EP.03 คู่กัด คู่แค้น

1820 Words
EP.03 ในเวลานั้นรถสองคันได้เลี้ยวเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งด้วยความรีบเร่ง รังสิยาหัวเสียอย่างหนักเมื่อรถของเธอเฉี่ยวชนเข้ากับรถอีกคันที่เลี้ยวเข้ามาเช่นเดียวกัน รังสิยาก้าวเท้าลงจากรถด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดเพราะตัวเองกำลังรีบแต่ดันเจออุบัติเหตุ “นี่คุณคะ ขับรถยังไงถึงได้เข้ามาเฉี่ยวรถของดิฉันได้” หญิงสาวเปิดฉากต่อว่าขณะที่คู่กรณีก้าวลงจากรถด้วยอารมณ์เดือดไม่แพ้กัน ต่อเมื่อเห็นเป็นผู้หญิงเขาจึงเปิดยิ้มกล่าวขอโทษ “ผมขอโทษจริงๆ ครับ ที่ขับรถไม่ทันระวัง…คือผมรีบครับ” “นายรีบฉันก็รีบเหมือนกันนะ ทำไมไม่ดูบ้างล่ะยะ” หญิงสาวยังอารมณ์เดือดเหมือนเดิมเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้เธอกลับไม่ชอบขี้หน้าของเขาเอาเสียเลย “ผมขอโทษอีกครั้งเลยเอ้า ว่าแต่คุณจะเรียกค่าเสียหายเท่าไรล่ะ” ชายหนุ่มเปิดยิ้ม ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าตัวเองไม่ผิดชายหนุ่มก็ยังยินดีชดใช้ให้ ตรงข้ามกับหญิงสาวที่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาตลอดเวลาเพราะคิดว่าเธอเป็นฝ่ายที่ถูกอย่างเดียว “งั้นเราค่อยติดต่อกันทีหลัง เอานามบัตรของนายมาฉันจะติดต่อไปเอง” เธอเหวใส่เขาเสียงเข้ม เหมันต์คลี่ยิ้มออกมากับท่าทีของหญิงสาวก่อนจะล้วงเอานามบัตรออกมาจากกระเป๋าส่งมอบให้กับเธอ รังสิยารีบเอื้อมมือไปคว้าเอาแผ่นกระดาษแผ่นนั้นมากำเอาไว้แล้วกระทืบเท้าไปยังรถแล้วขับจากไปในที่สุด รถที่ทะยานผ่านหน้าของเขาไป ทำให้ชายหนุ่มมองตามอย่างนึกขัน “อะไรจะรีบปานนั้นเล่าแม่คู้ณ” เมื่อประตูเปิดออกรังสิยาที่นั่งรออยู่ในนั้นก็มีอันต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางรีบร้อนทะลึ่งตัวเข้ามา “ขอโทษครับพอดี...” เขากลืนคำต่อมาลงคอไป เมื่อสายตาเห็นหญิงสาวคนเดิมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อได้พบกับเธออีกครั้งหนึ่ง “เจอกันอีกแล้วนะครับ” “นี่นาย!!” หล่อนเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ก้าวเข้ามาในห้องคือบุคคลคนเดียวกับที่หล่อนเพิ่งเจอเมื่อสักครู่ที่หน้าโรงแรม “สวัสดีนะครับ คุณรังสิยาใช่ไหมครับ” “จะให้แนะนำตัวแบบเต็มยศไหมล่ะ รู้แล้วจะถามอีกทำไม” หญิงสาวเอ่ยประชด พร้อมกับจิกสายตามองอีตาขี้เก็กไม่วางรู้ทั้งรู้ว่าคนที่นัดตัวเป็นใคร ชื่ออะไรยังจะมีหน้ามาถามอีก "ไม่ต้องก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไหนล่ะครับ แบบแปลนก่อสร้างที่พวกคุณจะให้ผมทำ" "อ่ะนี่ บอสของฉันต้องการสร้างสำนักงานแห่งใหม่ในทำเลตรงนี้ คุณคงจะรู้นะคะว่าควรจะทำยังไงบ้าง" รังสิยาอธิบายพร้อมกับชี้นิ้วไปตรงแผนที่ที่ถูกกางออกและวางอยู่ถัดจากแฟ้มแบบแปลนก่อสร้าง ขณะที่เหมันต์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองกิริยาการอธิบายของหญิงสาวด้วยความรู้สึกชนิดหนึ่งที่มันจู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาจนเขารู้สึกชาวาบไปทั่วร่างกาย "บริษัทของเราเป็นบริษัทของเอกชน คุณคงจะรู้นะคะว่าเรื่องทำเลที่ตั้งมันเป็นเรื่องสำคัญมาก อีกทั้งระยะเวลาอีกที่ทางเราจะเข้มงวดกับเรื่องนี้เหมือนกัน ระยะเวลาของเราที่กำหนดมาในนี้ปีครึ่ง ฉันจะขอถามคุณก่อนว่าคุณจะพอรับได้ไหม" "ก็พอได้ครับ ว่าแต่ผมยังไม่เห็นที่ตั้งเลย คุณช่วยพาผมไปดูที่นั่นได้ไหมครับ" เขาพยายามส่งยิ้มให้กับเธอหมายสร้างความเป็นมิตร "ได้ งั้นไปตอนนี้เลยนะเพราะตอนบ่ายฉันไม่ว่าง" รังสิยาว่าแล้วลุกขึ้นและเดินนำไปยังลานจอดรถ เหมันต์อาสาให้เธอไปกับรถของเขาเพราะจะสะดวกกว่าหากแต่รังสิยากลับปฏิเสธ "อย่าดีกว่า ฉันรู้สึกไม่ไว้ใจคุณ คุณขับรถตามฉันมาดีกว่านะ" "โธ่คุณ จะร่วมงานกันแล้วยังไม่ไว้ใจกันอีกหรือครับ ไปรถผมเถอะ คุณจะได้ไม่เปลืองน้ำมันด้วยไง" “ไม่ได้ ถึงจะร่วมงานกัน แต่คุณก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันอยู่ดี” “หน้าผมเหมือนคนร้ายหรือยังไง คุณถึงไม่ไว้ใจกัน” เขาแสร้งตีหน้าเศร้าแล้วว่าต่อ “เฮ้อ...วาสนาของนายเหมันต์ช่างน้อยนัก กะจะเป็นสุภาพบุรุษกลับถูกคนมองว่าเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ โธ่เอ้ย...เราไม่น่าเกิดมาเป็นคนดีเลย” รังสิยามองพ่อหนุ่มหล่อตรงหน้าที่ทำท่าจะรำพึงรำพันถึงวาสนาของตนเองอย่างนึกหมั่นไส้ ดูก็รู้ว่าอีตานี่เสแสร้งแสดงท่าทางให้น่าสงสาร แต่ในเมื่อคนจะร่วมงานกันแล้ว การไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันถือว่าไม่เป็นคุณสมบัติของการติดต่อประสานงาน เกิดอีตานี่คิดอยากจะแกล้งเธอ โพสต์ประจานบนโลกโซเซียลเน็ตเวิร์กว่าเธอเป็นคนประเภทหยิ่งจองหอง จะร่วมงานกันแล้วยังจะมาตั้งแง่ต่อกันอีก คนอื่นเขาที่ไม่รู้จะพาลว่าเธอเอา ดีไม่ดีเรื่องไปถึงเจ้านายของเธอ มีหวังเธอซวยแน่รังสิยา “พอเลย หยุดรำพึงรำพันวาสนาต่ำต้อยของนายได้แล้ว เอาเป็นว่าเพื่อสงเคราะห์บุคคลยากไร้ในวาสนาและเพื่อจะไม่ให้เป็นที่ครหาว่าฉันหยิ่งจนไม่คิดอยากจะนั่งรถไปกับคู่ธุรกิจอย่างนาย ฉันจะไปกับนายก็ได้” “แค่นั้นแหละครับ เชิญครับ” พ่อหนุ่มนักแสดงเปลี่ยนท่าทางเป็นลิงโลดในทันที เขารี่ตรงไปยังรถแล้วเปิดประตูในฝั่งตรงข้ามคนขับแล้วทำท่าเชื้อเชิญอย่างน่าหมั่นไส้ที่สุดในชีวิตของหญิงสาว “วันนี้ผมโชคดีเหลือเกิน มีตุ๊กตาแสนสวยมานั่งประดับรถด้วย” “ตุ๊กตาอะไร” หญิงสาวมองอีกฝ่ายตาเขียว “เอากุญแจรถมา ฉันจะขับเอง” คว้ากุญแจได้ รังสิยาจึงเดินมายังฝั่งคนขับแล้วขึ้นนั่ง ขณะติดเครื่องรถ เหมันต์ยังคงยืนงงอยู่ที่เดิม จนหญิงสาวเรียกอีกครั้ง เขาจึงเข้ามานั่งในรถของตนอย่างงงๆ กระทั่งไปถึงจุดหมาย พูดคุยตกลงกันสักพักจึงเดินทางกลับ ระหว่างทางคนขับสาวหันมาทางชายหนุ่มที่นั่งยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ ซึ่งพอเจอดวงตาเขียวปัดของเธอ พ่อหนุ่มอารมณ์ดีก็ถึงกับสะดุ้งโหยง “นี่คุณ มองผมแบบนี้กะจะฆ่าชิงรถหรือยังไง” “เปล่า...” เธอเลี้ยวรถลงจอดข้างทาง ขณะเหมันต์ยิ่งแน่ใจ แม่เสือสาวคนนี้กำลังจะก่อเหตุฆาตกรรมเขาอย่างแน่นอน “คุณ...เรื่องงานก็เรียบร้อยแล้ว เรายังจะมีเรื่องอะไรให้ไม่เข้าใจกันอีกครับ ไม่เอานะ ถึงคุณจะเป็นผู้หญิง ในเมื่อจะฆ่าผม ผมสู้ไม่ถอยนะ” “อีตาบ้า...” หล่อนค้อนเขาประหลับประเหลือก “ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายเหมือนนายเสียหน่อย ฉันมีเรื่องจะตกลงกับนาย” “ตกลง ตกลงเรื่องอะไรหรือครับ” “เรื่องรถ...” “อ้อ...เรื่องนี้น่ะเอง ผมผิดเองครับ คุณจะเรียกค่าเสียหายเท่าไรก็ว่ามา” รังสิยานิ่งมองหน้าเหมันต์เนิ่นนาน ใบหน้าของเธอเรียบเฉย แม้เหมันต์จะยืนยันว่าใบหน้านี้จะน่ารัก น่าหลงใหลสำหรับเขา จนเป็นผลให้เขาคิดอยากจะพูดคุย แกล้งเย้าเธออยู่ตลอดเวลา ทว่ายามนี้ สถานการณ์แบบนี้ รังสิยาน่ากลัวเหลือเกิน เขากลัวว่าหล่อนจะดึงปืนออกมาแล้วจ่อขมับเขา ลั่นไกดับชีวิตเขาให้หายแค้นในข้อหาทำให้หล่อนหงุดหงิดเรื่องรถเมื่อตอนเช้า “ไม่เป็นไร...” นานกว่าเธอจะเอ่ยมันออกมา “จริงๆ รถของฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ของนายก็เช่นกัน เอาเป็นว่าเจ๊ากันไปก็แล้วกันนะ ขอตัว” พูดจบหล่อนก็ลงจากรถ หันไปโบกแท็กซี่ ขณะเหมันต์ตามลงมาแล้วโวยวาย “นี่คุณจะรีบไปไหน ขึ้นรถเถอะเดี๋ยวผมจะไปส่ง” “ฉันกลับเองได้ นายไปเถอะ” “ผมพาคุณมานะ ผมก็ต้องรับผิดชอบคุณ ไปเถอะครับขึ้นรถ” หล่อนยังคงดื้อดึง ขณะเวลานั้นยังไม่มีรถแท็กซี่คนไหนจอดเทียบข้าง จะมีแต่ตำรวจจราจรที่ขี่รถเข้ามาจอดพลางถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” “ขอโทษครับ พอดีภรรยากับผมเราเรื่องกันนิดหน่อย...” หันไปคว้าแขนหญิงสาวพลางลาก “ขึ้นรถเถอะคุณ ตรงนี้เป็นจุดห้ามจอดนะ” หลังจากลากรังสิยาขึ้นรถจนสำเร็จ เขาก็หันไปขอโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วขึ้นรถขับออกจากที่ในที่สุด เหมันต์เดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองหลังจากที่กลับมาส่งรังสิยาเอารถเรียบร้อย ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองเห็นเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะแล้วก็ยิ้มขบขัน ความน่ารักของเธอในยามโกรธฉายแววออกมาจนทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ความที่ได้พูดจากับเธอทำให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วภายในจิตใจของหญิงสาวอ่อนไหวแค่ไหน แต่ในเวลานั้นเขาก็หยุดความคิดไว้แค่นั้น เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาเห็นเบอร์ก็เปิดยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วกดรับสาย “หวัดดีครับพ่อ” ชายหนุ่มกรอกเสียงนุ่มทุ้มลงไปที่เครื่องโทรศัพท์ “ว่าแต่พี่คิมมาถึงหรือยังครับ” “มาถึงแล้ว” คุณรังสรรค์กรอกเสียงตอบกลับมาด้วยอารมณ์ที่ยินดีไม่แพ้กัน “งั้นเย็นนี้ผมจะเข้าบ้านนะครับ กะว่าจะพาพี่คิมหันต์ไปทานข้าวนอกบ้านสักมื้อ คุณพ่อกับคุณแม่จะต้องไปด้วยกันนะครับ” เขาเปิดประเด็นในการชวนบุคคลทั้งสองและพี่ชายไปทานข้าวในทันที “เออ เจ้าคิมมันบอกว่าอยากจะพบลูกอยู่เหมือนกัน” คุณรังสรรค์พูดได้แค่นั้นก็พูดตัดบทลงในที่สุดเมื่อเขาไม่อยากจะรบกวนเวลางานของบุตรชายนาน “เท่านี้ก่อนนะลูกเย็นนี้เจอกันนะ” “ครับ” เหมันต์พูดจบก็รีบลุกออกจากห้องนั้นไปในทันทีเมื่อเขาสำนึกได้ว่ายังมีงานอีกหลายอย่างที่จะต้องทำและสะสางให้เสร็จเพราะเย็นนี้มันจะเป็นเวลาที่พิเศษสำหรับครอบครัวของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD