บทที่ 4.1
แม่ตัวอย่าง
“เจ้าเด็กไม่มีพ่อ แกกล้าตีลูกฉันเหรอ วันนี้ฉันจะสั่งสอนแทนพวกพ่อแกที่ตายไปเอง”
ไม่มีพ่อ คำพูดที่ออกมานี้แม้ไม่หยาบคายแต่กลับทำให้เด็กชายทั้งสองเจ็บปวดจนตัวสั่น
“เขารังแกอาชุนก่อน”
“แล้วอย่างไร แกทำเขาหัวแตกวันนี้ฉันก็จะตีพวกแกให้ตัวแตกเช่นกัน”
สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาประกาศเสียงก้อง พร้อมกับหยิบไม้ขนาดพอดีมือง้างขึ้นหมายฟาดไปบนตัวเด็กน้อยตรงหน้า
หลี่หมิงหมุนตัวหันมากอดหลี่ชุน ก่อนจะเม้มริมฝีปากกัดฟันเกร็งตัวรอรับแรงทุบตีจากสะใภ้บ้านเฉา ทุกครั้งก็เป็นเช่นนี้ เมื่อไหร่ที่ถูกรังแกพวกเขาล้วนไร้คนปกป้อง ผู้ใหญ่รอบตัวล้วนเข้าข้างเพียงลูกหลานตัวเอง ดังนั้นจึงมีเพียงพวกเขาที่ปกป้องกันและกัน
ทว่าในจังหวะที่ไม้ในมือของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาฟาดลงมา ร่างของเขากลับถูกวงแขนหนึ่งโอบรัด ความเจ็บปวดที่เขาคิดว่าจะได้สัมผัสกลับแปลเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น
พลั่ก! “แม่!”
หลี่หมิงและหลี่ชุนเบิกตากว้างเมื่อหันมาเห็นว่าแม่ของเขาถูกสะใภ้บ้านเฉาฟาดลงมาจนเต็มแรง คิ้วเรียวขยับเข้าหากัน ก่อนที่ดวงตาหวานจะตวัดมองไปยังคนที่ลงมือด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
กล้าตีลูกๆ ของเธออย่างนั้นหรือ
“เกิดอะไรขึ้น!”
เสียงเข้มหนักแน่นดังขึ้น ดวงตาคมมองสามแม่ลูกที่นั่งกอดกันอยู่บนพื้นด้วยความไม่พอใจ สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาถูกสายตาคมจ้องมองมาก็รีบโยนหลักฐานในมือทิ้งก่อนจะจับลูกชายที่ใบหน้าอาบเลือดออกมายืนเบื้องหน้า
“คุณถังคะ คุณดูสิเจ้าเด็กบ้านหลี่ไร้พ่อพวกนั้นตีอาอี้ของพวกเราจนหัวแตกเลยค่ะ”
ถังซานตวัดสายตามองเด็กน้อยสองคนที่อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่นของหลี่ชุน หรือแม้แต่ท่าทางโกรธเกรี้ยวจนตาแดงของหลี่หมิง ทำให้เขาที่เห็นเด็กๆ เป็นดั่งลูกชายแท้รู้สึกขุ่นเคืองจนกำมือแน่น ทว่ายังไม่ทันเอ่ยปากปกป้องคนหญิงสาวที่โอบกอดเด็กชายก็ลุกขึ้นพูดเสียงก้อง
“เป็นเจ้าเด็กบ้านอื่นตีลูกของฉันก่อน เขาตีกลับก็เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น”
เฉินซิ่วลี่ขยับเท้าก้าวออกมาเผชิญหน้ากับผู้คนรอบตัว ถึงแม้เธอจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ไม่นาน แต่เฉินซิ่วลี่มั่นใจว่าเด็กน้อยทั้งสองไม่มีทางลงมือกับผู้อื่นอย่างไร้เหตุผลแน่นอนโดยเฉพาะหลี่หมิง เขาลงมือแบบไม่ไว้หน้าคนเช่นนี้แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องลงมือต่อเขาหนักหนาพอกันหรือไม่ก็แตะต้องน้องชายของเขา
ถึงแม้เวลานี้ในใจของเฉินซิ่วลี่อยากจะพุ่งเข้าไปจัดการคนแต่ก็ยังคงไว้หน้าถังซาน สูดลมหายใจเข้าออกแล้วเอ่ยบอกเขาเสียงสั่นอย่างขุ่นเคือง
“คุณถังเรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ความรับผิดชอบของคุณ หวังว่าคุณจะตัดสินอย่างยุติธรรม”
คิ้วหนาของถังซานขยับเข้าหากันในทันที หญิงสาวที่วันวันเอาแต่ด่าทอทุบตีเด็กชายทั้งสองวันนี้กลับออกโรงปกป้องพวกเขาด้วยตัวเอง นี่พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไง
“ตัดสินอะไรกัน เห็นๆ อยู่ว่าลูกชายของเธอทำร้ายลูกชายคนอื่น”
“หากลูกชายของคุณไม่ทำร้ายพวกเขาก่อน พวกเขาจะโต้กลับหรือ”
หลี่หมิงช้อนตามองแผ่นหลังที่ปกป้องเขาและน้องชายด้วยหัวใจที่สับสน มารดาไม่เอ่ยถามเรื่องราวก็ประกาศก้องออกไปอย่างมั่นใจในความบริสุทธิ์ของพวกเขา ความเชื่อใจเช่นนี้ช่างดียิ่งนัก ทว่าเมื่อเห็นรอยทางยาวบนหลังเสื้อมารดาหัวใจของเขาก็พลันเกิดความโกรธแค้น ดวงตาคมมองไปยังหญิงร่างท้วมตรงหน้าราวกับจะจดจำอีกฝ่ายเอาไว้
“เธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จะรู้อะไร พวกลูกชายของเธอมันเป็นเด็กอันธพาล”
“เป็นพี่เฉาอี้ที่ทำร้ายอาชุนก่อน”
หลี่หมิงได้ยินคนกล่าวหาตนเองกับน้องชายก็อดทนไม่ไหวเอ่ยบอกความผิดของอีกฝ่ายเสียงหนักแน่น ทว่าสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาไหนเลยจะยอมกล่าวโทษลูกชายของตนเอง ยังหันมาตำหนิเด็กน้อยอีกหนึ่งประโยค
“ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยสอดปากเข้ามาได้อย่างไรกัน ช่างเป็นเด็กที่ไร้การอบรมจริงๆ”
เฉินซิ่วลี่กำมือแน่น พยายามบอกกับตนเองว่าการใช้กำลังไม่ใช้ทางออกเธอต้องมีสติและเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กๆ ได้เห็นถึงวิธีการใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา
“เมื่อครู่คุณถามฉันว่าไม่อยู่ในเหตุการณ์จะรู้อะไร เช่นนั้นก่อนหน้านี้คุณอยู่ในเหตุการณ์หรือไม่”
“ฉัน...”
สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาถูกหญิงตรงหน้าย้อนกลับด้วยคำพูดของตนเองก็โมโหจนคิดคำพูดโต้แย้งไม่ทัน หากตอบว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ในเหตุการณ์ เธอที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ห้ามปราบเด็กๆ จนมีเรื่องย่อมต้องถูกตำหนิ ไม่รวมถึงว่าตอนนี้เป็นเวลาทำงานอาจถูกถังซานไล่ออกจากงานได้อีกด้วย แต่หากบอกว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คำพูดของเธอก่อนหน้าก็จะย้อนเข้าตัว สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาขมวดคิ้วขบกรามพยายามหาทางโต้กลับเมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองมีเลือดอาบหน้าก็จับไหล่เล็กดันมาเบื้องหน้า
“อาอี้หัวแตกเลือดอาบหน้าขนาดนี้ไม่ต้องอยู่ในเหตุการณ์ก็คาดเดาได้ว่าลูกของเธอรังแกคน”
“คำก็รังแก สองคำก็ตีคน อาชุนกับอาหมิงเป็นเด็กสามขวบ เอาอายุพวกเขาสองคนรวมกันยังไม่เท่าอายุของลูกคุณเลยจะเอาอะไรไปรังแก ไปตีลูกคุณได้ แต่ลูกชายคุณสิตัวโตเสียยิ่งกว่าวัวในคอกกลับรังแกเด็กเล็กกว่า ช่างเป็นเด็กที่ได้รับการอบรมมาดีจริงๆ”
คำโต้กลับเปรียบเทียบของเฉินซิ่วลี่ทำให้คนรอบๆ อดที่จะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ ในที่สุดก็มีคนที่สามารถโต้แย้งได้เท่าทันสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาเสียที
“แต่... แต่อาอี้ก็ถูกตีจนหัวแตกไม่ใช่หรือ ไม่รู้ล่ะเรื่องนี้อย่างไรฉันก็ไม่ยอมนะคุณถัง”
เมื่อโต้แย้งด้วยเหตุผลไม่ได้ สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาก็หันไปร้องทุกข์ต่อถังซาน ทว่าเธอมีปากร้องทุกข์ได้คนเดียวหรือไงกัน
“ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน!”
ถังซานขมวดคิ้วหนาเข้าหากันมากขึ้น มองคนที่ออกโรงปกป้องเด็กแฝดทั้งสองสุดกำลังด้วยความสนใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนเช่นเฉินซิ่วลี่รู้จักปกป้องเด็กๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอโต้แย้งสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาได้อย่างเท่าทัน
“เธอเอาอะไรมาไม่ยอมกัน ลูกชายเธอตีคนจนเลือดอาบใครๆ ก็เห็น”
“ลูกชายเธอรังแกเด็กเล็กกว่า ใครๆ ก็เห็นเช่นกัน”
เมื่อพูดเช่นนี้ผู้คนรอบตัวก็พากันคล้อยตาม นิสัยชอบรังแกคนของเฉาอี้พวกเขาล้วนรู้ดี หลายครั้งพวกลูกๆ ของเขาก็ยังโดนรังแกด้วย แต่เมื่อโต้แย้งกันพวกเขาไม่เคยมีใครสู้ฝีปากของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาได้เลย สุดท้ายจึงได้แต่เก็บความแค้นนี้ไว้ในใจมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้สายตาที่มองมายังเฉาอี้กับมารดาก็เปลี่ยนจากเห็นใจเป็นดูแคลน
“ก็แค่เด็กๆ เล่นกันเท่านั้นแต่ลูกเธอมันอันธพาลใช้กำลังเกินควร”
คำก็อันธพาล สองคำก็อันธพาล ความอดทนของเฉินซิ่วลี่ก็ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที มือบางกำเข้าหากันแน่น แต่เพราะข้างหลังมีสายตาของเด็กน้อยจดจ้อง คำว่าแม่คือแบบอย่างที่ดีจึงค้ำคอ จำต้องข่มกลั้นโทสะของตนเองเอาไว้
“ในเมื่ออาอี้รังแกคนอื่นก่อนถูกตีกลับย่อมเป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ แต่อาหมิงการใช้ความรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหาในระยะยาว ครั้งหน้าหากมีเรื่องเช่นนี้อีกลุงจะลงโทษทั้งสองคน”
ถังซานที่มองเห็นว่ามารดาของเด็กๆ ใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีจึงเอ่ยไกล่เกลี่ยให้จบความ เมื่อเขาตัดสินเช่นนี้แล้วสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาที่ยังต้องพึ่งพาการทำงานในไร่ตระกูลถังก็จำต้องยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจ
ถังซานหรี่ตามองท่าทางฮึดฮัดของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาอย่างไม่พอใจ หากแต่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับสตรีเช่นนี้ เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวนึกขอบคุณในความอดทนของตนเองในที่สุดก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กๆ เห็นได้ หญิงสาวย่อตัวจับไหล่ลูกชายทั้งสองมองสำรวจหาร่องรอยบาดแผลอย่างห่วงใย
“เห็นแก่ที่พวกเขากำพร้าพ่อ ไร้บิดาอบรมสั่งสอน เรื่องนี้ฉันจะไม่เอาความก็แล้วกัน”
สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาพูดเสียงเย้ยหยันก่อนประคองลูกชายเดินจากไป เฉินซิ่วลี่มองเห็นดวงตากลมที่ไหววูบเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำของเด็กๆ ความอดทนในใจก็ขาดลงในทันที มือนุ่มขยับวางลงบนสองแก้มของพวกเขาแล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“อาหมิง อาชุน หลับตาลง ถ้าแม่ไม่บอกก็ห้ามลืมตาขึ้นเข้าใจไหม”
“ครับ”
เด็กน้อยขานรับและหลับตาลงในทันที เฉินซิ่วลี่ตวัดสายตามองไปยังคนด้านหลังก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น ก้มลงหยิบท่อนไม้ที่ถูกโยนทิ้งเมื่อครู่มาถือ แล้วง้างแขนขึ้นกำลังฟาดลงไปบนแผ่นหลังตรงหน้าถึงสองทีรวด
ในเมื่อจะตีคืนก็ต้องตีให้ได้กำไร
“โอ๊ย! โอ๊ย!”
หญิงร่างท้วมถูกตีแบบไม่ทันตั้งตัวก็เสียหลักล้มลงไปในทันที เด็กชายที่เลือดอาบหน้าตกใจเบิกตากว้างขึ้นมา เขาเคยเห็นแต่แม่ตีคนอื่น นี่นับเป็นครั้งแรกที่แม่ของเขาถูกคนอื่นตี
“เฉินซิ่วลี่ หญิงสารเลวแกกล้าตีฉันเหรอ”
“หึ! ก่อนหน้านี้คุณตีฉัน ฉันตีคืนก็ถือว่าหายกันไม่ใช่หรือ”
เฉินซิ่วลี่โยนไม้ในมือทิ้ง หมุนตัวเดินกลับไปหาลูกชาย ทว่าสะใภ้ใหญ่บ้านเฉานั้นไม่ใช่คนยอมคน เมื่อเห็นเฉินซิ่วลี่เผลอก็ลุกขึ้นหมายตีคืน
“หยุดนะ!”
พลั่ก! ถังซานที่ร้องห้ามเบิกตากว้างมองภาพสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบ ไม่ทันพูดอะไร คนที่เมื่อครู่กำลังจะถูกตีจากด้านหลังก็สาวเท้าขึ้นไปคร่อมตัวคน ง้างแขนฟาดมือลงบนใบหน้าอีกฝ่ายไปถึงสองครั้ง ในจังหวะที่สะใภ้บ้านเฉากำลังจะสวนคืนถังซานก็รีบสาวเท้าเข้ามาใช้วงแขนหนาสอดรัดเอวบางยกตัวคนขึ้นด้วยมือข้างเดียว
"เฉินซิ่วลี่ หยุดได้แล้ว"
เสียงเข้มดุคนที่ดิ้นไปมาในอ้อมแขนก่อนจะหันไปตวาดอีกคนที่กำลังลุกเดินเข้ามา
“สะใภ้ใหญ่บ้านเฉา คุณก็พอได้แล้ว!”
"ฉันไม่พอ แกนางเฉินซิ่วลี่ วันนี้ฉันจะตบสั่งสอนแกให้หนัก”
สะใภ้ใหญ่บ้านเฉาที่ผมเผ้าหลุดลุ่ยใบหน้าบวมเป่ง พุ่งตัวเข้ามาหาคนอย่างโกรธแค้น ถังซานปล่อยคนในวงแขนลงยืนขยับตัวมาด้านหน้ายืนคั่นระหว่างผู้หญิงทั้งสอง ทว่าไม่ทันได้เอ่ยห้ามร่างของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาก็ล้มลงไปอีกครั้ง
“ห้ามทำแม่ผมนะ”
เป็นหลี่หมิงที่วิ่งเข้ามาผลักคนจนล้มลง ขณะที่หลี่ชุนหยุดยืนขวางอยู่เบื้องหน้าถังซาน
“ไอ้เด็กไร้พ่อ แกกล้าผลักฉันเหรอวันนี้ฉันจะตีพวกแกกับแม่ให้ตายเลย”
“ถ้าคุณกล้าก็ลองดู!”
ถังซานก้าวเท้ามาเบื้องหน้าเด็กน้อยทั้งสอง หางตามองดูสามแม่ลูกด้านหลังด้วยความห่วงใย ก่อนจะตวัดแววตาแข็งกร้าวจ้องมองไปยังคนเบื้องหน้า
“สะใภ้ใหญ่บ้านเฉา เผื่อคุณจะยังไม่รู้ อาหมิงกับอาชุนคือลูกบุญธรรมของผมที่กำลังรอทำเรื่องรับเลี้ยงอย่างถูกต้อง พวกเขาไม่ใช่เด็กไร้พ่อ”
“ละ... ลูกบุญธรรม”
ใบหน้าของสะใภ้ใหญ่บ้านเฉาพลันซีดเผือดขึ้นมาในทันที ยิ่งเห็นแววตาดุดันของถังซานในใจของเธอก็เกิดความวิตกขึ้นมาเป็นทบทวี
"คุณถังคะ เรื่องนี้คือฉัน..."
“ต่อจากนี้ไปอย่าให้ผมเห็นคนบ้านเฉามาทำงานที่ไร่ตระกูลถังอีก”
.........................................