บทที่ 5 : นายอำเภอแห่งผาตะวัน (2)

1592 Words
ความขี้สงสัยของสาวน้อยทำให้นายอำเภอหนุ่มเกิดความรู้สึกเอ็นดู ปกติแล้วไม่มีใครอยากจะคุยเรื่องน่าเบื่อแบบนี้กันสักเท่าไหร่โดยเฉพาะวัยรุ่นสมัยนี้ แต่นั่นคงไม่ใช่กับอิงครัต เพราะดูเหมือนเธอจะอยากรู้อยากเห็นไปเสียหมด และเขาก็ไม่เบื่อที่จะเล่าให้เธอฟัง “ก็เพราะอยู่กับป่าไง ถึงต้องทำมาหากินกับป่า ชาวบ้านที่นี่แปดสิบเปอร์เซ็นทำอาชีพเกษตร หากถึงฤดูร้อนพวกเขาจะเผาไร่หมุนเวียนกำจัดวัชพืชเพื่อเตรียมหน้าดินไว้หว่านผลผลิต แต่ด้วยความประมาทหรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็อาจจะทำให้ไฟลุกลามเข้าไปในป่าจนกลายเป็นไฟป่าได้ อีกทั้งชาวบ้านส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการหาของป่า โดยเฉพาะความเชื่อที่ว่าหากไฟไหม้ป่าจะทำให้เห็ด หรือ ผักป่าบางชนิดเติบโตได้ดีในฤดูฝน เลยเป็นเหตุจูงใจสำคัญที่จะทำให้พวกเขาเผาป่าเพราะยิ่งเผามาก ก็จะยิ่งทำให้หาของป่าได้มาก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหารายได้นำมาใช้จ่ายในครัวเรือนยังไงล่ะ” “แล้วไม่มีทางไหนเลยเหรอคะที่เราจะหยุดพวกเขาไม่ให้เผาป่า” “มีสิ… ก็การลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ที่ถูกต้องไง แต่ความรู้เพียงอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมดหรอก เรายังต้องหาหนทางที่จะสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านนอกเหนือจากการหาของป่าขาย เพราะถ้ามีอาชีพอื่นมารองรับ ก็น่าจะลดปัญหาไฟป่าได้มากขึ้น” “หาหนทางสร้างรายได้” อิงครัตท้วนประโยคหนึ่งที่สะดุดหูของนายอำเภอหนุ่มเบาๆ พลางนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้ร่ำเรียนมา สาวน้อยหวังเพียงว่าวิชาการตลาดที่เธอได้ร่ำเรียนมาจะไม่สูญเปล่า เพราะเธอจะนำมาใช้กับชาวบ้านที่นี่เป็นที่แรก เพียงแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหนยังไง สองหนุ่มสาวคุยกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะขึ้นรถกลับบ้านพัก พอกลับมาถึงเสียงโทรศัพท์ในกระเป่ากางเกงของศรัณก็ดังขึ้น นายอำเภอหนุ่มเลยขอตัวคุยโทรศัพท์ ปล่อยให้สาวน้อยเข้าครัวทำอาหารตามเมนูที่ได้คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ในระหว่างที่เดินเลือกซื้อของในตลาดเมื่อเช้า ซึ่งเมนูที่ว่านั่นก็คือข้าวต้มหมูสับง่ายๆ นั่นเอง ร่างสูงสง่าเดินมาทรุดนั่งลงบนโซฟาห้องรับแขก หลังจากกดรับสายจากฐานปฏิบัติการควบคุมไฟป่า ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นภูมินทร์หัวหน้าทีมเสือไฟที่ประจำการอยู่ที่นั่น “ว่าไงไอ้ภู โทรมาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า” ศรัณกรอกเสียงลงไปตามสายด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางเอนหลังพิงกับผนังโซฟาในท่าสบายๆ เดาว่าอีกฝ่ายต้องมีเรื่องอยากคุยส่วนตัวแน่นอน ไม่อย่างนั้นภูมินทร์ไม่เลือกใช้โทรศัพท์ที่ฐานโทรมาแทนการใช้วิทยุสื่อสารแบบนี้หรอก “วันนี้นายว่างหรือเปล่า จะให้ไปช่วยดูแลชาวบ้านทำแนวกันไฟแทนที ฝากให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องแนวกันไฟด้วย พอดีฉันมีนัดกับไอ้อิทไปลาดตระเวนแถวขอบชายแดน” “นายเคยเห็นฉันว่างตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ถ้าไม่ทำตัวให้ว่างก็ไม่เคยว่างสักที” แม้จะเป็นการย้อนที่แสนจะสุดกวน แต่ก็แฝงไปด้วยความจริง เพราะงานของเขาในแต่ละวันล้นมือจนแทบจะไม่มีเวลาพัก ซึ่งเรื่องนี้เพื่อนทุกคนทราบกันดี “เอาเป็นว่าวันนี้นายทำตัวให้ว่างก็แล้วกันนะ ช่วยไปลงพื้นทำแนวกันไฟแทนหน่อย จะหอบหิ้วคุณนายของนายไปด้วยก็ได้ จะได้มีกำลังใจทำงานไง” “ถึงไม่บอกฉันก็ต้องพาเธอไปด้วยอยู่แล้ว ของรักของหวงจะปล่อยให้ห่างกายได้ไงวะ” “หมั่นไส้คนคลั่งรักแถวนี้โว้ย!” ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคุยโทรศัพท์ก็มีเสียงดังจากในห้องครัวเหมือนมีอะไรตกแตก “เพล่ง!” มือเรียวเล็กยกขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้ด้วยความตกใจ เมื่อเผลอปล่อยชามในมือร่วงหล่นลงพื้นอย่างไม่ตั้งใจ “เกิดอะไรขึ้นอิง” ศรัณหันขวับพลางตะโกนถามคนในครัวด้วยความตกใจแกมเป็นห่วง ก่อนจะรีบขอตัดสายจากเพื่อน “แค่นี้ก่อนนะไอ้ภู เรื่องแนวกันไฟเดี๋ยวฉันไปแทนเอง แต่นายช่วยแจ้งกับชาวบ้านให้ด้วยก็แล้วกัน” หลังกดวางสายก็รีบลุกขึ้นก้าวยาวๆ ตรงไปที่ห้องครัวทันที และเมื่อมาถึงก็พบว่าคนตัวเล็กกำลังยืนนิ่งอยู่กับที่ ตรงหน้ามีเศษชามกระเบื้องแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเกลื่อนเต็มพื้น “คุณทำถ้วยตกแตกเหรออิง” อิงครัตค่อยๆ หันมาสบตากับชายหนุ่มด้วยใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดพลางพยักหน้าให้หงึกๆ ขณะที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพราะกลัวจะโดนดุ “ยืนอยู่กับที่นั่นแหละ เดี๋ยวผมจะไปหาคุณเอง” พูดจบร่างสูงสง่าก็ค่อยๆ ก้าวมาหาเธอด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ช้อนร่างอรชรขึ้นมาอุ้มแล้วพาไปวางบนเคาน์เตอร์ครัวอย่างเบามือ ก่อนที่นัยน์ตาคมกริบจะกวาดมองสำรวจไปทั่วเรือนร่างงามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม” เมื่อเห็นสาวน้อยนิ่งเงียบ นายอำเภอหนุ่มก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เกรงว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำและคำถามที่แสนจะอ่อนโยนแฝงไปด้วยความห่วงใยของเขากำลังทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ “มะ…ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร” อิงครัตส่ายหน้าปฏิเสธ ขณะเดียวกันก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกอ่อนไหวที่ก่อเกิดขึ้นในใจไม่ให้หลุดพิรุธให้เขาเห็น “แต่หน้าคุณซีดๆ นะ ไม่สบายหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่ทำถ้วยแกงตกแตกก็เท่านั้นเอง” อิงครัตยืนยันเสียงหนัก พลางเบือนหน้าหลบนัยน์ตาคมกริบที่จับจองมองเธอจนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง “เอาล่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวผมจะเก็บกวาดเศษชามเอง คุณนั่งอยู่ที่นี่ก่อนนะ ไม่ต้องลงมา” ศรัณบอกแล้วก็ผละออกไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดตรงมุมหนึ่งของห้องครัวเพื่อมาจัดการกับเศษชามที่แตกกระจายอยู่เต็มพื้น ท่ามกลางสายตาคู่สวยที่มองดูการกระทำของเขาอย่างเงียบๆ อิงครัตยอมรับว่าชอบที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้มาก เท่าที่ได้สัมผัสกับศรัณ เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่น และอ่อนโยน แต่เธอไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดเขารู้ความจริงว่าเธอหลอกเขามาตลอดศรัณจะโกรธและเกลียดเธอไปเลยหรือเปล่า คิดแล้วสาวน้อยก็รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ เมื่อเห็นว่าเขาทำความสะอาดพื้นเสร็จแล้ว อิงครัตก็ขยับตัวจะกระโดดลงมาจากเคาน์เตอร์ แต่ก็ช้ากว่าคนตัวใหญ่ที่เข้ามาประชิดตัวพร้อมรั้งเอวคอดอุ้มมาวางลงพื้นอย่างเบามือ “นายอำเภอ จะทำอะไรคะ” อิงครัตเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มเดินไปหยิบหม้อใบเล็กเอาไปรองนำแล้วนำมาตั้งไฟ “ช่วยทำอาหาร” “ทำเป็นเหรอคะ ก็ไหนบอกว่าทำเป็นแค่ไข่เจียวยังไงล่ะ” “ก็อยากจะลองทำดู เผื่อว่าเสน่ห์ปลายจวักจะใช้มัดใจสาวแถวนี้ได้บ้างไง” ศรัณไม่รู้ตัวเลยว่าการพูดเล่นของเขาจะทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ชายหนุ่มลงมือทำอาหารอย่างคล่องแคล่วราวกับทำอาหารทานเองเป็นประจำ ขัดกับสิ่งที่เขาเคยบอกกับเธอเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง จนสาวน้อยต้องเผลอลอบสังเกตอาการอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ “คราวนี้ถ้าเผลอทำชามร่วงอีกจะจับทำโทษโดยการจูบหนักๆ เลยคอยดู” น้ำเสียงทุ้มห้วนที่ดังอยู่ข้างๆ ใบหูเล็ก ทำให้สาวน้อยต้องสะดุ้งโหยงหลุดจากห้วงภวังค์ความคิดแทบจะทันที ‘นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย ที่นายอำเภอขู่จะจูบฉัน’ อิงครัตพึมพำถามตัวเอง ก่อนจะรีบวางชามหมูสับในมือลงบนโต๊ะด้วยความรวดเร็ว เพราะกลัวจะทำมันร่วงหล่นพื้นอีก หลังจากทำอาหารเสร็จ ทั้งสองก็มานั่งทานอย่างเงียบๆ กระทั่งสาวน้อยเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้ “วันนี้เราจะไปไหนกันคะ นายอำเภอ” “เราจะไปทำแนวกันไฟกับชาวบ้าน” “ทำแนวกันไฟ?” “ใช่! ผาตะวันส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องทำแนวกันไฟในจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า รวมทั้งจุดที่เข้าควบคุมยากเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับไฟป่าที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง” อิงครัตพยักหน้าน้อยๆ พลางตักอาหารเข้าปาก ตั้งใจไว้ว่างจะทานให้มากกว่าทุกมื้อเพื่อที่จะเอาแรงไปช่วยทำแนวกันไฟอีกแรง …………………………………………….
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD