6

1138 Words
ชายหนุ่มขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน ตั้งใจจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นิสัยของพรนับพันที่พลอยพรรณบอกตนว่า ขี้เกียจสันหลังยาว อยู่บ้านก็อยู่เฉยๆ ไม่คิดจะเข้าไปช่วยงานในบริษัท หรือหางานที่ตัวเองชอบ ได้แต่นั่งๆ นอนๆ แทบจะไม่หยิบจับอะไรเลย แม้แต่กางเกงในก็ยังไม่ซักเอง ม้วนเป็นเลขแปดอยู่ในตะกร้าผ้า จนบางครั้งเธอทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายนำมันไปซักแทน พีรภัทรจึงไม่บอกให้ทุกคนรู้ว่า วันนี้เขาจะกลับมาบ้าน และไม่ให้สาวใช้เข้าไปทำความสะอาด เพราะอยากเห็นด้วยตาตัวเองว่า ห้องจะรกมากแค่ไหน เขาจะได้หาเรื่องต่อว่าพรนับพันได้เต็มปาก          ผิดคาด...          วินาทีแรกที่เปิดประตูห้องแล้วก้าวเข้าไป เขาไม่เห็นความสกปรกสักนิดเดียว ที่เห็นคือความสะอาดสะอ้านของห้อง ที่นอนไม่ได้ยับยู่ยี่ ผ้าห่มกองไว้ไม่มีการพับ มันตรงกันข้าว ผ้าปูที่นอนเรียบตึง ผ้าห่มถูกพับอย่างมีระเบียบ บนพื้นห้องไม่มีเสื้อผ้ากองไว้ มองไปยังตะกร้าใส่เสื้อผ้าที่ใช้แล้วก็ไม่มีเสื้อผ้าสักตัว กางเกงในรูปเลขแปดก็ไม่มีให้เห็นเช่นกัน          ความที่มองพรนับพันในทางที่ไม่ดี พีรภัทรคิดว่าที่ห้องไม่เป็นไปตามคาดคิดเพราะวันนี้พรนับพันคงสั่งน้อมหรือต่ายขึ้นมาทำความสะอาด รวมทั้งซักเสื้อผ้าและชุดชั้นใน เขาจึงเดินไปยังตู้เสื้อฝั่งซ้ายมือ ซึ่งเป็นฝั่งที่มีเสื้อผ้าของพรนับพันแขวนและวางอยู่เผื่อจะได้เจอเสื้อผ้าที่จับยัดเข้าตู้          แล้วมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่พีรภัทรคิด เสื้อผ้าของพรนับพันที่เขาเห็นมีไม่ถึงสิบชุด และแต่ละชุดก็ค่อนข้างเก่า ราวกับว่าใช้มานานเป็นปี เขาฉุกใจคิดว่า หากพรนับพันฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเก่งตามที่พลอยพรรณว่ามา อีกทั้งยังได้เงินจากสมสมรมาสามล้าน เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของพรนับพันต้องเยอะกว่านี้แน่นอน เขาจึงหันไปมองโต๊ะเครื่องแป้งที่มีขวดน้ำหอม เจลใส่ผม ครีมทาหน้าและบำรุงผิวซึ่งเป็นของเขาทั้งสิ้น ไม่มีของผู้หญิงสักชิ้นเดียว ก่อนหันกลับไปมองเสื้อผ้าของเธออีกครั้ง หรือว่าพรนับพันกำลังแสดงละครน้ำเน่าให้เขาเห็นว่า เธอไม่ได้เป็นตามคำบอกเล่าของพลอยพรรณ ทำให้ตัวเองน่าสงสาร          “ผู้หญิงอะไร เสแสร้งเก่งชะมัด” เขาพูดขณะปิดประตูเสื้อผ้า แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นพรนับพันยืนอยู่ด้านหลังประตูเสื้อผ้า          “พี่พีกลับบ้านแล้วหรือคะ” พรนับพันยิ้มให้สามี ทว่าอีกฝ่ายกลับมองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร          “เห็นอยู่ยังจะถาม โง่หรือแกล้งโง่กันแน่เนี่ย” คนถูกต่อว่าหุบยิ้ม ความสร้อยเศร้าปรากฏอยู่ในนัยน์ตา “หลีกไป ฉันจะหยิบเสื้อผ้า ร้อนอยากอาบน้ำ”          “หมิวหยิบให้นะคะ” มือเล็กกำลังยกขึ้นจับประตูเสื้อผ้า ทว่าก็ต้องระงับโดยพลัน เมื่อเสียงดุๆ ของเขาตวาดลั่น          “ไม่ต้อง” พรนับพันสะดุ้ง “ฉันไม่อยากให้เสนียดตัวเธอติดเสื้อผ้าฉัน”          พรนับพันเกิดความเจ็บปวดตรงหัวใจกับความเกลียดชังอันเปิดเผยทั้งน้ำเสียง ท่าทางและแววตาของพีรภัทร น้ำตาเธอหยดไหลลงมาทันควัน มองตามร่างหนาที่เดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความร้าวรานใจ          หญิงสาวเดินออกจากห้องทั้งน้ำตา เธอรู้ว่าครอบครัวพีรภัทรเกลียดตน ไม่อยากให้อยู่ร่วมบ้านด้วย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะนำพาตัวเองไปอยู่ที่ใด บ้านที่เคยอาศัยตั้งแต่เกิดก็กลับไปไม่ได้ บ้านหลังนั้นปิดตายสำหรับเธอแล้ว จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เงินก็ไม่มีมากพอจะจ่ายค่าเช่า ค่าล่วงหน้าที่ต้องจ่ายอย่างน้อยห้าพันบาท แล้วก็ต้องมีเงินก้อนหนึ่งเพื่อดำรงชีวิต ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวพรนับพันมีเงินเพียงหนึ่งพันบาท          พรนับพันเดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างต้นไม้ใหญ่ริมสนามหญ้าเพราะในบ้านคงไม่มีที่ให้เธออยู่ เธอปล่อยความเสียใจเป็นน้ำตา นั่งย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีตก็ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวด แล้วมีความคิดหนึ่งเข้ามาในหัวว่า เธอจะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้ หญิงสาวรับไม่ไหวกับความเกลียดชังที่นับวันจะยิ่งทวีคูณ ป้ายปิดประกาศรับสมัครงานพนักงานเสิร์ฟวุฒิม.3 คือความหวังของพรนับพัน ที่จะทำให้เธอมีเงินย้ายตัวเองออกจากบ้านหลังนี้ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามลำพังคนเดียว          อาหารเย็นถูกลำเลียงตั้งบนโต๊ะ วันนี้กนกวรรณกำหนดเมนูอาหารด้วยตัวเอง เป็นอาหารไทยที่ครอบครัวน้องชายสามีโปรดปราน ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มดอกแค กินคู่กับปลาสลิด ปลากะพงนึ่งมะนาว แกงจืดกระดูกหมูอ่อน ผัดผักรวมมิตร ยำวุ้นเส้นทะเล และกุ้งกระเทียมพริกไทย ทว่าพอถึงเวลาตั้งโต๊ะ กลับมีเมนูอาหารเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง นั่นคือแกงรัญจวน          “แกงรัญจวนหรือนี่ ไม่ได้กินนานมากแล้วนะ แค่ได้กลิ่นน้ำลายก็สอแล้ว” กิ่งแก้ว ภรรยานพิพัฒน์น้องชายพัฒนาเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น ก่อนตักแบ่งใส่ถ้วยแล้วชิม “อร่อยมากเลยค่ะพี่วรรณ”          “แม่ครัวที่นี่ฝีมือดีนี่จ้ะ ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ เลยนะ” กนกวรรณหน้าบาน ทุกคนจึงลงมือกินมื้อเย็นที่ดูเหมือนว่า ทุกคนจะเจริญอาหาร กินอาหารไปด้วยพูดคุยกันไปด้วย พีรภัทรที่ไม่ได้กินอาหารฝีมือป้าก้อยนานเป็นเดือน พอได้กินรู้สึกได้ถึงความอร่อย เขากินถึงสองจาน “เป็นไงพี่พี ไม่ได้กลับมากินข้าวที่บ้านเดือนนึง พอได้กินกินทีสองจานเลยนะ” ภาษิตแซวพี่ชาย “ก็มันอร่อยนี่ อร่อยทุกอย่างเลย” พีรภัทรยอมรับแต่โดยดี “ว่าแต่ฉัน แกก็กินสองจานเหมือนกันแหละน่า” “พี่น่ะพลาดของเด็ดมื้อเช้าด้วยนะ ตอนป้าก้อยไม่สบาย น้อมกับต่ายช่วยกันทำอาหารเช้าดูสูตรจากยูทูป ไม่น่าเชื่อนะว่า ทำครั้งแรกจะอร่อยเหาะ ผมยังจำเมนูได้ดีข้าวต้มกุ้งพิโรธ ไข่กระทะก็อร่อย ข้ามต้มกระดูกหมูอ่อนยิ่งอร่อย” ถ้าไม่ได้ชิมด้วยตนเอง ภาษิตก็ไม่อยากเชื่อว่าสองสาวใช้จะทำอาหารสามเมนูนั้นได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD