ความแค้นถ้ายังไม่ได้ดับมันก็จะเผาไหม้หัวใจอยู่อย่างนั้นจนอยู่ไม่เป็นสุข ดังนั้นมัทนาที่แค้นเคืองแมทธิวจนล้นอก จึงตัดสินใจเอาคืนชายหนุ่มในวันเดียวกันเลย
หล่อนให้ดลกรขับรถมาส่งที่หน้าบริษัทของแมทธิว จากนั้นก็ให้เพื่อนรักไปจอดรถอยู่อีกฝั่งของถนน รอให้หล่อนปฏิบัติภารกิจสำคัญให้เสร็จ จะได้กลับไปฉลองพร้อมกัน
เพราะคลุกคลีกับหนุ่มๆ มาเลซาสโซมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้หล่อนจดจำได้หมดว่าใครขับรถคันไหน หล่อนก้าวเข้ามายังบริเวณที่จอดรถสำหรับผู้บริหาร ซึ่งแน่นอนว่าในสถานที่นี้ไม่มีผู้คน เพราะหล่อนรอจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุดนี้ไปห้องน้ำ จึงเล็ดลอดเข้ามา
รอยยิ้มพึงพอใจเกลื่อนใบหน้านวล เมื่อเดินมาหยุดที่ข้างรถสปอร์ตหรูคันงามของแมทธิว
“บังอาจมาจับจิ๋มฉัน...นายต้องโดนแบบนี้”
กระดาษสีขาวในมือที่เตรียมมาถูกยกขึ้นสูง ดวงตากลมโตไล่ไปตามตัวอักษรที่เป็นลายมือของตัวเองด้วยความสะใจ
‘รถคันนี้ควายขับ’
“เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับคนอย่างมัทนา รู้จักฉันน้อยไปแล้ว ไอ้คนฉวยโอกาส”
แล้วหล่อนก็เดินวนรอบรถ เพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะจัดการแปะกระดาษแผ่นนี้ลงไป และในที่สุดก็ได้จุดที่พอเหมาะพอเจาะ หล่อนจัดการติดลงไปทันที จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบกันไปมาเล็กน้อย
“ขอให้สนุกกับการขับรถนะ นายแมทธิว”
หล่อนหัวเราะสะใจ ก่อนจะรีบเดินออกไปจากลานจอดรถ แต่ระหว่างทางก็สวนเข้ากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เดินกลับมาจากทำธุระในห้องน้ำพอดี
“มาทำอะไรในนี้ครับคุณผู้หญิง”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่รู้จักหล่อนจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยและไม่ไว้ใจ
“เอ่อ...หนูมาหาพ่อน่ะค่ะ พ่อหนูชื่อมนตรี ทำงานอยู่ที่นี่ค่ะ”
คิ้วของคู่สนทนาเลิกสูงเล็กน้อย ก่อนจะร้องอ๋อออกมา “อ๋อ คุณมนตรี ผู้จัดการฝ่ายขายใช่ไหมครับ”
ความจริงไม่ใช่ แต่หล่อนพยักหน้ารับไปอย่างนั้นแหละ เพื่อที่จะได้รีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“ใช่ค่ะ คนนั้นแหละ งั้นหนูไปก่อนนะคะ”
“ครับๆ โชคดีครับ”
มัทนาเป่าปากเบาๆ อย่างโล่งอกเมื่อสามารถออกมาจากบริษัทของแมทธิวได้สำเร็จ
“เป็นไงแก สำเร็จไหม” เมื่อขึ้นรถมาได้ ดลกรก็รีบเอ่ยถาม
“สำเร็จสิยะ มือระดับนี้แล้ว” มัทนาตอบเพื่อน และรีบคาดเข็มขัดนิรภัย
“แล้วแกว่าหมอนั่นจะเห็นก่อนขับออกจากบริษัทไหมอะ ถ้าเห็นก่อน ก็ไม่อายเท่าที่ฉันต้องการน่ะสิ”
“แล้วแต่เวรแต่กรรมไงแก” ดลกรพูดและรีบหักพวงมาลัยรถให้ขึ้นมาวิ่งบนถนนอีกครั้ง
“ไหงแกพูดแบบนี้ล่ะ ฉันอยากให้หมอนั่นอายจนต้องเอาปี๊บคลุมหัวนะ”
“งั้นก็คงเป็นอย่างที่แกต้องการนั่นแหละ นี่ฉันหิวแล้ว ไปชาบูด่วนเลย” ดลกรตัดบทอย่างเบื่อหน่าย และมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารตามเสียงเรียกร้องของกระเพาะอย่างรวดเร็ว
“กลับแล้วเหรอครับคุณแมท”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทักทาย เมื่อแมทธิวเดินมาที่ลานจอดรถส่วนตัวในเวลาเกือบห้าโมงเย็น
“กลับแล้วครับ”
“เดินทางปลอดภัยนะครับ” คนพูดรีบวิ่งมาดึงประตูรถเปิดให้อย่างเอาอกเอาใจ
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมซื้อขนมมาฝาก”
“โอ๊ย...อย่าลำบากเลยครับ ขนมที่เพิ่งให้ผมไปเมื่อวันก่อนยังไม่หมดเลยครับ ขอบพระคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก เอาไปให้ลูกกิน” แมทธิวระบายยิ้ม ก้าวขึ้นรถ และขับออกไปทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองตามท้ายรถของเจ้านายไปด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ
“เป็นยามมาค่อนชีวิต ยังไม่เคยเจอเจ้านายที่ไหนใจดี แถมยังไม่ถือเนื้อถือตัวแบบคุณแมทสักคน ขอให้เจริญๆ นะครับ”
คนที่ได้รับพรขับรถออกมาตามท้องถนน มุ่งหน้าไปยังสถานบันเทิงเพราะนัดเพื่อนเอาไว้ แต่ระหว่างทางที่จอดติดไฟแดง สายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็จับจ้องมาที่เขา และรถของเขา
“ก็รู้นะว่าหล่อมาก แต่ไม่ต้องมองจ้องกันขนาดนี้ก็ได้”
ชายหนุ่มพึมพำในลำคออย่างภาคภูมิใจ พลางหลิ่วตาให้กับสาวสวยนางหนึ่งที่พยายามจะกลั้นหัวเราะเอาไว้
“ให้ผมไปส่งไหมครับคนสวย” เขาลดกระจกแล้วก็ตะโกนออกไป
“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ” เจ้าหล่อนยกมือขึ้นปิดปากแล้วก็หัวเราะออกมาจนตัวโยน
เขาเริ่มแปลกใจ เพราะเท่าที่สังเกต คนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่น่าจะมองเขาด้วยความชื่นชมเสียแล้ว มองแล้วหัวเราะแบบนี้มันเหมือนกับ...กำลังขบขัน
“หัวเราะอะไรกันขนาดนั้นวะ นี่หน้าเหมือนแจ๊ส ชวนชื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เขาบ่นอย่างหงุดหงิด แล้วก็มีเด็กขายพวงมาลัยวิ่งเข้ามาหา พร้อมกับเคาะกระจกรถ
“พี่สุดหล่อครับ ซื้อพวงมาลัยผมสักพวงสิครับ”
ความจริงไม่มีความคิดอยากได้พวงมาลัยดอกไม้สดในตอนนี้เลย แต่ที่ซื้อก็เพราะสงสาร
“พี่เอาหมดนั่นแหละ ใส่ถุงมาเลย”
แล้วเขาก็หยิบแบงก์พันส่งให้กับเด็กชายตัวมอมแมมที่ยืนข้างรถ
“ขอบคุณครับพี่”
“ไม่เป็นไร”
เขากำลังจะเลื่อนกระจกรถขึ้น แต่เด็กชายขายพวงมาลัยเอ่ยถามขึ้นเสียก่อน
“พี่ๆ พี่ชื่อควายเหรอครับ”
แมทธิวหน้ายุ่งทันควัน
“เฮ้ย...ไอ้เด็กนี่ ช่วยอุดหนุนแล้วยังจะมาพูดจาไม่ดีอีก เดี๋ยวเอาตังค์คืนเลย”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ว่าพี่ แต่ผมเห็น...”
“อะไร”
“มีคนแปะกระดาษไว้ที่รถพี่น่ะครับ นั่นน่ะ” เขาหันคอตะแคงมองแล้วก็มองไม่เห็น
“กระดาษอะไรเหรอ พี่ไม่เห็นเลย”
“งั้นผมแกะให้ดูไหมครับ”
“อืม เอามาดูซิ”
แล้วเด็กขายพวงมาลัยก็เดินไปดึงกระดาษสีขาวมายื่นให้ตรงหน้า “นี่ไงครับ กระดาษที่ติดอยู่ข้างรถพี่”
แมทธิวถอนหายใจเบาๆ อย่างเบื่อหน่าย ขณะหยิบกระดาษที่เด็กขายพวงมาลัยส่งมาให้
“กระดาษอะไร...”
เขาพูดได้แค่นั้นก็ช็อกตาตั้ง แล้วก็รู้ทันทีเลยว่าทำไมสายตาของทุกคนถึงได้จ้องมาที่เขาแล้วหัวเราะขบขัน
‘รถคันนี้ควายขับ’
“ใครมันเล่นอะไรพิเรนทร์แบบนี้วะ!”
“ผมไม่รู้ครับ”
เด็กขายพวงมาลัยตอบ และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี
“ขอบใจมากนะไอ้หนู เอานี่...อีกพัน เอาไปกินขนม แล้วก็ฝากกระดาษนี่ไปเผาด้วย”
“ครับๆ ได้เลยครับ”
เด็กขายพวงมาลัยยิ้มร่าอย่างดีใจ ซึ่งช่างตรงกันข้ามกับคนที่กำลังบังคับรถให้เคลื่อนไปข้างหน้าเหลือเกิน
“ยัยเด็กนรก!”
ทำไมเขาจะจำลายมือแบบนี้ไม่ได้ ในเมื่อเขาเคยเป็นคนช่วยสอนการบ้านมัทนามาก่อน
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ทุกพยางค์เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความเดือดดาลสุดขีด กรามแกร่งขบกันแน่นจนขึ้นสันนูน