ำแกงงูถึงเพียงนี้แต่กลับไม่กล้าเอ่ยถาม นางชวนเขาให้ลองชิมดูบอกว่างูเป็นยา เขาเอาแต่ส่ายศีรษะและคีบข้าวกินคำเล็กคำน้อย จนนางต่อว่าเข้า กินอาหารราวกับแมวดม ช่างเหมือนคุณชายบอบบาง ใช้ไม่ได้เลยท่านเนี่ย! เจี่ยงหร่านที่เห็นว่าเซียวจิ้งนิ่งงันไป ก็จ้องมองเขาด้วยความสงสัย "ท่านพี่จิ้งท่านเป็นอะไรไป ท่านพี่จิ้ง" เซียวจิ้งพลันได้สติกลับมา เขามองจางเหมี่ยวลี่อีกคราก่อนจะลอบเยาะหยันตนเอง ก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น หญิงสาวนางนี้ไม่มีสิ่งใดเหมือนเจี่ยงหร่านเลยแม้แต่น้อย ยามนี้นางก็เพียงแค่เสแสร้งเท่านั้น หากนางหมดความอดทนแล้ว อย่างไรนิสัยเดิมย่อมต้องกลับมา เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นมาทันที "เจ้ากินอิ่มแล้วก็กลับไปพัก พรุ่งนี้ยังต้องฝึก หากเจ้าไปสายข้าจะทำโทษ" "นี่ท่านพี่จิ้ง ทหารในค่ายมีเป็นร้อยเป็นพัน ท่านเอาแต่มาจับผิดข้าเนี่ยนะ" "หุบปากเสียที กลับไปนี่คือคำสั่ง" เจี่ยงหร่านลอบเบ้ปาก ก่อนจะเดินจากไป แต่นางกลับชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมาหาเซียวจิ้ง ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะถามดุๆ "เหตุใดจึงยังไม่ไปอีก" เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี ก่อนจะยัดกล่องอาหารในมือส่งให้เซียวจิ้ง "ข้าฝากท่านเอาไปคืนท่านพ่อที ข้าเป็นทหารออกนอกค่ายทหารมิได้ ขอบคุณท่านมากนะพี่จิ้ง ท่านนี่ช่างรูปงามยิ่ง ดูสิ รัศมีความหล่อกระจายไปทั่วทั้งค่ายทหารแล้ว" เอ่ยจบนางก็ยกมือขึ้นตบไหล่ชายหนุ่ม ก่อนจะรีบวิ่งจากไปทันที เซียวจิ้งมองดูกล่องอาหารในมือก่อนจะส่งเสียงหัวเราะในลำคอ นางใช้เขาเช่นนั้นหรือ จะใจกล้าเกินไปแล้ว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD