ฉันยังคงดูแลนายบัลลังก์ดาราชายผู้หลงตัวเองเรื่อยมาเป็นเวลาสองเดือนกว่า วันนี้คือวันที่เขาจะได้กลับไปรักษาตัวที่บ้านเนื่องด้วยเขายังไม่ฟื้น วิญญาณของเขายังคงวนเวียนและก่อกวนทำฉันเป็นประสาทได้ดีเชียวล่ะ
ข้อดีที่มีวิญญาณของเขาเข้ามาในชีวิตคือความเหงาที่หายไป เขาเข้ามาทำให้ชีวิตที่เรียบง่ายของฉันกลายเป็นความวุ่นวาย รู้สึกตื่นตระหนกแทบทุกเวลาและที่สำคัญเขาทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเต้นกับใครมาก่อน
"เดี๋ยวเอาของของคุณพยาบาลไปไว้ในห้องที่เชื่อมต่อกับห้องตาเมฆนะ" คุณยายท่านสั่งแม่บ้านที่ดูแลภายในบ้าน
('ฉันเพิ่งจะรู้นะว่าห้องฉันมีห้องเชื่อม') ดาราชายเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกใจ
"หนูอยู่ห้องเชื่อมกับตาเมฆนะ จะได้ดูแลตาเมฆได้สะดวก ห้องเชื่อมแต่ก่อนมันไม่มีหรอก แต่พอยายรู้ว่าตาเมฆป่วยยายเลยสั่งคนมาทำห้องให้เดินหากันได้ง่าย" แล้วคุณยายก็ไขข้อสงสัยให้ฉันได้เข้าใจ โดยวิญญาณที่ตามติดฉันดั่งเงาก็ดูคลายความสงสัยลงบ้าง
"หนูอยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะคุณยาย" ฉันเป็นคนง่าย ๆ อยู่ที่ไหนก็ได้สบายมาก
('แม่คนดี อะไรก็ง่ายไปหมด') แล้วเสียงว่าแซะเหน็บแนมจากวิญญาณขี้อิจฉาก็ดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่แสนจะกวนประสาท
"อยู่ใกล้ ๆ ตาเมฆน่ะดีแล้ว ยายจะได้ไม่กังวล อยู่ที่นี่ก็ระวังคนในไว้ด้วยนะลูก อย่าไว้ใจใครเด็ดขาดที่นี่มีแต่งูพิษทั้งนั้น" คุณยายเอ่ยอีกครั้งด้วยสีหน้าและกิริยาท่าทางที่จริงจัง
('มีอะไรที่ฉันไม่รู้เหรอวะ') แล้ววิญญาณตัวป่วนก็เริ่มทำหน้าเครียดเมื่อได้ฟังประโยคนี้จากคุณยาย
"คุณยายหมายถึง..."
"คนไงลูก บางคนร้ายยิ่งกว่างูพิษอีกมั้งอย่างที่ยายเคยบอกมีลูกหลานหลายคนที่อิจฉาตาเมฆ ทั้งที่ตาเมฆไม่มีพ่อแม่คอยโอบอุ้มอย่างคนอื่นแต่ก็ไม่รู้ว่าจะอิจฉากันทำไม ดูแล้วคงจะหวังเงินมรดกนั่นแหละ แล้วที่ตาเมฆเกิดอุบัติเหตุระหว่างการถ่ายคงจะไม่พ้นการจ้างวานของคนที่ไม่หวังดี" คุณยายท่านว่า
"มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ค่ะคุณยาย อย่าคิดมากนะคะเดี๋ยวคุณยายจะป่วยไปอีกคน บางทีคุณบัลลังก์เขาอาจจะประมาทเลยทำให้เกิดอุบัติไงคะ" ฉันหาข้อหยิบยกเพื่อพูดปลอบใจหญิงชราที่ใกล้ริมฝั่ง
('อ้าว ยัยเต่านี่เธอกล้าว่าฉันประมาทเหรอ จะบอกให้นะครับว่าคนอย่างบัลลังก์ไม่มีคำว่าประมาท ทุกอย่างต้องดีต้องเป๊ะที่สุด')
'แล้วที่ออกจากร่างแบบนี้เป๊ะใช่ไหม' ปากเก่งดีนัก ดับฝันสักหน่อยเถอะ
"ขอบใจมากนะหนูดี ยายจะพยายามไม่คิดแล้วกัน เราไปดูห้องกันเผื่อมีอะไรขาดยายจะได้สั่งคนซื้อมาให้" จากนั้นคุณยายก็พาฉันเดินขึ้นชั้นบน ที่มีห้องเพียงสามห้องเท่านั้น มองออกหน้าต่างไปรอบบริเวณบ้านจะเห็นบ้านอีกสี่หลังรายเรียงรอบตัวบ้านหลังที่ฉันอยู่ ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือบ้านหลังที่ฉันอยู่ตอนนี้เป็นหลังที่ใหญ่ที่สุดซึ่งคงจะเป็นของคุณยาย ส่วนหลังที่รายล้อมคงจะเป็นของบรรดาลูกหลาน
"นี่ห้องของหนู เปิดประตูตรงนั้นหนูก็จะเดินเข้าหาตาเมฆได้เลย" คุณยายท่านชี้บอก
"หนูคงจะเอาห้องนี้ไว้เก็บข้าวของเสื้อผ้าและอาบน้ำค่ะคุณยาย หนูคิดไว้ว่าจะนอนเฝ้าคุณบัลลังก์เหมือนที่โรงพยาบาลค่ะ เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยได้ทัน" ฉันบอกกล่าวเจตนาที่ตั้งใจไว้
"ตามใจหนูเลย งั้นเราไปทานข้าวกันจากนั้นหนูจะได้มาดูแลตามะ..."
แอ๊ด ปึง!
"คุณยายสวัสดีครับ ว้าว! นี่คงเป็นคุณพยาบาลที่มาดูแลพี่เมฆใช่ไหมครับ หืม สวยนะครับ" ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องขณะที่ฉันกับคุณยายกำลังสนทนากัน เขาหน้าตาดีดูมีเสน่ห์ เขาเดินเข้ามาประชิดที่ตัวฉัน
เพี้ยะ!
"ลามปามตานนท์!" คุณยายฟาดลงที่มือหนาของชายที่เข้ามาใหม่ คือเขากำลังจะยื่นมือมาจับที่หน้าของฉัน
"โธ่คุณยาย ก็เขาสวยจริง ๆ นิครับ หน้าใส ๆ แบบไม่ต้องมีเครื่องสำอาง" ชายที่คุณยายแทนชื่อว่านนท์เอ่ยปาก
"อะ ๆ ช่างเถอะ หนูดีนี่ตาชานนท์หลานชายอีกคนของยายเป็นน้องชายต่างพ่อของตาเมฆจ้ะ"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" ฉันส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ชายตรงหน้า
"ยินดีมากกว่าครับ" น้องชายต่างแม่ของดาราชายส่งยิ้มให้ฉัน ส่วนวิญญาณข้างกายฉันเขามีใบหน้าเคร่งขรึม
('หึ ก็แค่ลูกผัวใหม่') เสียงนี้ดังขึ้นและคงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร
"นนท์มากับใครลูก แม่มาด้วยไหม" คุณยายท่านถาม
"มาคนเดียวครับ นนท์ได้ข่าวว่าพี่เมฆย้ายมารักษาตัวที่บ้าน นนท์ก็เลยแวะมาเยี่ยม พอดีว่าแม่ไม่ว่างเลยไม่ได้มา"
('ไม่ห่วงฉันมากกว่า') แล้ววิญญาณของดาราชายก็หายตัวไป เอาเข้าจริงตั้งแต่ฉันมาดูแลร่างของเขา ฉันก็ไม่เคยเห็นแม่เขามาเยี่ยมสักครั้งนะ สงสัยจะยุ่งจนไม่มีเวลา หรือไม่ก็อาจจะไม่สนใจ