EP.4

1349 Words
“เรียนจบแล้วก็มาทำงานที่บริษัทของพี่สิ” “พี่พูดจริงเหรอ พูดแล้วห้ามคืนคำเด็ดขาดนะ อีกเทอมเดียวมินก็เรียนจบแล้วค่ะ ช่วงนี้มินเรียนหนักแล้วก็ต้องทำงานส่งอาจารย์อีก เอ่อ..นี่ก็สายมากแล้วมินขอตัวกลับก่อนนะคะ” “ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจในวิชาที่เรียนก็ถามพี่ได้นะ” จัสมินเกือบลืมไปเสียสนิทว่าพี่วายุเป็นรุ่นพี่ที่คณะ เขาเป็นคนฉลาดและเรียนเก่งตอนเรียนจบยังได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาแล้ว ถ้าขอคำปรึกษาจากเขาได้ก็คงดีไม่น้อย เผลอๆ เกรดเฉลี่ยเทอมสุดท้ายของเธอก็คงออกมาดีมากแน่ๆ “จะดีเหรอคะ ช่วงนี้พี่คงจะยุ่งเรื่องงานที่บริษัท มินไม่รบกวนพี่ดีกว่าค่ะ” “ถ้าช่วงเสาร์อาทิตย์พี่ว่างนะ ถ้าเรื่องเรียนมีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามพี่ได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจหรอก” “โอเคค่ะ ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารเช้ามินนะคะ” รอยยิ้มหวานบนใบหน้าใสทำเอาอีกฝ่ายชะงักนิ่งไปเล็กน้อย พอเห็นเธอทำท่าจะลุกขึ้นยืนชายหนุ่มกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ “เดี๋ยวมะลิ!! เกือบลืมไปเลย พี่ซื้อของฝากมา เธอช่วยเข้าไปเอาของในบ้านกับพี่ได้ไหม” ชายหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือทั้งสองข้างดึงคอเสื้อยืดสีขาวขยับเข้าขยับออกเพื่อไล่ความร้อนออกจากร่างกาย วายุไม่ค่อยชินกับอากาศร้อนเท่าไหร่ “ที่จริงพี่ไม่เห็นต้องลำบากซื้อของมาฝากก็ได้ค่ะ มินเกรงใจ” เธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถึงเมื่อก่อนจะสนิทกับครอบครัวของเขาแต่มันก็เป็นเรื่องเมื่อสามปีก่อน “มะลิ เรียกแทนชื่อตัวเองว่ามะลิมันน่ารักกว่านะ” “พี่ก็รู้ว่ามินไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนั้น มันดูเชยแล้วก็ดูโบราณด้วย เรียกมินแทนได้ไหมคะ” “แต่พี่ชอบนะ มันน่ารักเหมาะกับเราดี เรียกแทนชื่อตัวเองว่ามะลิเวลาอยู่กับพี่แค่สองคนก็ได้นะ” คำพูดที่ดูเหมือนไม่คิดอะไรของชายหนุ่มแต่คนฟังกลับรู้สึกทะแม่งๆ ชอบกล มันทำให้เธออดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ “อย่าเลยค่ะ มันไม่ชินปาก” วายุไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะเป็นเขาหรอกเธอถึงยอมให้เรียกชื่อเล่นว่ามะลิ เธอไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนั้น มันทั้งเชยทั้งฟังดูโบราณเหมือนผู้หญิงไทยเรียบร้อย อ่อนหวานอะไรแบบนั้นซึ่งมันห่างไกลกับบุคลิกและนิสัยของเธออยู่มากโข กับคนแปลกหน้าหรือคนรู้จักที่ไม่สนิทเธอมักจะนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดคุยเท่าไหร่ เพราะบุคลิกนิ่งๆ คนทั่วไปเลยเข้าใจว่าเธอเป็นคนเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ จริงๆ แล้วเธอก็เป็นผู้หญิงเรียบร้อยนะ แต่เรียบร้อยเหมือนผ้ายับที่พับไว้ต่างหาก “ก็ได้ค่ะ มะลิก็มะลิ เอ่อ..ในบ้านมีพี่อยู่แค่คนเดียวเหรอคะ มันเงียบมากๆ ” ถึงจะยอมให้เขาเรียกแบบนั้นแต่เธอคงไม่เรียกแทนตัวเองว่ามะลิหรอก มันไม่ชินปากเลยสักนิด จัสมินถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางกวาดสายตาไปมองภายในห้องโถงสวยๆ ขณะเดินตามหลังชายหนุ่มขึ้นบันไดไปชั้นบน นอกจากแม่บ้านสองคนนั้นจัสมินก็ไม่เห็นใครอื่นอีก บ้านทั้งหลังเงียบเชียบเหมือนไม่มีใครอื่นอยู่เลยนอกจากเขา ไม่ได้เสียงพุดคุยหรือแม้กระทั่งเสียงอะไรเล็ดรอดออกมาให้ได้ยินเลยนอกจากเสียงพูดคุยของเธอกับเขาสองคน “ใช่ นอกจากแม่บ้านก็ไม่มีคนอื่นอีก” เธอจำได้ดีว่าห้องนั้นเป็นห้องนอนของพี่วายุ พลันหัวใจก็เต้นแรงขึ้น เธอมองดูเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนแต่ไม่กล้าเดินตามร่างสูงเข้าไป ที่รู้สึกแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกันนานรวมถึงบุคลิกที่เงียบขรึมขึ้นของอีกฝ่ายเลยทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “เข้ามาสิ” “มินรออยู่ข้างนอกดีกว่าค่ะ” “ทำไม เมื่อก่อนเธอยังเข้ามาในห้องนอนของพี่บ่อยๆ เลย” คำพูดของเขาทำเอาใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ จัสมินพยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง ขยับตัวเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา กวาดสายตามองดูห้องนอนที่กว้างขึ้นกว่าเมื่อก่อนเกือบเท่าตัว “พี่ทำห้องนอนใหม่เหรอคะ” เธอมองไปรอบๆ ห้องที่กว้างขึ้นกว่าเดิมจากที่กว้างอยู่แล้ว พอเห็นเตียงนอนขนาดใหญ่เธอก็รู้สึกกระดากอายขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ใช่ พี่ให้ช่างทุบผนังห้องนอนของนทีแล้วทำเป็นห้องทำงาน อยากได้ห้องทำงานติดห้องนอนจะได้สะดวก” ดวงตาคมเข้มมองหญิงสาวที่เดินตามเข้ามาในห้องทำงานของเขา หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องทำงาน มุมของห้องและระเบียงด้านนอกห้องอยู่ตรงกันข้ามกับห้องนอนของเธอพอดิบพอดี ถึงระยะห่างจะไกลกันพอสมควรแต่ก็มองเห็นหน้าต่างห้องนอนของเธอได้อย่างชัดเจน จู่ๆ ก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงระเบียงห้องเมื่อคืนคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา “มองอะไรอยู่” วายุยกยิ้มมุมปาก เดินเข้ามาหยุดยืนด้านหลังร่างเล็กที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาจัสมินสะดุ้งตกใจหันมามองคนตัวโตที่ยืนประชิดด้านหลังอยู่ “ปะเปล่าค่ะ ห้องทำงานของพี่สวยดีนะคะ เอ่อ..ไหนของฝากที่พี่จะให้มิน” จัสมินยิ้มเจื่อนๆ เบี่ยงตัวออกห่างจากชายหนุ่มเล็กน้อย ตอนนี้เธออยากออกไปจากห้องนี้ไวๆ “เป็นน้ำหอมกับพวกครีมทาผิวแล้วก็ขนม” จัสมินมองถุงกระดาษสีขาวสองใบใหญ่ในมือของเขาที่ยื่นส่งให้ “ขอบคุณค่ะ งั้นมินขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ สรัลน่าจะตื่นแล้ว” เธอยิ้มแก้มแทบปริเอื้อมมือออกรับของฝากอย่างดีใจ “อืม พี่ให้แม่บ้านเตรียมกับข้าวไว้ให้สรัลกับเธอด้วยนะ” วายุขยับตัวเดินตามหลังหญิงสาวที่รีบร้อนเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ท่าทีที่ดูระมัดระวังตัวเมื่อครู่ดูผ่อนคลายคล้ายโล่งใจทำให้ดวงตาคมเข้มที่มองดูอยู่เป็นประกายวูบไหวก่อนจางหายไปในเวลาต่อมา “อย่าเลยค่ะพี่วายุ แค่นี้มินก็เกรงใจพี่จะแย่แล้ว ทั้งข้าวเช้าทั้งของฝาก” เธอโบกไม้โบกมือปฏิเสธอย่างเกรงอกเกรงใจ “คนกันเองไม่ต้องเกรงใจหรอก” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบ จังหวะที่ทั้งคู่เดินลงมาถึงห้องโถงข้างล่าง แม่บ้านก็ถือปิ่นโตที่ใส่กับข้าวร้อนๆ มายืนรออยู่ก่อนแล้ว หญิงวัยกลางคนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เด็กสาวที่เดินตามหลังเจ้านายหนุ่ม วายุมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ แม่บ้านและเริ่มแนะนำตัวให้ทั้งคู่รู้จักกัน “นี่ป้าสายหยุด แม่บ้านของพี่เอง” “สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานเลย ป้าหยุดสบายดีไหมคะ” จัสมินยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงวัยกลางคน “สบายดีค่ะ หนูมินสบายดีหรือเปล่าคะ” “สบายดีค่ะป้า ไว้ว่างๆ มินจะมาคุยด้วยใหม่นะคะ มินขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอเอื้อมมือออกไปรับปิ่นโตจากป้าสายหยุดเสร็จก็ถือโอกาสพูดบอกลาคนทั้งคู่ หลังจากนั้นวายุก็เดินออกไปส่งหญิงสาวที่หน้าประตูบ้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD