EP.02 กลับบ้าน

2034 Words
EP.02 บ้านไพศาลสุรวุท หลังลงจากรถ เจนจิราจึงรีบวิ่งตรงดิ่งเข้ามาในบ้านด้วยหัวใจอันโหยหา บ้านหลังนี้คือบ้านที่เธอจากไปเมื่อหลายปีก่อนมันไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักน้อยนิด บ้านหลังนี้มันคือบ้านที่แสนจะอบอุ่นสำหรับเธอ ทุกครั้งที่เธออยู่ในสภาวะที่สับสนเดียวดายและคิดถึงบ้าน ภายในบ้านบิดาและมารดากำลังนั่งรอเธออยู่ หล่อนเข้าไปสวมกอดมารดาส่งมอบความอบอุ่น ความโหยหาที่เธอต้องการจากมารดาอยู่ตลอดเวลา “ใจคอจะกอดแม่คนเดียวหรือเจนนี่ แล้วพ่อละ” คุณบัญชา ไพศาลสุรวุทเอ่ยถามบุตรสาวพลางยิ้ม “คุณพ่อก็ เดี๋ยวก่อนสิค่ะเจนนี่ขอกอดคุณแม่ให้หายชื่นใจก่อน” หญิงสาวหันมาบอกบิดาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ใบหน้างามยิ้มรับอย่างเก๋ไก๋ “ชื่นใจแม่จริงๆ” คุณจันทราหอมแก้มบุตรสาวฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง ขณะที่เจนจิราเปิดยิ้มท่าทางดีใจ “แม่ก็ หนูจั๊กจี๋นะคะ ไม่เอาดีกว่าเจนนี่ไปกอดคุณพ่อ เดี๋ยวคุณพ่อจะน้อยใจ” เธอผละจากมารดาและตรงเข้ามาสวมกอดบิดาอย่างแสนรัก คุณบัญชาโอบกอดเจ้าหมูตัวน้อยในสายตาของเขาแล้วหัวเราะร่วน "เจ้าหมูน้อยของพ่อดูผอมไปเยอะเลยนะ" “หนูค่ะคุณพ่อ ตอนนี้เจนนี่ไม่ใช่หมูแล้ว” หญิงสาวหอมแก้มบิดาเป็นการใหญ่อารมณ์เดือดที่มีตอนลงจากเครื่องเหือดหายไปเสียหมด “หนูก็หนู เอไม่ใช่เปลี่ยนบุคลิกอย่างเดียวนะ ใบหน้าของลูกยังสวยขึ้นด้วย สวยเหมือนแม่เมื่อตอนยังสาวเลย” คุณบัญชาไม่วายหยอดคำหวานให้ภรรยาต้องอายม้วนไปอีกคน “หนูก็ต้องสวยเหมือนแม่สิคะ จะให้สวยเหมือนใครอีก” “เออลูก” ผู้เป็นบิดาเริ่มเปิดประเด็นเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เมื่อกี้ตอนที่โทรมาลูกหงุดหงิดอะไร นายดำไม่ไปรับตรงเวลาหรือ” เมื่อนึกมาถึงตอนนี้หญิงสาวจึงมีใบหน้าที่เข้มจัด ใบหน้าของอีตานั่นผุดขึ้นมาในความคิดให้เธอต้องรำคาญอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ เจนนี่แค่มีเรื่องนิดหน่อยเอง” “มีเรื่อง! เรื่องอะไรหรือลูก” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เป็นเรื่องไร้สาระน่ะค่ะ หนูจัดการเรียบร้อยแล้ว” หล่อนนึกถึงตอนที่เธอเหยียบเท้าชายคนนั้นจนอีกฝ่ายแสดงความเจ็บปวดออกมาทางใบหน้า “แน่นะลูก” “ค่ะ คุณพ่อ ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” “เอาล่ะ ลูกมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะนะ เดี๋ยวค่อยลงมาทานข้าวกับพ่อและแม่นะ” ภายในห้องของเจนจิรา หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนราบกับพื้นเตียงอันหนานุ่มอย่างสุขสม เธอผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความสุขใจพร้อมกับสายตาที่มองไล่ไปทั่วห้องอย่างคุ้นเคย ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง หญิงสาวคิดถึงความหลังที่อบอุ่น และคิดถึงคนรอบข้างที่เธอรักและคุ้นเคยก่อนที่รายชื่อของใครคนหนึ่งจะผุดขึ้นมาในสมอง เธอจึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดต่อสายหาคนๆ นั้นในทันที “สวัสดีค่ะ” เสียงจากปลายสายหวานแหววจนทำให้หญิงสาวอมยิ้มออกมาได้ “คุณรังสิยาใช่ไหมคะ” เจนจิราแกล้งเย้าเพื่อนสาวด้วยการดัดเสียง ขณะที่ปลายสายตอบกลับมาด้วยคำถามอย่างแปลกใจ “ใช่ค่ะ ดิฉันรังสิยา มีอะไรหรือเปล่าคะ” “แหม จำฉันไม่ได้หรือไงยายสิ” หญิงสาวเปิดเสียงหัวเราะเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนไม่ได้ “ยัยเจนนี่ นั่นเธอจริงๆ หรือ มาถึงเมืองไทยแล้วหรือจ๊ะ” “อืม ว่าแต่ฉันสมควรจะงอนเธอไหมนะที่ดันจำเสียงเพื่อนสนิทคนนี้ไม่ได้” “ฉันขอโทษจริงๆ พอดีวันนี้ทั้งวันรับโทรศัพท์จนยุ่งไปหมด ฉันก็นึกว่าเธอเป็นลูกค้าเสียอีก” “เอาเป็นว่าเย็นนี้เจอกันดีกว่านะ ฉันมีเรื่องจะเมาส์กับเธออยู่หลายเรื่องเลย คิดถึงมากด้วย” “โอเคจ้ะ เดี๋ยวเย็นๆ ฉันจะเข้าไปหานะ” เจนจิราเอ่ยบอกเพื่อนสาวก่อนจะวางสายลง นำโทรศัพท์ไปวางไว้ที่หัวเตียงหญิงสาวก็แหงนมองเพดานอย่างสุขใจ “เฮ้อ...กลับบ้านซะทีนะยัยเจนนี่ กลับสู่รังหลังนี้ของเธอเสียที” หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ตลอดเวลาที่อยู่ต่างประเทศเธอไม่เคยสุขใจเท่าอยู่ที่บ้านเลยสักนิด เก๋งคันงามเลี้ยวเข้ามาภายในบ้านสินทราปณาวุธ ตัวบ้านเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่โต ตั้งอยู่ภายในเนื้อที่มากกว่า 10 ไร่ มีบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าบ้าน บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเหล่าไม้พุ่มไม้ประดับที่ถูกจัดเรียงเป็นพุ่มและถูกดัดให้เป็นรูปทรงต่างๆ เหล่าไม้ดอกต่างก็บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมโชยระรื่นจมูก ประตูรถถูกเปิดออกโดยชายคนขับรถที่รีบกุลีกุจอเข้ามาเปิดประตูให้ จากนั้นชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก็ก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย คนรับใช้สาวคนหนึ่งรีบเข้ามาตรงนั้นเพื่อรายงานด้วยท่าทียิ้มแย้ม “คุณคิมหันต์คะ ตอนนี้คุณท่านทั้งสองรออยู่ด้านในแล้วค่ะ” เขาพยักหน้าเป็นการรับทราบก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน ภายในห้องรับแขก คุณรังสรรค์ประมุขของบ้านและภรรยาต่างรีบลุกขึ้นเมื่อเห็นบุตรชายเดินเข้ามา “เป็นยังไงบ้างลูก กลับจากเมืองนอกคราวนี้ดูสดใสขึ้นนะ” คุณรังสรรค์เปิดยิ้มกว้างไม่แพ้ภรรยา “สวัสดีครับ คุณพ่อคุณแม่” ชายหนุ่มเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าของผู้มีพระคุณทั้งสองก่อนจะก้มลงกราบ “ลูกแม่ แม่คิดถึงแทบแย่ไหนเข้ามาใกล้ๆ แม่หน่อยสิลูก” คุณกันทิมาประคองบุตรชายให้ลุกขึ้น แล้วให้มานั่งใกล้ๆ กับหล่อน “ลำบากไหมลูกอยู่ที่โน่น” ผู้เป็นมารดามิวายถามอย่างห่วงใย ขณะที่ชายหนุ่มเปิดยิ้มไม่ซีเรียสกับคำถามเหล่านั้น “โธ่คุณแม่ครับ ผมโตแล้วนะครับ และที่ผ่านมาผมก็ดูแลตัวเองได้จนรอดกลับมาแบบนี้ คุณแม่จะเป็นห่วงผมไปทำไมอีก” “เปล่าหรอกจ๊ะ ลูกรู้ไหมตั้งแต่ลูกจากแม่กับพ่อไป แม่คิดถึงลูกแทบแย่” “เอ้อ...คิมหันต์” คุณรังสรรค์มองบุตรชายคนโตแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ครับคุณพ่อ” “ปีนี้พ่อคงจะต้องวางมือเสียที ลูกคงพร้อมแล้วนะที่จะเข้าไปบริหารงานในบริษัทของเรา” ประมุขของบ้านเปิดประเด็นในการส่งมอบงานให้กับบุตรชายเข้าไปบริหารงานแทนเขา ไม่แน่ถ้าให้คนหนุ่มเข้าไปบริหาร บริษัทของเขาอาจจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะคนที่เรียนจบจากเมืองนอกอย่างคิมหันต์ ที่ผ่านมาชายหนุ่มปฏิเสธถึงข้อเสนอนี้ แต่เวลานี้เขาพร้อมแล้ว พร้อมที่จะเข้าไปสานต่องานของบิดา “ได้ครับ ผมเคยบอกคุณพ่อแล้วนะครับว่าถ้าผมกลับมาจากนอกมาเมื่อไร ผมจะเข้าไปบริหารงานแทนคุณพ่อเอง เวลานี้ผมพร้อมแล้วนะครับ” ชายหนุ่มตอบตกลงด้วยสีหน้าที่หมายมั่น ดวงตาคู่คมฉายวาวโรจน์ “ดีลูก บริษัทของเราคงจะก้าวหน้าถ้าคนจบนอกอย่างลูกเข้าไปบริหารงาน” คุณรังสรรค์บอกบุตรชาย ที่ผ่านมาเขาทำมันจนเต็มอิ่มแล้วถึงเวลาที่จะต้องปล่อยวางเสียที “เอ่อคุณพ่อครับ” บุตรชายนึกอะไรขึ้นมาได้จึงถาม “เจ้าเหมละครับ ตั้งแต่ผมมายังไม่เห็นมันเลย” ชายหนุ่มถามหาน้องชายอีกคน...เหมันต์ “เจ้าเหมหรือ ตอนนี้คงอยู่ที่ทำงานนั่นแหล่ะ เห็นว่าวันนี้ไปนัดพบกับลูกค้าเลยไม่ว่างไปรับพี่ชาย” คุณรังสรรค์เอ่ยถึงบุตรชายอีกคนที่ติดงานต้องพบปะลูกค้าอยู่เป็นประจำ นานครั้งถึงได้อยู่บ้านสักวันหนึ่ง “น้องเขาบอกว่าอยากจะไปรับลูกอยู่เหมือนกัน แต่เพราะวันนี้นัดลูกค้าเอาไว้จึงไปรับไม่ได้” คุณกันทิมาช่วยเสริมกลัวว่าความสัมพันธ์ของบุตรชายคนโตกับคนเล็กจะเกิดการหมางเมินกัน หากแต่มันกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะถึงแม้คิมหันต์จะเป็นคนที่ชอบเก็บอะไรเอาไว้ในใจหากแต่สำหรับเหมันต์น้องชายของเขาแล้วชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกอิจฉาหรือเกลียดชังอะไรสักนิดถึงแม้ว่าทั้งพ่อและแม่จะมอบความรักเกือบทั้งหมดไปให้กับเหมันต์ก็ตาม “ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่เจ้าเหมได้ทำงานที่ไหนล่ะครับ” คิมหันต์เริ่มสนใจในงานของน้องชายเพราะตลอดมาเจ้าคนนี้ตอนที่เขาอยู่ในเมืองไทยมันก็ไม่เคยสนใจงานอะไร แม้กระทั่งงานในบริษัทของบิดา “งานเกี่ยวกับกิจการโรงแรมอะไรพวกนี้แหล่ะของน้าพิมายเขา” “ใช่จ้ะ เจ้าเหมมันชอบไปประจบประแจงเขานัก ดังนั้นยายพิมายจึงจัดการให้เข้าไปเป็นรองผู้จัดการ แถมยังพ่วงงานรับเหมาที่เจ้าเหมมันชอบอีกงานหนึ่ง” “โหคุณแม่ คราวนี้เจ้าเหมก็รับงานจนหัวยุ่งไปเลยสิครับ” คิมหันต์เอ่ยถึงน้องชายอย่างขบขัน คนที่ไม่เคยเอางาน และรักสนุกอย่างนายเหมันต์เนี้ยนะจะรับพ่วงงานเข้าไปถึงสองงาน เขาอยากจะรู้นักว่าถ้าน้องชายเจองานช้างแบบนี้แล้วจะเป็นยังไงบ้าง “จะไม่ให้หัวยุ่งได้ยังไงลูก อาทิตย์หนึ่งเจ้าเหมถึงจะได้เข้าบ้านสักวันหนึ่ง วันที่เหลือก็อยู่ข้างนอกเป็นส่วนใหญ่” “ตลกจริงๆ นะครับคุณพ่อคุณแม่ เมื่อก่อนคุณพ่อจะให้เข้าไปทำงานสบายๆ ในบริษัทของเราเจ้าเหมกลับไม่สน หาว่าต้องการหาเอง เป็นไงครับเจอแบบนี้รับเละเลย” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาได้ในที่สุด ขณะที่ทั้งสองบิดาและมารดาก็พลันยิ้ม จริงอย่างที่คิมหันต์ว่า เมื่อก่อนบุตรชายคนรองไม่ขอรับงานอะไรของบริษัท แต่พอได้งานทั้งทีก็ต้องเจอหนักแบบนี้ “อีกสองเดือนพ่อจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกและจะถือโอกาสเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทด้วยเลย ส่วนในระยะเวลาที่เหลือก็ให้ลูกพักผ่อนไปก่อนเมื่อถึงเวลานั้นจะได้เข้าไปทำงานอย่างเต็มที่” “คุณพ่อคุณแม่ครับถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ” ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้นก็ลุกขึ้นยืน ร่างสูงค้อมตัวให้กับบุคคลทั้งสองอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป ตลอดเวลาหลายปีเขาไม่เคยลืมบ้านหลังนี้เลย ห้องของเขาอยู่ที่ไหนมันก็ยังคงอยู่ที่นั่นไม่เปลี่ยนแปลง ประตูห้องถูกเปิดออกชายหนุ่มถอดชุดสูทวางลงที่เตียงพร้อมกับสำรวจไปทั่วห้องของตัวเอง ภายในห้องนี้ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ห้องนี้ถูกจัดให้อยู่ในแบบสไตล์ของเขา มันยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น สายตาของเขาสำรวจไปทั่วห้องอย่างคุ้นเคย ชายหนุ่มสาวเท้าตรงไปที่ตู้ใบหนึ่ง เปิดมันออกแล้วหยิบสิ่งหนึ่งออกมา ในมือของเขาคือกรอบรูปของชายคนหนึ่งที่มีโครงหน้าและแววตาเหมือนกับชายหนุ่มคล้ายกับแกะมาจากพิมพ์เดียวกัน จิตใจของเขารู้สึกห่อเหี่ยวและอ้างว้าง เขาค่อยๆ เอามือไปวางและลูบตรงกรอบรูปใบนั้นเบาๆ อย่างถวิลหา เขาตกอยู่ในห้วงเวลานั้นเนิ่นนาน สองตาจ้องนิ่งอยู่ที่บุคคลในภาพ พลันนั้นเปลวไฟชนิดหนึ่งก็ประทุโชกโชน หากแต่มันก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เขาก็สามารถข่มและเก็บมันเอาไว้ได้อย่างมิดชิด ก่อนจะค่อยๆ เก็บรูปใบนั้นลงในตู้เช่นเดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD