ตอนที่ 3 ท้าทาย 2

1292 Words
“ท่านประธานคะ ดิฉันห้ามคุณเขาแล้วค่ะ” สายตาหวาดกลัวน้ำเสียงสั่นๆ ของพนักงานข้างกายดึงสติคนเห็นฉากเด็ดกลับมาได้ พรพิชชาไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมานอกจากจับจ้องสองคนด้านหน้าเขม็งแล้วแอบลูบแขนตัวเองเบาๆ สายตาอาฆาตที่ส่งมาเธอจะทำเป็นไม่เห็นมันแล้วกัน “ไสหัวออกไปให้หมด!” ความต้องการยังอัดแน่น แต่เขาไม่มีอารมณ์ทำต่อทั้งนั้นสายตาเย็นๆ หันไปมองคู่ควงตัวเองก่อนจะกดเสียงต่ำ “ออกไป” “แต่มิน… ค่ะๆ” สายตาเรียบนิ่ง น้ำเสียงเยือกเย็นแบบนี้คงถึงคราวซวยของผู้หญิงคนนั้น พอแต่งตัวค่อนข้างจะเรียบร้อยแล้วหันมาค้อมศีรษะเล็กน้อยให้ผู้ชายข้างๆ ถึงแม้จะเสียดายแต่หล่อนทำอะไรไม่ได้ “ฉันเตือนเธอแล้วนะ” ประโยคนี้เมื่อเดินผ่านคนที่ยืนกลางห้องจึงกัดฟันพูดออกไปให้ได้ยินกันแค่สองคน “ที่บ้านไม่สอนมารยาทหรอ” พอเลขาและคู่ควงออกไปแล้ว เขาจึงสาดวาจาร้ายกาจถามคู่หมั้นที่ตนเองไม่ต้องการออกไป “แล้วที่บ้านคุณสอนให้ทำตัวแบบนี้ทั้งที่จะแต่งงานหรอคะ?” คนตัวเล็กสวนกลับไปทันควัน ตอนแลกเธอรู้สึกผิดนิดหน่อยเพราะมาทำลายบรรยากาศแบบนั้นของเขา แต่คิดไปคิดมาเธอเป็นคนที่เขากำลังจะแต่งงานด้วยมีตัวตนจับต้องได้ ไปมาหาสู่กันแต่เขาก็ยังกล้าทำแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่น เลว! “แต่งงาน?” หลังจากจัดการเสื้อผ้าตัวเองเสร็จร่างสูงก้าวไปยืนพิงโต๊ะทำงานกอดอกจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง “ผมต้องแต่งงานแน่ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่คุณแน่นอนที่ผมจะแต่งด้วย” กับเธอแล้วมันทำไมห๊า!!! “งั้นเรามาพนันกัน” มันจะมากเกินไปแล้วนะ “ผมไม่มีเวลามาทำอะไรไร้สาระ ถ้าคุณมีเวลาจริงๆ ก็ไปถอนหมั้นให้ผม” เขาเดินมาใกล้เธอเรื่อยๆ จนตอนนี้ทั้งสองคนยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่กลางห้องทำงานใหญ่ “ฉันชอบเอาชนะ” พรพิชชาว่าเสียงเรียบ มองสำรวจใบหน้าหล่อเหลาอย่างเสียดาย ‘ยิ่งคนแบบคุณฉันยิ่งอยากกำราบให้อยู่หมัด’ “หวังว่าคุณจะไม่หวั่นไหวกับผู้หญิงที่ตัวเองไล่ให้ไปถอนหมั้นหรอกนะ” “อย่ามั่นใจตัวเองไปหน่อยเลยคุณ ผมอายุมากกว่าคุณกี่ปีประสบการณ์ผมยิ่งต้องเยอะกว่า เรื่องที่คุณกำลังจะทำผมไม่ตกอยู่ในแผนนั้นของคุณง่ายๆ หรอก” เหมือนจะเป็นคำเตือน แต่ในประโยคนั้นเขากำลังอวดเบ่งว่าไม่มีทางแพ้ผู้หญิงตรงหน้า “ใช่คุณแก่” “...” ยัยบ้า! “นายกล้าพนันกับฉันหรือเปล่า สองเดือน” นิ้วเรียวสวยชูสองนิ้วขึ้นมาก่อนจะจิ้มเข้าที่อกแกร่ง “ฉันขอเวลาแค่สองเดือน” “อย่าเล่นกับไฟ” เพราะเธออาจจะเสียสิ่งที่เธอรักแล้วไม่ได้อะไรกลับไปเลย สายตาดุดันจ้องหน้าเรียวเล็กไม่วางตา “ฉันชอบอะไรที่มันปวดแสบปวดร้อนแบบนี้แหละค่ะ ถ้าไม่เข้าหาพ่อเสือจะได้ลูกเสือได้ยังไง!” พรพิชชาบากหน้าสู้ก้าวเท้าไปประชิดอกแกร่งอย่างอวดดี ในหัวเธอตอนนี้มีแต่คำว่าอยากกำราบผู้ชายตรงหน้า “ผมเตือนคุณแล้ว” ใบหน้าสวยชักสีหน้า ทำไมวันนี้มีแต่คนพูดประโยคนี้กับเธอ “สองเดือนถ้าคุณทำให้ผมหวั่นไหวไม่ได้ ก็ไปขอถอนหมั้นและอย่าโผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีก” “ดีล” รอยยิ้มร้ายๆ ที่มักจะเห็นบนใบหน้าตัวร้ายในละครหลังข่าว ผู้หญิงตรงหน้ากำลังยิ้มแบบนั้นให้เขา ‘โอ๊ย หัวจะปวด’ หลังจากได้สร้างเรื่องให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วคนที่ต้องมานั่งคิดไม่ตกก็คือเธอ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนจะต้องทำยังไงให้ผู้ชายรัก “แกมันปากปีจอ” พราวฟ้าหันมาดุเพื่อนไม่จริงจัง หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดเพื่อนเธอเองก็หัวร้อนไวไปหน่อย “แต่ฟังจากที่แกเล่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นแค่คู่ควง แบบพวกไฮโซคนรวยเขาชอบมีกัน” พรพิชชาพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันพนันกับเขาไว้แล้ว และฉันก็ไม่อยากแพ้” เพราะตอนที่เอ่ยปากท้าทายเขาเธอมั่นใจเพราะหัวร้อนจริงๆ แต่พอมาคิดๆ แล้วตัวเองทำอะไรลงไปมันก็ไม่ทันแล้ว “แกก็เสนอหน้าสวยๆ ของแกไปให้เขาเห็นทุกวัน อ่อนหวาน ซาบซ่า บอบบางแต่แข็งแกร่งแกเข้าใจป่ะ” กลยุทธ์วิธีจีบหนุ่มทำเอาพรพิชชาคิ้วกระตุก “ไม่รู้จะเริ่มจีบจากตรงไหน ถ้าแกได้ยินที่อีตานั่นพูดนะฉันคิดว่าในปากเขาน่าจะมีฝูงหมาอยู่ในนั้น” เวลาสองเดือนเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอจะแพ้หรือชนะ ฉันไม่ได้ต้องการแค่ชนะอย่างเดียวฉันต้องการทำให้เขารักฉัน ถึงวันนั้นฉันนี้แหละจะขอถอนหมั้นแบบที่เขาไม่ต้องออกปากไล่ สำหรับพราวฟ้าเธอคิดว่ามันปกติของคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง คนที่เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีและมีอีโก้ที่สูงลิ่วมักจะมั่นใจในตัวเอง ยิ่งเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยิ่งส่งเสริมความมั่นใจของคนคนนั้นได้ดี เหมือนกับใครบางคนที่เธอรู้จัก “มาทำไม” นี้คือคำทักทายแรกที่เจอกัน ใบหน้าคมเข้มเรียบตึงขึ้นมาทันทีเมื่อกลับออกมาจากห้องประชุมแล้วเจอคู่หมั้นนั่งยิ้มแป้นรออยู่ในห้อง “มาตามหาหัวใจ” พูดจบก็ยิ้มหวานๆ รับสายตาดุๆ อย่างไม่เกรงกลัว “วันแรกที่เจอกันคุณยังทำท่าทางเหมือนไม่ชอบผมนักหนา” เขาพยายามจับสังเกตสีหน้าอีกคน แต่สิ่งที่เห็นก็มีแต่หน้าตาซื่อๆ ที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องราว “คุณไม่มีสิทธิ์มาไล่ฉันเพราะวันนี้คุณปู่บอกให้ฉันมาเรียนงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อช่วยงานสามีในอนาคต” พูดไปก็อยากจะแหวะออกมาให้หมดไส้ คุณธามเลิกสนใจฉันก่อนจะหันไปคุยเรื่องงานกับผู้ช่วยหนุ่มแว่นหน้าตาดี ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตรผิดกับเจ้านายที่ทำหน้ายักษ์ตลอดเวลา ระหว่างที่เขาสองคนคุยกันฉันที่เป็นส่วนเกินของห้องอยู่แล้วยิ่งกลายเป็นส่วนเกินเข้าไปอีก “จะไปไหน” พรพิชชาเดินไปขว้าท่อนแขนแกร่งไว้ เมื่อเห็นเขาทำท่าจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับผู้ช่วย ประธานหนุ่มหันมามองบริเวณที่โดนสัมผัสก่อนจะบอกด้วยสายตาว่าให้เอามือออกไปจากแขนเขา คนตัวเล็กทำตามโดยทันทีเหมือนว่าท่าไม่เลิกจับเขาจะเผามือเธอด้วยสายตา “ไป ทำ งาน” เขาย้ำใส่หน้าอีกฝ่ายช้าๆ พร้อมกับแสดงท่าทางออกมาอย่างไม่ปกปิดว่ารำคาญ “อ้อ รอแปปนึงนะคะ ไปกันค่ะ” ผู้ช่วยหนุ่มขยับยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเตรียมพร้อมของคู่หมั้นเจ้านาย ต่างกับอีกคนเมื่อเห็นเธอเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วกลับมายืนข้างๆ แทบจะสิงเขาอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกรำคาญไปอีก “คุณพายครับ ผมแนะนำว่าอย่าไปเลยดีกว่านะครับ” ผู้ช่วยหนุ่มเตือนอย่างเป็นมิตร เพราะไม่คิดว่าสถานที่ที่เขากับท่านประธานจะไปนั้นคนตรงหน้าจะทนกับมันได้ “คุณปวริชใช่ไหมคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะฉันไหว” เมื่อเห็นรอยยิ้มแห่งความมั่นใจผู้ช่วยหนุ่มก็ไม่อยากขัด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD