ข่าวที่สตรีนางนั้นถูกไล่ออกจากค่ายทหารสร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทุกคนก็เห็นกับตาว่านางรังแกคนอื่นก่อน เรื่องนี้จึงไม่มีใครกล้ากล่าวโทษจางเหมี่ยวลี่ว่านางใช้อำนาจในทางมิชอบอีก
ช่วงเย็น เจี่ยงหร่านถูกลงโทษไม่ให้กินอาหารเย็น นางเองก็หิวอยู่บ้าง แต่ในเมื่อมีคำสั่งมาแล้วนางก็ไม่อยากขัดคำสั่ง จึงออกมายืนรับลมเล่นมองดูสิ่งต่างๆรอบตัว
เมื่อครู่นี้ตอนที่ยังอยู่ในห้องพัก โจวลี่และอากัวลอบนำอาหารแห้งมาให้นาง แต่นางบอกไปว่าไม่เป็นอะไรนางทนได้ พวกเขาทั้งสองมองนางด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจ
ค่ำคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย เจี่ยงหร่านหย่อนกายลงนั่งที่ใต้ต้นไม้ นางเอนกายพิงต้นไม้พลางชันเข่าขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองดูดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า
นางคิดถึงท่านพ่อท่านแม่เหลือเกิน แต่ยามนี้แคว้นซ่งไม่มีพื้นที่ให้นางเยียบย่างเข้าไปได้อีกแล้ว
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า การต้องมาอยู่ในร่างนี้เท่ากับต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่นางจะได้ก้าวเข้าสู่สมรภูมิสงคราม ใช้ดาบปลิดชีพคนชั่วช้าเช่นฉู่อี้เฉินได้
"เพิ่งจะเข้าค่ายทหารมาได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ถอนหายใจเสียแล้วหรือ"
เสียงของบุรุษที่คุ้นเคย ทำให้เจี่ยงหร่านกลอกตาไปมาอย่างสุดทน แต่ก่อนนางอยากเจอเขาเพราะเขามีเรื่องน่าสนใจมากมายมาพูดคุยกับนาง อีกทั้งยังดูเป็นคนอ่อนโยน แต่ยามนี้เซียวจิ้งสำหรับนางแล้วเหมือนคนแปลกหน้าไปเสียแล้ว ทั้งเย็นชาและไม่เป็นมิตร
แต่จะโทษผู้ใดได้เล่า มันเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้นี่นา
นางเงยหน้าไปมองเขาเล็กน้อย เห็นว่าในมือของเขาถือกล่องอาหารติดมาด้วย เจี่ยงหร่านที่เห็นเช่นนั้นจึงยิ่งทวีความไม่พอใจ
"ทำไมกัน หรือว่าท่านรองแม่ทัพเซียวเบื่อที่จะกินอาหารในห้องแล้ว จึงเปลี่ยนบรรยากาศมากินใต้ต้นไม้เช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ไม่รบกวนความสำราญของท่านแล้ว"
เจี่ยงหร่านลุกขึ้นก่อนจะปัดมือไปมา ในขณะที่นางกำลังจะเดินจากไป เซียวจิ้งก็ยิื่นมือมาดึงคอเสื้อของนางเอาไว้ จนนางแทบจะเซถลาล้มลง เมื่อประคองตัวได้ นางจึงหันขวับมามองเขาตาเขียวปั๊ดทันที
"นี่ท่านพี่จิ้ง ท่านจะหาเรื่องข้าอีกนานไหม"
เซียวจิ้งแค่นเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด
"บิดาเจ้าฝากมาให้"
"ให้ข้าหรือ?"
เจี่ยงหร่านมองดูกล่องอาหารที่เซียวจิ้งยื่นมาตรงหน้าด้วยแววตาสับสน เอ่ยขึ้นมา
"ข้าบอกท่านพ่อไปแล้วว่าไม่ต้องนำมา ท่านพ่อนี่ พูดไม่รู้เรื่องจริงเชียว ท่านนำไปเก็บเถอะ กฎทหารอย่างไรย่อมต้องยึดมั่นปฏิบัติตาม ข้าจะงดมื้อเย็นตามคำสั่งเช่นเดิม"
เซียวจิ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"เมื่อใดกันที่เจ้ารักษากฎเยี่ยงชีวิตเช่นนี้"
"คนเราก็ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้หรือ"
จางเหมี่ยวลี่เอ่ียงคอมองเซียวจิ้ง ท่าทางยียวนของนางเหมือนกับบุรุษที่กำลังหาเรื่องแม่นางน้อยอย่างไรอย่างนั้น เซียวจิ้งพยายามข่มกลั้นอารมณ์ มิให้ด่าหญิงสาวตรงหน้า
"บิดาเจ้าให้มา ก็กินเสีย"
"ก็บอกว่าไม่กิน ท่านนี่มันอย่างไรกันนะ เมื่อบ่ายยังสั่งงดข้าวข้า ตอนนี้จะให้ข้ากิน เสียสติไปแล้วรึ"
"ข้าสั่งให้เจ้ากิน"
"ว่าอย่างไรนะ"
"เจ้าบอกว่าคำสั่งทหารต้องปฏิบัติตามอย่างยึดมั่นไม่ใช่หรือ เช่นนั้นยามนี้ข้าสั่งให้เจ้ากินแล้ว หากไม่กินเจ้าก็ไปวิ่งรอบค่ายทหารยี่สิบรอบเพื่อเป็นการลงโทษที่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา"
เจี่ยงหร่านมองเซียวจิ้งด้วยความไม่เข้าใจ อะไรกัน สหายคนที่น่าคบหาคนนั้นของนางหายไปไหนเสียแล้ว เหตุใดจึงเหลือเพียงบุุรุษบ้าอำนาจผู้นี้กันนะ
หากไม่เกรงว่ายามนี้นางเป็นเพียงทหารผู้น้อยนางก็อยากจะยกเท้าถีบเขา เพื่อระบายอารมณ์สักหนเหมือนกัน!
เมื่อเห็นเช่นนั้นเจี่ยงหร่านก็คร้านจะสนใจเขาอีก นางรับกล่องอาหารมา ก่อนจะนั่งลงใต้ต้นไม้และเปิดกล่องอาหารออก ก่อนจะคีบอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็ว ความจริงนางก็หิวไม่น้อยเลย ยิ่งกลิ่นอาหารหอมหวนยั่วยวนเช่นนี้นางยิ่งน้ำลายสอ
เมื่อกินอิ่มแล้ว เจี่ยงหร่านก็ส่งเสียงเรอออกมา
ก่อนจะเอนกายพิงต้นไม้ รู้สึกว่าอิ่มท้องยิ่งนัก
เซียวจิ้งแค่นเสียงออกมาเบาๆ สตรีนางนี้นับวันก็ยิ่งแปลกประหลาดเข้าไปทุกขณะ
เจี่ยงหร่านเงยหน้ามามองเซียวจิ้ง
"ขออภัย ข้าลืมชวนท่านกินด้วยกัน"
"ข้ากินไม่ทันเจ้าหรอก"
"ข้าก็คิดเช่นนั้น ท่าทางเหมือนคุณชายอ่อนแอรูปงาม อยู่ในกฎระเบียบเวลากินข้าว เหมือนแมวดมเช่นท่านนี่ใช้ไม่ได้เลย"
ทันใดนั้นเซียวจิ้งก็หันขวับมาจ้องมองจางเหมี่ยวลี่ด้วยแววตาที่ไหววูบ
คำพูดประโยคเมื่อครู่นี้มัน…
เหมือนกับที่เจี่ยงหร่านเคยเอ่ยกับเขาเลย!
เซียวจิ้งมองจางเหมี่ยวลี่อย่างไม่ละสายตา ไม่นานนักสายตาของเขาก็เห็นภาพของสตรีอีกคนซ้อนทับอยู่บนร่างของนาง
ยามนั้นเจี่ยงหร่านจับงูมาตุ๋นน้ำแกงอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางต้องชอบน้ำแกงงูถึงเพียงนี้แต่กลับไม่กล้าเอ่ยถาม นางชวนเขาให้ลองชิมดูบอกว่างูเป็นยา เขาเอาแต่ส่ายศีรษะและคีบข้าวกินคำเล็กคำน้อย จนนางต่อว่าเข้า
กินอาหารราวกับแมวดม ช่างเหมือนคุณชายบอบบาง ใช้ไม่ได้เลยท่านเนี่ย!
เจี่ยงหร่านที่เห็นว่าเซียวจิ้งนิ่งงันไป ก็จ้องมองเขาด้วยความสงสัย
"ท่านพี่จิ้งท่านเป็นอะไรไป ท่านพี่จิ้ง"
เซียวจิ้งพลันได้สติกลับมา เขามองจางเหมี่ยวลี่อีกคราก่อนจะลอบเยาะหยันตนเอง ก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น หญิงสาวนางนี้ไม่มีสิ่งใดเหมือนเจี่ยงหร่านเลยแม้แต่น้อย ยามนี้นางก็เพียงแค่เสแสร้งเท่านั้น หากนางหมดความอดทนแล้ว อย่างไรนิสัยเดิมย่อมต้องกลับมา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นมาทันที
"เจ้ากินอิ่มแล้วก็กลับไปพัก พรุ่งนี้ยังต้องฝึก หากเจ้าไปสายข้าจะทำโทษ"
"นี่ท่านพี่จิ้ง ทหารในค่ายมีเป็นร้อยเป็นพัน ท่านเอาแต่มาจับผิดข้าเนี่ยนะ"
"หุบปากเสียที กลับไปนี่คือคำสั่ง"
เจี่ยงหร่านลอบเบ้ปาก ก่อนจะเดินจากไป แต่นางกลับชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมาหาเซียวจิ้ง ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะถามดุๆ
"เหตุใดจึงยังไม่ไปอีก"
เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี ก่อนจะยัดกล่องอาหารในมือส่งให้เซียวจิ้ง
"ข้าฝากท่านเอาไปคืนท่านพ่อที ข้าเป็นทหารออกนอกค่ายทหารมิได้ ขอบคุณท่านมากนะพี่จิ้ง ท่านนี่ช่างรูปงามยิ่ง ดูสิ รัศมีความหล่อกระจายไปทั่วทั้งค่ายทหารแล้ว"
เอ่ยจบนางก็ยกมือขึ้นตบไหล่ชายหนุ่ม ก่อนจะรีบวิ่งจากไปทันที เซียวจิ้งมองดูกล่องอาหารในมือก่อนจะส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
นางใช้เขาเช่นนั้นหรือ
จะใจกล้าเกินไปแล้ว!