บทที่ 4.1 แม่ตัวอย่าง

2213 Words
บทที่ 4.1 แม่ตัวอย่าง “เจ้าเด็กไม่มีพ่อ แกกล้าตีลูกฉันเหรอ วันนี้ฉันจะสั่งสอนแทนพวกพ่อแกที่ตายไปเอง” ไม่มีพ่อ คำพูดที่ออกมานี้แม้ไม่หยาบคายแต่กลับทำให้เด็กชายทั้งสองเจ็บปวดจนตัวสั่น “เขารังแกอาชุนก่อน” “แล้วอย่างไร แกทำเขาหัวแตกวันนี้ฉันก็จะตีพวกแกให้ตัวแตกเช่นกัน” สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาประกาศเสียงก้อง พร้อมกับหยิบไม้ขนาดพอดีมือง้างขึ้นหมายฟาดไปบนตัวเด็กน้อยตรงหน้า หลี่หมิงหมุนตัวหันมากอดหลี่ชุน ก่อนจะเม้มริมฝีปากกัดฟันเกร็งตัวรอรับแรงทุบตีจากสะใภ้บ้านเฉา ทุกครั้งก็เป็นเช่นนี้ เมื่อไหร่ที่ถูกรังแกพวกเขาล้วนไร้คนปกป้อง ผู้ใหญ่รอบตัวล้วนเข้าข้างเพียงลูกหลานตัวเอง ดังนั้นจึงมีเพียงพวกเขาที่ปกป้องกันและกัน ทว่าในจังหวะที่ไม้ในมือของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาฟาดลงมา ร่างของเขากลับถูกวงแขนหนึ่งโอบรัด ความเจ็บปวดที่เขาคิดว่าจะได้สัมผัสกลับแปลเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น พลั่ก! “แม่!” หลี่หมิงและหลี่ชุนเบิกตากว้างเมื่อหันมาเห็นว่าแม่ของเขาถูกสะใภ้บ้านเฉาฟาดลงมาจนเต็มแรง คิ้วเรียวขยับเข้าหากัน ก่อนที่ดวงตาหวานจะตวัดมองไปยังคนที่ลงมือด้วยสายตาเกรี้ยวกราด กล้าตีลูกๆ ของเธออย่างนั้นหรือ “เกิดอะไรขึ้น!” เสียงเข้มหนักแน่นดังขึ้น ดวงตาคมมองสามแม่ลูกที่นั่งกอดกันอยู่บนพื้นด้วยความไม่พอใจ สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาถูกสายตาคมจ้องมองมาก็รีบโยนหลักฐานในมือทิ้งก่อนจะจับลูกชายที่ใบหน้าอาบเลือดออกมายืนเบื้องหน้า “คุณถังคะ คุณดูสิเจ้าเด็กบ้านหลี่ไร้พ่อพวกนั้นตีอาอี้ของพวกเราจนหัวแตกเลยค่ะ” ถังซานตวัดสายตามองเด็กน้อยสองคนที่อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่นของหลี่ชุน หรือแม้แต่ท่าทางโกรธเกรี้ยวจนตาแดงของหลี่หมิง ทำให้เขาที่เห็นเด็กๆ เป็นดั่งลูกชายแท้รู้สึกขุ่นเคืองจนกำมือแน่น ทว่ายังไม่ทันเอ่ยปากปกป้องคนหญิงสาวที่โอบกอดเด็กชายก็ลุกขึ้นพูดเสียงก้อง “เป็นเจ้าเด็กบ้านอื่นตีลูกของฉันก่อน เขาตีกลับก็เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น” เฉินซิ่วลี่ขยับเท้าก้าวออกมาเผชิญหน้ากับผู้คนรอบตัว ถึงแม้เธอจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ไม่นาน แต่เฉินซิ่วลี่มั่นใจว่าเด็กน้อยทั้งสองไม่มีทางลงมือกับผู้อื่นอย่างไร้เหตุผลแน่นอนโดยเฉพาะหลี่หมิง เขาลงมือแบบไม่ไว้หน้าคนเช่นนี้แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องลงมือต่อเขาหนักหนาพอกันหรือไม่ก็แตะต้องน้องชายของเขา ถึงแม้เวลานี้ในใจของเฉินซิ่วลี่อยากจะพุ่งเข้าไปจัดการคนแต่ก็ยังคงไว้หน้าถังซาน สูดลมหายใจเข้าออกแล้วเอ่ยบอกเขาเสียงสั่นอย่างขุ่นเคือง “คุณถังเรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ความรับผิดชอบของคุณ หวังว่าคุณจะตัดสินอย่างยุติธรรม” คิ้วหนาของถังซานขยับเข้าหากันในทันที หญิงสาวที่วันวันเอาแต่ด่าทอทุบตีเด็กชายทั้งสองวันนี้กลับออกโรงปกป้องพวกเขาด้วยตัวเอง นี่พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไง “ตัดสินอะไรกัน เห็นๆ อยู่ว่าลูกชายของเธอทำร้ายลูกชายคนอื่น” “หากลูกชายของคุณไม่ทำร้ายพวกเขาก่อน พวกเขาจะโต้กลับหรือ” หลี่หมิงช้อนตามองแผ่นหลังที่ปกป้องเขาและน้องชายด้วยหัวใจที่สับสน มารดาไม่เอ่ยถามเรื่องราวก็ประกาศก้องออกไปอย่างมั่นใจในความบริสุทธิ์ของพวกเขา ความเชื่อใจเช่นนี้ช่างดียิ่งนัก ทว่าเมื่อเห็นรอยทางยาวบนหลังเสื้อมารดาหัวใจของเขาก็พลันเกิดความโกรธแค้น ดวงตาคมมองไปยังหญิงร่างท้วมตรงหน้าราวกับจะจดจำอีกฝ่ายเอาไว้ “เธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จะรู้อะไร พวกลูกชายของเธอมันเป็นเด็กอันธพาล” “เป็นพี่เฉาอี้ที่ทำร้ายอาชุนก่อน” หลี่หมิงได้ยินคนกล่าวหาตนเองกับน้องชายก็อดทนไม่ไหวเอ่ยบอกความผิดของอีกฝ่ายเสียงหนักแน่น ทว่าสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาไหนเลยจะยอมกล่าวโทษลูกชายของตนเอง ยังหันมาตำหนิเด็กน้อยอีกหนึ่งประโยค “ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยสอดปากเข้ามาได้อย่างไรกัน ช่างเป็นเด็กที่ไร้การอบรมจริงๆ” เฉินซิ่วลี่กำมือแน่น พยายามบอกกับตนเองว่าการใช้กำลังไม่ใช้ทางออกเธอต้องมีสติและเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กๆ ได้เห็นถึงวิธีการใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา “เมื่อครู่คุณถามฉันว่าไม่อยู่ในเหตุการณ์จะรู้อะไร เช่นนั้นก่อนหน้านี้คุณอยู่ในเหตุการณ์หรือไม่” “ฉัน...” สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาถูกหญิงตรงหน้าย้อนกลับด้วยคำพูดของตนเองก็โมโหจนคิดคำพูดโต้แย้งไม่ทัน หากตอบว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ในเหตุการณ์ เธอที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ห้ามปราบเด็กๆ จนมีเรื่องย่อมต้องถูกตำหนิ ไม่รวมถึงว่าตอนนี้เป็นเวลาทำงานอาจถูกถังซานไล่ออกจากงานได้อีกด้วย แต่หากบอกว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คำพูดของเธอก่อนหน้าก็จะย้อนเข้าตัว สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาขมวดคิ้วขบกรามพยายามหาทางโต้กลับเมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองมีเลือดอาบหน้าก็จับไหล่เล็กดันมาเบื้องหน้า “อาอี้หัวแตกเลือดอาบหน้าขนาดนี้ไม่ต้องอยู่ในเหตุการณ์ก็คาดเดาได้ว่าลูกของเธอรังแกคน” “คำก็รังแก สองคำก็ตีคน อาชุนกับอาหมิงเป็นเด็กสามขวบ เอาอายุพวกเขาสองคนรวมกันยังไม่เท่าอายุของลูกคุณเลยจะเอาอะไรไปรังแก ไปตีลูกคุณได้ แต่ลูกชายคุณสิตัวโตเสียยิ่งกว่าวัวในคอกกลับรังแกเด็กเล็กกว่า ช่างเป็นเด็กที่ได้รับการอบรมมาดีจริงๆ” คำโต้กลับเปรียบเทียบของเฉินซิ่วลี่ทำให้คนรอบๆ อดที่จะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ ในที่สุดก็มีคนที่สามารถโต้แย้งได้เท่าทันสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาเสียที “แต่... แต่อาอี้ก็ถูกตีจนหัวแตกไม่ใช่หรือ ไม่รู้ล่ะเรื่องนี้อย่างไรฉันก็ไม่ยอมนะคุณถัง” เมื่อโต้แย้งด้วยเหตุผลไม่ได้ สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาก็หันไปร้องทุกข์ต่อถังซาน ทว่าเธอมีปากร้องทุกข์ได้คนเดียวหรือไงกัน “ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน!” ถังซานขมวดคิ้วหนาเข้าหากันมากขึ้น มองคนที่ออกโรงปกป้องเด็กแฝดทั้งสองสุดกำลังด้วยความสนใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนเช่นเฉินซิ่วลี่รู้จักปกป้องเด็กๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอโต้แย้งสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาได้อย่างเท่าทัน “เธอเอาอะไรมาไม่ยอมกัน ลูกชายเธอตีคนจนเลือดอาบใครๆ ก็เห็น” “ลูกชายเธอรังแกเด็กเล็กกว่า ใครๆ ก็เห็นเช่นกัน” เมื่อพูดเช่นนี้ผู้คนรอบตัวก็พากันคล้อยตาม นิสัยชอบรังแกคนของเฉาอี้พวกเขาล้วนรู้ดี หลายครั้งพวกลูกๆ ของเขาก็ยังโดนรังแกด้วย แต่เมื่อโต้แย้งกันพวกเขาไม่เคยมีใครสู้ฝีปากของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาได้เลย สุดท้ายจึงได้แต่เก็บความแค้นนี้ไว้ในใจมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้สายตาที่มองมายังเฉาอี้กับมารดาก็เปลี่ยนจากเห็นใจเป็นดูแคลน “ก็แค่เด็กๆ เล่นกันเท่านั้นแต่ลูกเธอมันอันธพาลใช้กำลังเกินควร” คำก็อันธพาล สองคำก็อันธพาล ความอดทนของเฉินซิ่วลี่ก็ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที มือบางกำเข้าหากันแน่น แต่เพราะข้างหลังมีสายตาของเด็กน้อยจดจ้อง คำว่าแม่คือแบบอย่างที่ดีจึงค้ำคอ จำต้องข่มกลั้นโทสะของตนเองเอาไว้ “ในเมื่ออาอี้รังแกคนอื่นก่อนถูกตีกลับย่อมเป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ แต่อาหมิงการใช้ความรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะยาว ครั้งหน้าหากมีเรื่องเช่นนี้อีกลุงจะลงโทษทั้งสองคน” ถังซานที่มองเห็นว่ามารดาของเด็กๆ ใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีจึงเอ่ยไกล่เกลี่ยให้จบความ เมื่อเขาตัดสินเช่นนี้แล้วสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาที่ยังต้องพึ่งพาการทำงานในไร่ตระกูลถังก็จำต้องยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจ ถังซานหรี่ตามองท่าทางฮึดฮัดของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาอย่างไม่พอใจ หากแต่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับสตรีเช่นนี้ เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวนึกขอบคุณในความอดทนของตนเองในที่สุดก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กๆ เห็นได้ หญิงสาวย่อตัวจับไหล่ลูกชายทั้งสองมองสำรวจหาร่องรอยบาดแผลอย่างห่วงใย “เห็นแก่ที่พวกเขากำพร้าพ่อ ไร้บิดาอบรมสั่งสอน เรื่องนี้ฉันจะไม่เอาความก็แล้วกัน” สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาพูดเสียงเย้ยหยันก่อนประคองลูกชายเดินจากไป เฉินซิ่วลี่มองเห็นดวงตากลมที่ไหววูบเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำของเด็กๆ ความอดทนในใจก็ขาดลงในทันที มือนุ่มขยับวางลงบนสองแก้มของพวกเขาแล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน “อาหมิง อาชุน หลับตาลง ถ้าแม่ไม่บอกก็ห้ามลืมตาขึ้นเข้าใจไหม” “ครับ” เด็กน้อยขานรับและหลับตาลงในทันที เฉินซิ่วลี่ตวัดสายตามองไปยังคนด้านหลังก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น ก้มลงหยิบท่อนไม้ที่ถูกโยนทิ้งเมื่อครู่มาถือ แล้วง้างแขนขึ้นกำลังฟาดลงไปบนแผ่นหลังตรงหน้าถึงสองทีรวด ในเมื่อจะตีคืนก็ต้องตีให้ได้กำไร “โอ๊ย! โอ๊ย!” หญิงร่างท้วมถูกตีแบบไม่ทันตั้งตัวก็เสียหลักล้มลงไปในทันที เด็กชายที่เลือดอาบหน้าตกใจเบิกตากว้างขึ้นมา เขาเคยเห็นแต่แม่ตีคนอื่น นี่นับเป็นครั้งแรกที่แม่ของเขาถูกคนอื่นตี “เฉินซิ่วลี่ หญิงสารเลวแกกล้าตีฉันเหรอ” “หึ! ก่อนหน้านี้คุณตีฉัน ฉันตีคืนก็ถือว่าหายกันไม่ใช่หรือ” เฉินซิ่วลี่โยนไม้ในมือทิ้ง หมุนตัวเดินกลับไปหาลูกชาย ทว่าสะใภ้ใหญ่บ้านเฉานั้นไม่ใช่คนยอมคน เมื่อเห็นเฉินซิ่วลี่เผลอก็ลุกขึ้นหมายตีคืน “หยุดนะ!” พลั่ก! ถังซานที่ร้องห้ามเบิกตากว้างมองภาพสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบ ไม่ทันพูดอะไร คนที่เมื่อครู่กำลังจะถูกตีจากด้านหลังก็สาวเท้าขึ้นไปคร่อมตัวคน ง้างแขนฟาดมือลงบนใบหน้าอีกฝ่ายไปถึงสองครั้ง ในจังหวะที่สะใภ้บ้านเฉากำลังจะสวนคืนถังซานก็รีบสาวเท้าเข้ามาใช้วงแขนหนาสอดรัดเอวบางยกตัวคนขึ้นด้วยมือข้างเดียว "เฉินซิ่วลี่ หยุดได้แล้ว" เสียงเข้มดุคนที่ดิ้นไปมาในอ้อมแขนก่อนจะหันไปตวาดอีกคนที่กำลังลุกเดินเข้ามา “สะใภ้ใหญ่บ้านเฉา คุณก็พอได้แล้ว!” "ฉันไม่พอ แกนางเฉินซิ่วลี่ วันนี้ฉันจะตบสั่งสอนแกให้หนัก” สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาที่ผมเผ้าหลุดลุ่ยใบหน้าบวมเป่ง พุ่งตัวเข้ามาหาคนอย่างโกรธแค้น ถังซานปล่อยคนในวงแขนลงยืนขยับตัวมาด้านหน้ายืนคั่นระหว่างผู้หญิงทั้งสอง ทว่าไม่ทันได้เอ่ยห้ามร่างของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาก็ล้มลงไปอีกครั้ง “ห้ามทำแม่ผมนะ” เป็นหลี่หมิงที่วิ่งเข้ามาผลักคนจนล้มลง ขณะที่หลี่ชุนหยุดยืนขวางอยู่เบื้องหน้าถังซาน “ไอ้เด็กไร้พ่อ แกกล้าผลักฉันเหรอวันนี้ฉันจะตีพวกแกกับแม่ให้ตายเลย” “ถ้าคุณกล้าก็ลองดู!” ถังซานก้าวเท้ามาเบื้องหน้าเด็กน้อยทั้งสอง หางตามองดูสามแม่ลูกด้านหลังด้วยความห่วงใย ก่อนจะตวัดแววตาแข็งกร้าวจ้องมองไปยังคนเบื้องหน้า “สะใภ้ใหญ่บ้านเฉา เผื่อคุณจะยังไม่รู้ อาหมิงกับอาชุนคือลูกบุญธรรมของผมที่กำลังรอทำเรื่องรับเลี้ยงอย่างถูกต้อง พวกเขาไม่ใช่เด็กไร้พ่อ” “ละ... ลูกบุญธรรม” ใบหน้าของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาพลันซีดเผือดขึ้นมาในทันที ยิ่งเห็นแววตาดุดันของถังซานในใจของเธอก็เกิดความวิตกขึ้นมาเป็นทบทวี "คุณถังคะ เรื่องนี้คือฉัน..." “ต่อจากนี้ไปอย่าให้ผมเห็นคนบ้านเฉามาทำงานที่ไร่ตระกูลถังอีก” .........................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD