หญิงสาวร่างเล็กในชุดของบุรุษเสื้อผ้าเนื้อหยาบวิ่งหน้าตาตื่นมาจากด้านหลังของตำหนักชินอ๋อง ดวงหน้าอ่อนหวานปรากฏเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นราวกับตากฝน และเพราะนางมุดรอดรอยแยกของกำแพงด้านหลัง ทำให้เส้นผมที่เกล้ามวยเยี่ยงบุรุษนั้นหลุดลุ่ยลงมาเคลียบ่า ทว่ากลับขับเน้นความงามบนใบหน้าจิ้มลิ้มดุจหญิงสาววัยสิบเจ็ดปี
“คุณหนู ทางนี้เจ้าค่ะ”
“น้าจื่อเหยี่ยน”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเห็นบ่าวคนสนิทของมารดามายืนรอด้วยอาการ
กระสับกระส่าย นางยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งเข้าไปหา จื่อเหยี่ยนส่ายหน้าไปมาพลางยื่นมือไปหยิบเศษใบไม้ออกจากศีรษะและลูบผมให้อย่างรวดเร็ว
“ไยคุณหนูกลับมาช้านักเจ้าคะ”
“ท่านแม่ออกมาจากห้องสวดมนต์แล้วหรือ?”
“ยังเจ้าค่ะ ตอนนี้ปี้เอ๋อร์คอยดูต้นทางให้อยู่ คุณหนูรีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า”
“อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างโล่งอก ทันใดนั้นเอง นางเสียวสันหลังวาบจนไม่กล้าหันไปมองไอเย็นที่แผ่มากระทบแผ่นหลังของนาง
“ดูต้นทาง? ดีมาก ดีจริงๆ”
“ทะ...ท่านแม่”
หญิงสาวโอดครวญในใจไม่กล้าหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเยือกเย็นด้านหลัง มารดาของนางแม้มีจิตใจงดงามมีเมตตา ตั้งโรงทานทุกสิบห้าวัน ซ้ำยังสวมมนต์ไหว้พระสม่ำเสมอ ทว่ากับลูกสาวคนเดียวอย่างนาง กลับไม่เคยโอนอ่อนผ่อนปรนกฎระเบียบใดๆ ทั้งสิ้น แต่หันหลังให้แบบนี้ท่านแม่จะยิ่งโกรธหนักยิ่งขึ้น นางจึงจำใจหันกลับมา พอเห็นท่าทางโกรธขึงของมารดาก็ทำให้นางทำหน้ามุ่ย แต่ไร้แววสำนึกผิด
“ฮวาเอ๋อร์ อีกสามวันจะถึงวันบวงสรวงเทพมังกรดิน แม่ให้เจ้าอยู่ในเรือนฝึกฝนเพลงพิณและเตรียมตัวเข้าพิธีแต่เจ้ากลับหนีออกนอกตำหนัก!”
“ท่านแม่ ...ลูกรับหน้าที่เชิญดอกไม้บูชาเทพมังกรดินตั้งแต่อายุสิบสอง เรื่องเหล่านี้ต่อให้หลับตาทำลูกก็ไม่มีทางทำพลาดเด็ดขาด หรือถ้าพลาดจริงเทพมังกรดินก็ไม่มีทางโกรธลูกแน่นอน”
“ยังกล้าเถี่ยงแม่อีกรึ! เทพมังกรดินมิใช่ผู้ที่เจ้าจะล่วงเกินได้ หากไม่ใช่เพราะเทพมังกรดินเมตตาช่วยเหลือ...”
“ท่านแม่! ลูกทราบดียิ่งว่าเทพมังกรดินช่วยเหลือท่านพ่ออย่างไรและช่วยปกป้องผู้คนในตุนหวง!” นางฟังเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เกิด จดจำได้ดียิ่งนัก!
“เจ้าจดจำได้ดียิ่งแต่ไม่ปฏิบัติตามเช่นนี้ เรียกว่าไม่สำนึกในบุญคุณก็ว่าได้ เห็นทีพ่อเจ้าตามใจเจ้าเกินไปแล้ว ครั้งนี้แม่ต้องลงมือลงโทษเองเสียแล้ว”
เห็นท่าทางเอาจริงของมารดาแล้ว หญิงสาวถึงกับสะดุ้งโหยง นางหมุนตัวแล้วออกวิ่งสุดฝีเท้า
“ซิ่นฮวา!” มารดาตะโกนเรียก เห็นแผ่นหลังของลูกสาววิ่งหนีสุดชีวิต นางได้แต่ยื่นมือชี้นิ้วไปที่แผ่นหลังของนาง “เจ้ากล้าหนีแม่เรอะ!”
“ลูกไม่ได้หนี ลูกแค่เอาตัวรอดเจ้าค่ะ”
ถูกแล้ว! คนเราต้องรู้รักษาเอาตัวรอดถึงจะเรียกว่ายอดคน! นางอ่านตำรามามากแต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าเล่มไหน หญิงสาวรู้ว่ามารดาวิ่งตามไม่ทันแน่ แต่บ่าวรับใช้คนอื่นวิ่งตามแทนมารดาแล้ว ไม่ได้การ! เห็นทีว่าครั้งนี้มารดาเอาจริงเสียด้วย หญิงสาวคิดจะไปหาบิดาให้ช่วยออกหน้าแก้ตัว เอ๊ย! แก้ต่างให้นางอีกสักครั้ง อย่างน้อยอยู่ต่อหน้าบิดา มารดามักจะลงมือกับบิดาแทนเสมอ
ร่างเล็กในชุดบุรุษเนื้อผ้าหยาบกระด้าง คาดเดาว่าเวลานี้บิดาต้องทำงานอยู่ที่ห้องอักษร นางจึงใช้เส้นทางวิ่งผ่านสวนกระจ่างใจเพื่อไปให้ถึงบิดาให้เร็วที่สุด
“คุณหนู! คุณหนูหยุดเถิดเจ้าค่ะ!”
แม้ไม่มีวรยุทธ์ แต่เรื่องวิ่งหนีนั้น ใครก็ตามนางไม่ทันแน่ เสียงบ่าวไพร่ตะโกนเรียก นางเพียงเหลียวมองด้วยหางตาเห็นคนกลุ่มใหญ่วิ่งตามหลังนางมา หญิงสาวรีบเร่งฝีเท้าเพิ่มขึ้น ทว่าเมื่อวิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่ ร่างของนางก็ถูกฉุดขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนราวกับนางหายตัวได้ ใบไม้กิ่งไม้ไร้การขยับเคลื่อนไหว บ่าวไพร่ที่วิ่งตามหลังมาไกลๆ เมื่อมาถึงจุดที่คุณหนูหายตัวราวกับล่องหนได้ ต่างเหลียวมองรอบกายกันอย่างงุนงง
“คุณหนูขอรับ”
“คุณหนูเจ้าขา”
บ่าวบางคนแหงนหน้าขึ้นมองก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ เมื่อมองหน้ากันไปมาแล้วไม่ได้คำตอบก็ต่างแยกย้ายตามหาคนละทิศทางเพื่อตามหาคุณหนูผู้แสนซุกซน
“ไม่เจอกันกี่ปีเจ้าก็ยังหาเรื่องให้ท่านแม่ปวดหัวอยู่เรื่อย”
เสียงบุรุษดังขึ้นพร้อมกลั้วหัวเราะในลำคอ ข้างขวาของหญิงสาวเป็นบุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายหญิงสาว ส่วนด้านซ้ายนางนั้นคือบุตรชายของมือขวารองแม่ทัพซานม่านหวา หญิงสาวรู้สึกถึงเงาของใครอีกคนด้านหลัง ชายผู้นั้นมีเส้นผมสีอ่อนทว่าดวงตาใต้แสงตะวันนั้นมีประกายน้ำตาลเจิดจ้า
“ซิ่นหลิง กันอี๋ ซาโม่! พวกเจ้ากลับมาแล้ว!”
บุรุษหนุ่มทั้งสามคลี่ยิ้มให้หญิงสาวเพียงหนึ่ง ยังไม่ทันเอ่ยปากถามไถ่อะไร เสียงจากด้านล่างตะโกนเรียกคนข้างบน
“พวกพี่เป็นลิงกันหรือไร ลงมาคุยกันข้างล่างได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่รออยู่”
แน่นอนว่าคนที่ส่งเสียงอยู่ด้านล่างคือ ‘ซิ่นสือ’ น้องชายคนเล็กที่อายุเพียงสิบสี่ปี ทว่าท่าทางองอาจไม่แพ้พี่ชายทั้งหลายทำให้เขาฉายแววความหล่อเหลาไม่น้อย
“เจ้ามั่นใจว่าท่านแม่จะไม่ลงโทษข้าแล้วรึ” หญิงสาวเพียงคนเดียวยังคงกังวลอยู่ แต่ทำให้บุรุษที่อยู่ด้านขวามือของนางแหงนหน้าหัวเราะ
“เจ้านี่นะ กี่ปีก็ยังเหมือนเดิมจริงๆ”
“ใครจะไปเหมือนเจ้าเล่า ดูซิ! ไม่เจอกันไม่เท่าไร ไยหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้” นางยื่นมือไปแตะแก้มอีกฝ่ายเบาๆ นางจำได้ดีว่าตอนที่ยังเป็นเด็กเล็กซุกซนนั้น ทั้งสองหน้าตาเหมือนกันมาก หากสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันก็เหมือนเสียจนใครต่อใครแยกไม่ออก
“ถ้าพวกท่านไม่รีบลงมา ข้าว่าท่านแม่โกรธจริงๆ แล้วละ” ซิ่นสือส่งเสียงเตือนไปอีกครั้ง “แต่ถึงท่านแม่ลงโทษจริง พี่หญิงก็น่าจะชินแล้วนี่”
ถ้อยคำของซิ่นสือทำให้บุรุษทั้งสามหัวเราะออกมา รวมทั้งกันอี๋ที่เป็นคนพูดน้อยชอบทำหน้านิ่งไร้อารมณ์อยู่เสมอ ยามนี้เขายังอดกลั้นทนหัวเราะไม่ไหว
“ไป! พวกเราส่งนักโทษให้ท่านแม่เพื่อเอาความดีความชอบกันเถอะ!”
เป็นซิ่นหลิงที่เอ่ยขึ้นแล้วไม่รอให้หญิงสาวเตรียมใจ เขาโอบเอวเล็กของ ‘น้องสาวฝาแฝด’ แล้วกระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนใบไม้แทบไม่ขยับไหว
เมื่อทั้งสองยืนได้มั่นคงแล้ว หญิงสาวจึงได้หายใจหายคอเป็นปกติ นางเงยหน้าขึ้นมองแล้วทำท่าจะตำหนิต่อว่าที่พานางกระโดดลงมาไม่บอกกล่าวก่อน แต่เมื่อรู้ตัวนางถึงกับต้องแหงนหน้ามองอีกฝ่าย
“ทำไมเจ้าตัวสูงอย่างนี้ แล้วนี่...ไหล่ก็กว้างขึ้น แผ่นอกนี่ก็แข็งอย่างกับหินผา” นางเคาะหลังมือกับแผ่นอกของอีกฝ่ายทำเหมือนเคาะมือกับกำแพง
“ข้าเป็นบุรุษย่อมตัวสูงและแข็งแกร่งขึ้นเป็นธรรมดา แต่ดูท่าทางเจ้า...ความสามารถด้านวรยุทธคงไม่ขยับไปจากเมื่อตอนห้าขวบเสียแล้ว”
“นี่!” หญิงสาวกระทืบเท้าชี้นิ้วเรียวใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“เอาน่าพวกท่าน ประเดี๋ยวค่อยทะเลาะกันเถอะ แต่ตอนนี้พี่หญิงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เอ่อ อาบน้ำเลยก็ดี”
หญิงสาวในชุดบุรุษทำหน้างุนงงแล้วยกแขนขึ้นดมกลิ่นกายตัวเอง นางถึงกับทำหน้าแหย เพราะเกรงว่าจะกลับมาไม่ทันเวลา นางถึงกับมุดรอดรูทางหมารอดตรงกำแพงด้านหลังตำหนัก ท่าทางของนางทำให้บุรุษทั้งหมดส่งเสียงหัวเราะพรืดอย่างไม่เกรงใจ หญิงสาวหันมาขึงตาใส่แต่ดูเหมือนไม่อาจหยุดเสียงหัวเราะนั้นได้ นางจึงเชิดใบหน้าขึ้นยืดแผ่นหลังตรงแล้วเดินอย่างสง่ารีบกลับเรือนของตนเองทันที
บุรุษวัยสี่สิบห้าลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นภรรยาสุดที่รักยอมลดความโกรธเคืองในตัวลูกสาวคนเดียวลง แม้เวลานี้ภรรยาของเขาจะอายุสามสิบหกแล้วและเป็นมารดาของบุตรสามคน ทว่ายังคงใบหน้าอ่อนเยาว์และอ่อนโยนไม่ต่างจากวันวาน
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นสามี นางกลับขึงตาใส่ พาลเอาความโมโหมาลงที่ตัวผู้เป็นบิดาแทน
“เพราะท่านพี่ตามใจนางนัก นางจึงเอาแต่ใจตัวเอง ทำอะไรไม่คิดถึงผู้อื่นเลยสักนิด”
“ได้ๆ เป็นข้าที่ผิดเอง” มือใหญ่หยาบกร้านลูบไหล่ภรรยาอย่างเอาอกเอาใจ ยามนี้ไม่มีผู้อื่นอยู่ หากใครมาเห็นเข้าคงนึกไม่ถึงว่า ชินอ๋องเฟยเทียนผู้เคยได้ชื่อว่าเป็นครึ่งปีศาจในอดีตนั้น เพียงแค่เอ่ยชื่อเขาก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่ยามนี้เขาต้องเป็นฝ่ายง้องอนภรรยาที่ดุราวแม่เสือ