หลังจากแก้เผ็ดแมทธิวเรียบร้อยแล้ว อารมณ์ของมัทนาก็ดีขึ้นแบบสุดๆ รอยยิ้มสะใจเกลื่อนใบหน้างาม แม้กระทั่งเดินทางมาถึงบ้านแล้ว สีหน้าของหล่อนก็ยังคงรื่นรมย์ไม่หยุด
“ป่านนี้นายคงเอาปี๊บคลุมหัวแล้วสินะ...”
มือเล็กยกขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคัก สมองกำลังพยายามนึกสีหน้าของแมทธิวตอนถูกสายตาทุกคนจ้องมอง
“สมน้ำหน้า อยากฉวยโอกาสกับฉันก่อนเอง”
หญิงสาวที่กำลังกระดี๊กระด๊าด้วยความสะใจ กำลังจะก้าวเข้าไปในบ้านชั้นเดียวของตัวเอง แต่รถยนต์ยี่ห้อญี่ปุ่นราคาเกือบล้านของบิดาพุ่งเข้ามาจอดเสียก่อน หล่อนหยุดเดินเพื่อที่จะทักทายบิดา
มนตรีก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ริ้วรอยของความเครียดเกิดขึ้นบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“พ่อ เหนื่อยเหรอคะ”
คนเป็นพ่อมองหน้าบุตรสาว ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ “ก็นิดหน่อย แล้วแกกินข้าวหรือยังล่ะ”
“ยังจ้ะ เพิ่งกลับมาจากบ้านนัตตี้น่ะ”
มนตรีมองหน้าบุตรสาว
“วันๆ ลอยไปลอยมาแบบนี้ เมื่อไหร่จะคิดทำงานทำการเสียทีล่ะ หรือคิดจะให้ข้าเลี้ยงแกไปจนตายเลย”
มัทนากะพริบตามองพ่ออย่างตกใจ เพราะพ่อเป็นคนห้ามหล่อนไม่ให้ออกไปทำงานเองนี่นา
“ก็...ไหนพ่อบอกว่าให้รอตำแหน่งที่บริษัทฯ ของนายแมทธิวว่างก่อนไงจ๊ะ”
“มันไม่ทันแล้ว ตอนนี้งานอะไรก็หาทำไปก่อน”
ยิ่งฟังบิดา หล่อนก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“ทำไมพ่อดูรีบร้อนนักล่ะคะ มัทเห็นว่าเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเรื่องเงินเลย แถมพ่อยังมีเงินเก็บอีกตั้งเยอะ”
มนตรีอยากจะพูดความจริงออกมานัก แต่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวไม่สบายใจ
“อะไรมันก็เปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้นแหละ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ก็ลองหางานทำดูนะ แต่ถ้าที่บริษัทฯ มีตำแหน่งว่างเมื่อไหร่ ข้าจะฝากแกกับผู้จัดการให้”
แม้จะไม่เข้าใจบิดานัก แต่ก็พยักหน้ารับ
“ถ้าพ่อต้องการอย่างนั้นมัทก็จะทำตามคำสั่งค่ะ”
“อืม”
พ่อของหล่อนพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน หล่อนรีบก้าวตามไป
“พ่อกินข้าวกันนะ เดี๋ยวมัทรีบทำกับข้าวให้”
“แกกินไปเถอะ เดี๋ยวข้าอาบน้ำเสร็จก็จะออกไปข้างนอกเสียหน่อย อาจจะกลับค่ำๆ”
“ไปไหนคะพ่อ”
“นัดเพื่อนไว้น่ะ แกอยู่บ้านก็ล็อกประตูดีๆ ล่ะ”
ผู้เป็นบิดาพูดเสร็จก็รีบเดินตรงไปยังห้องพัก หายเข้าไปในนั้น ในขณะที่หล่อนมองตามไปด้วยความไม่เข้าใจนัก
“พ่อเป็นอะไรไปนะ ดูเครียดๆ จัง”
มัทนารีบตื่นนอนตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ เพื่อจะไปดักรอพบเมสันที่บ้านของเขา หล่อนเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้เห็นหน้าหล่อๆ และรอยยิ้มมีเมตตาของเขา แต่กลับผิดพลาดอย่างรุนแรง เมื่อคนที่หล่อนพบคนแรกก็คือ แมทธิว!
แมทธิวเดินผิวปากเข้ามาภายในห้องรับแขก เมื่อเห็นหล่อนนั่งอยู่ก็เอ่ยทักทาย
“รักษาหายแล้วเหรอ”
หล่อนตวัดตาจ้องมองคนพูด มองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“อะไรของนาย”
“อ้าว ก็หอยป่วยไม่ใช่เหรอ รักษาหายหรือยังล่ะ”
คนที่นั่งอยู่ลุกพึ่บทันควัน แก้มนวลแดงก่ำ ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับข้างใต้ผิวมีกองไฟ
“ไอ้คนปากเสีย”
แมทธิวไม่สะทกสะท้านหัวเราะร่วน “ฉันพูดอะไรผิดไปอีกล่ะเนี่ย ก็ถ้าเธอหอยไม่ป่วย แล้วจะไปให้พี่ไมค์ตรวจทำไมกันล่ะ หรือว่าจริงๆ แล้วหอยไม่ได้ป่วย แต่หอยอยากมีผัว...” เขาลากเน้นย้ำคำว่า ‘หอย’ ชัดเจนทุกครั้งที่ออกเสียงเรียกมัน
หล่อนโกรธจัดจนไฟกัลป์ลุกพึ่บทั่วตัว “ไอ้คนหยาบคาย ไอ้คนไม่มีสกุลรุนชาติ ไอ้...”
“นี่ๆ เธอ...ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันสกุลเดียวกับพี่ไมค์ ผู้ชายที่เธอวิ่งไล่จับอยู่น่ะ”
“ไอ้...” หล่อนมองเขาอย่างเดือดดาล คิดคำด่าที่คู่ควรกับผู้ชายปากร้ายคนนี้ไม่ออก “ไอ้...ผู้ชายหยาบคาย ไอ้...คนบ้า ไอ้...”
“พอเถอะ...ด่าไปก็เหนื่อยเปล่า เพราะฉันไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอพูดสักนิด”
“ถ้านายไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ฉันด่า แล้วนายเป็นอะไรล่ะ ผู้ชายที่แอบจับตรงนั้นผู้หญิง เรียกว่าอะไร เทพบุตรว่างั้นเถอะ?!” หล่อนมองเขาตาขุ่น และประชดเสียงขึ้นจมูก
แมทธิวไหวไหล่กว้างน้อยๆ อย่างไม่แยแส “น่าจะใช่ เพราะสาวๆ ทุกคนเรียกฉันว่าเทพบุตร”
“โอ้...พระเจ้า งั้นตอนนี้ฉันก็คงขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ใช่ไหม ถึงได้มาเจอเทพบุตรสุดเลวอย่างนายได้น่ะ”
คนตัวโตอมยิ้ม ดวงตาจ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา ขณะก้าวเท้าเข้ามาหยุดใกล้ๆ
กลิ่นหอมเซ็กซี่พุ่งทะลุผ่านเสื้อผ้าราคาแพงของแมทธิวมาเข้าจมูกของหล่อนอย่างจัง และมันก็ทำให้หล่อนคล้ายกับถูกมนตร์สะกด สองขาอ่อนแรงจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ตอนนี้เขา...ผู้ชายที่หล่อนตะโกนว่าเกลียดนักเกลียดหนา ยืนอยู่ห่างจากร่างของหล่อนเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งฟุต และสายตาของเขาก็จับจ้องมองมาตลอดเวลา
หัวใจของหล่อนเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง จนหล่อนต้องเบิกตาค้างเติ่งตกใจกับปฏิกิริยาของมัน
นี่หล่อน...ทำไมจะต้องรู้สึกเหมือนหัวใจจะกระโดดออกมานอกอกแบบนี้ด้วย แต่ยามมองใกล้ๆ แบบนี้ แมทธิวก็หล่อ...หล่อเหลาไม่ได้ต่างอะไรไปจากเมสันเลยแม้แต่น้อย
แวบหนึ่งในหัวคิดแบบนั้น ก่อนจะรีบเตะโด่งความคิดน่าสะอิดสะเอียนนั้นออกไปจากสมองอย่างรวดเร็ว
“ตรงนี้ไม่ใช่สวรรค์...”
สายตาของผู้ชายตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไป สีน้ำเงินเข้มในดวงตาคมกริบถูกสีทองร้อนแรงของเปลวเพลิงแทรกแซงจนไม่เหลือเค้าสีเดิม
“แต่ถ้าอยากขึ้นสวรรค์...ฉันช่วยเธอได้นะ สวรรค์ชั้นเจ็ด ใต้ร่างของฉันน่ะ”
ความหมายจากประโยคของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวได้สติ หล่อนสลัดศีรษะแรงๆ จนเส้นผมสีดำขลับยาวสลวยกระจัดกระจาย และกำลังจะก้าวถอยหลังหนี แต่มือใหญ่คว้าแผ่นหลังบอบบางเอาไว้เสียก่อน
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่ขึ้นสวรรค์กับฉันก่อนสิ”
“ไอ้...ไอ้คนบ้า...เอามือสกปรกออกไปจากตัวของฉันเดี๋ยวนี้นะ”
หล่อนแหวเป็นประโยคยาวเฟื้อย แต่น้ำเสียงนั้นช่างอ่อนแรงเหลือเกิน คงเป็นเพราะกำลังเมากับเสน่ห์ของแมทธิวอยู่นั่นเอง
แมทธิวอมยิ้ม โน้มศีรษะต่ำลงมาหา
มัทนาเบิกตากว้างตกใจ แก้มนวลแดงก่ำ “นาย...นายจะทำอะไรน่ะ”
เขาอมยิ้มอีกครั้งจนเห็นลักยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก “แล้วเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ”
“จูบ...งั้นเหรอ”
ดวงตาคมกริบจับจ้องไม่ห่าง หล่อนหัวใจเต้นแรงไม่หยุด และก็เม้มปากเป็นเส้นตรง พร้อมกับหลับตาช้าๆ
หล่อนต่อสู้เขาไม่ได้ ก็ต้องยอมให้แมทธิวจูบใช่ไหม
“หลับตาทำบ้าอะไรแม่คุ้ณ ฉันไม่ได้คิดจะจูบเธอสักหน่อย”
แล้วเขาก็ปล่อยมือจากแผ่นหลังของหล่อน พร้อมกับถอยออกห่าง หล่อนที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่ล้มลงก้นกระแทกกับพื้น