ตอนที่6. พี่ชาย

1575 Words
นางไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่กันที่นางหวังจะเป็นหญิงที่เหมาะสมเคียงข้างบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงผู้นั้น นางฝึกร่ายรำและเขียนโคลงกลอน มารดาเห็นความพยายามของนางจึงยอมให้นางเป็นผู้เชิญดอกไม้บวงสรวงเทพมังกรดิน ในเวลานั้นนางอายุสิบสอง และหลังจากนั้นซิ่นหลิง ซาโม่ และกันอี๋ก็ออกเดินทางพร้อมองครักษ์ฝาแฝดเจิ้งหู่เจิ้งไฉ ส่วนนางอยู่กับจิ่นสือ แม้บิดามีราชกิจมากมายเพียงใดก็ยังสละเวลาฝึกวรยุทธให้จิ่นสือด้วยตนเอง   ในปีที่นางอายุสิบห้าสวมเสื้อผ้างดงามดุจดอกไม้แรกแย้ม นางเพิ่งเสร็จพิธีบูชาเทพมังกรดินและขอตัวแยกกับผู้อื่นมานั่งพักในห้องของนาง นางนั่งอยู่ปลายเตียงยืดหลังตรงรอคอยการมาของใครบางคนที่นางกระซิบเรียกชื่อเขาออกไป เพราะเขาปรากฏออกมาช้าทำให้นางกระวนกระวายใจจนอ้าปากจะเรียกชื่อเขาอีกครั้ง แต่บุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงพลันมายืนอยู่เบื้องหน้าแล้ว  “พี่ชาย” นางคลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วรีบลุกขึ้นยืน แม้ตอนนี้จะอายุสิบห้าแล้ว แต่เมื่อยื่นใกล้เขานางก็ยังดูตัวเล็กไม่ต่างจากตอนที่นางห้าขวบนัก    “ข้าบอกกี่ครั้ง นามของข้ามิใช่จะให้เจ้าเรียกพร่ำเพรื่อ”  “ข้ามิได้พร่ำเพรื่อเสียหน่อย” นางย่นจมูกใส่   “เมื่อสองวันก่อนเจ้าก็เรียกข้า” เขาขมวดคิ้วแต่ใบหน้ายังเรียบนิ่งเช่นเคย   “ก็คราวนั้นไฟไหม้ที่ตลาดนี่ ข้าก็ต้องเรียกพี่ชายให้มาช่วยดับไฟสิ”   พี่ชายเป็นเทพมังกรดินผู้เป็นใหญ่ในหมู่มังกร นางก็แค่ขอให้มีฝนมาช่วยดับไฟ สิ่งที่นางทำล้วนมีเหตุผลแล้วจะเรียกว่านางเรียกเขาพร่ำเพรื่อได้อย่างไรเล่า   “แล้วคราวนี้เจ้าเรียกข้ามาเพื่อสิ่งใด” เขาแสร้งทำหน้าเบื่อหน่าย ซ่อนความรู้สึกภายใน ต่อให้นางไม่เรียกเขา เขาคอยติดตามดูแลนางเสมออยู่แล้ว  นางรีบยื่นหลังมือให้เขา ชายหนุ่มจ้องมองแต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติจึงย้ายสายตามาสบตากับดวงตาสุกใสของนาง “พี่ชายไม่เห็นรึ”  “เห็นมือของเจ้า”  “มือของข้าบวมแดงเพราะถูกผึ้งต่อย ท่านยังแกล้งทำเป็นไม่เห็นอีก” นางทำหน้างอง้ำ  “ผึ้งต่อย?”  “ก็ข้าเป็นผู้จัดดอกไม้มาบูชาเทพมังกรเลยถูกผึ้งต่อยจนมือบวมแดง พี่ชายช่วยรักษาข้าหน่อยสิ” เด็กสาวยืนยันด้วยยื่นหลังมือให้เขา     บุรุษหนุ่มอ้าปากจะโต้เถียงแล้วนึกได้ว่า เขาไม่เคยเถียงเด็กหญิงคนนี้ได้สำเร็จสักครั้ง จึงทำได้แค่ประคองมือข้างนั้นของนางขึ้นโน้มตัวลงใช้ริมฝีปากเป่าลมหายใจมังกรรักษารอยแดงเล็กๆ ที่แทบมองไม่เห็นให้นาง ดวงหน้าเล็กแดงระเรื่อ นางมักหาเรื่องให้ตัวเองเพื่อหาเหตุผลที่เรียกเขามาอยู่เบื้องหน้านางเช่นนี้   “หายเจ็บหรือไม่” เขาเงยหน้าขึ้นเอ่ยปากถาม พบดวงตาของนางจ้องมองอยู่ กลายเป็นเขาที่ต้องเบือนหน้าหนีไปเสียเอง   “พี่ชาย” ซิ่นฮวาแอบเสียดายที่เขาปล่อยมือนางทิ้งอย่างไม่ไยดี แต่รอยอุ่นยังตราตรึงหลังมือของนางอยู่ “อีกสองวันข้าจะเข้าพิธีปักปิ่นแล้วนะ”           “ฮืม”           “อีกสองวันข้าก็ไม่ใช่เด็กหญิงแล้วนะ”           “ฮืม”           “อีกสองวันข้าจะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”           “ฮืม”           “อีกสองวันข้าก็เป็นเจ้าสาวให้พี่ชายได้แล้วนะ”           “ฮืม เฮ้ย!” เขารีบหันขวับมาจ้องมองนาง แต่นางกลับมองเขาด้วยแววตาสุกใสเป็นประกายวับวาว “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา”           “ก็ข้าชอบพี่ชายนี่” นางพูดตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ รักก็บอกว่ารัก อย่างที่ท่านป้าซานม่านหวาสอนนาง แต่นางเห็นสีหน้าตระหนกตกใจของเขาแล้วก็หน้าเจื่อนไป           “หรือพี่ชายมีคนที่รักอยู่แล้ว”           “ไม่มี”           “หรือพี่ชายรังเกียจข้า”           “ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น”           “แล้วเหตุใดรับข้าเป็นเจ้าสาวมิได้”           “เจ้าเป็นมนุษย์ ข้าเป็นเทพ มิอาจครองรักหรือใช้ชีวิตร่วมกันได้”           เขาเผชิญหน้ากับนาง แต่พอเห็นแววตาปวดใจของนางแล้ว เขากลับปวดใจยิ่งกว่า           “ข้าไม่สน” นางพูดเอาแต่ใจตามประสาลูกสาวคนเดียวที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ “ขอแค่พี่ชายรักข้า ข้ารักพี่ชายก็พอแล้ว”           เห็นเขานิ่งงันไป ใบหน้าเด็กสาวจึงเหลือเพียงความหม่นหมอง           “พี่ชายเป็นเทพคงพูดปดไม่ได้สินะ”           นางสูดลมหายใจลึกรู้สึกแสบจมูกและร้อนที่ขอบตา เด็กสาวจ้องมองใบหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้า เมื่อครั้งที่ยังเด็กกว่านี้ นางเพียงแค่เห็นเขาเป็นบุรุษรูปงาม นอกจากท่านพ่อแล้วและพี่น้องผู้อื่นแล้ว เขาเป็นบุรุษคนเดียวที่ใกล้ชิดนาง ไม่ว่านางมีเรื่องใด เขาคือคนแรกที่นางคิดถึง           ก่อนนั้นเพราะเห็นดวงตาเปลี่ยวเหงาของเขา จึงหาเรื่องเรียกเขาเพื่อจะได้เห็นเขาถอนหายใจเบื่อหน่าย แสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ช่วยเหลือนางทุกคราไป นานวันเข้านางจึงรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งคือความอบอุ่นอ่อนโยนที่นางอยากเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว           นางจึงอยากเป็นเจ้าสาวของเขา           “หรือพี่ชายยังรักท่านแม่ของข้าอยู่”           ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่านางรู้ได้อย่างไรแต่เรื่องนั้นมันก็นานมากแล้ว เหลือเพียงความห่วงใยให้นางเท่านั้น บุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงอับจนซึ่งหนทางและถ้อยคำ           “อ๊ะ!”           เด็กสาวตกใจ นางไม่รู้ตัวว่ากำลังร้องไห้!           แต่ไหนแต่ไร นางเป็นคนที่มีแต่คนรักห้อมล้อมอยู่รอบกาย ไม่เคยมีเรื่องใดให้ต้องเสียใจถึงขนาดต้องหลั่งน้ำตาเช่นนี้ เด็กสาวขยับตัวถอยห่างจ้องมองเขาอย่างปวดใจ แต่เขากลับคว้าข้อมือนางไว้ ดึงนางเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าของนางให้แหงนขึ้นจ้องมองดวงตาของเขาจนสะท้อนเห็นเงาตัวเองในดวงตาของกันและกัน           “เจ้าเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าความรักคือสิ่งใด”           “ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว อีกสองวันข้าก็จะ...”           นางยังโต้เถียงเขา นางเห็นเขาโน้มหน้าลงมาจึงหลุบตาลงทันทีด้วยความเขินอาย ลมหายใจอุ่นของเขาเป่ารดดวงหน้านาง เด็กสาวรีบลืมตาขึ้นส่ายหน้าไปมา รู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรงและอ่อนยวบลงไปในวงแขนของเขาเข้าสู่ห้วงนิทราไป           หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง คราวนี้นางเอนตัวลงบนเตียง นางเปิดเผยความรู้สึกตัวเองก่อนเช่นนี้ นางหมายมั่นตั้งใจว่าจะเป็นเจ้าสาวให้เขา เขาเองก็ทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องนั้นเกิดขึ้น ในวันเกิดปีที่สิบหกปีที่แล้ว นางทวงของขวัญวันเกิดจากเขา นางขอให้เขาหลับตา นางตั้งใจเป็นฝ่ายจุมพิตเขา แต่เพราะความสูงที่ต่างกันมาก นางเขย่งจนสุดปลายเท้าก็ยังไม่ถึงริมฝีปากของเขา พลันร่างกายเสียหลักโถมเข้าใส่เขาเสียอีก แผนการขอจุมพิตเป็นของขวัญวันเกิดจึงล้มไม่เป็นท่า กระนั้นนางก็ยังไม่สิ้นหวัง ปีนี้นางหมายมั่นจะต้องทำทุกวิถีทางให้เขาเป็นของนางให้จงได้           ‘เมื่อมีของที่ชอบก็ต้องไขว่คว้ามา จะรอให้ร่วงหล่นจากฟ้าคงไม่มีวันได้ครอบครอง’           นางจำที่รองแม่ทัพซานม่านหวาพูดได้อย่างดี นางจำไม่ได้หรอกว่าวันนั้นพูดคุยเรื่องใด แต่นางสะดุดใจกับประโยคนี้ รองแม่ทัพซานเป็นหญิงที่ห้าวหาญไม่เหมือนหญิงใด แม้บางครั้งมารดาจะทักท้วงว่าไม่เหมาะสม แต่นางก็เห็นด้วย ในเมื่อบุรุษจีบสตรีได้ ไยนางจะจีบบุรุษก่อนไม่ได้เล่า           นางแอบเสาะหาหนังสือ ‘อย่างว่า’ มาศึกษาแต่ก็ยังงุนงงกับภาพที่เห็น รูปร่างของพี่ชายใหญ่โตออกป่านนั้น เกิดนอนทับนางตามรูปในหนังสือมีหวังนางต้องแบนแน่ๆ แต่ก็มีรูปที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายนั่งอยู่บนตักผู้ชาย ทว่า...มาลองนึกดู ตั้งแต่ห้าขวบนางก็นั่งตักเขาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง แถมปีนป่ายกอดคอขี่หลังอีก มิเห็นเขาจะมีท่าทางหวั่นไหวอะไรกับนางเลย           “มันต้องเห็นของจริงสักครั้งสิ” นางฝึกเล่นพิณครั้งแรกก็ยังต้องทำตามที่อาจารย์สอน หากเรื่องอย่างว่านั้น ถ้านางได้เห็นสักครั้งย่อมรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะมัดใจชายได้           ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงเป็นเหตุผลให้นางอยากไปหอนางโลม เพื่อจะได้ให้เห็นสักคราว่าเรื่องระหว่างชายหญิงเขาทำกันอย่างไร             หวังว่าซิ่นหลิงจะช่วยนางนะ ไม่สิ! นางรู้ดีว่าซิ่นหลิงต้องช่วยนางให้บรรลุแผนการในครั้งนี้!  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD