ตอนที่4 ติดฝน

1448 Words
"มากันแล้วหรอจ๊ะ?" ทันใดนั้นคุณปักษิณาก็เดินออกมาต้อนรับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น พริมพิจิกายกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยความเคารพพร้อมกับพยายามปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด ด้านพ่อเลี้ยงปักษ์ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาเดินตรงเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจหญิงสาวในฐานะแขกผู้มาเยือนเลยแม้แต่น้อย "แม่ต้องขอโทษแทนปักษ์ด้วยนะลูก อย่าไปถือสาพ่อเลี้ยงเขาเลย เขาก็ชอบทำหน้าตาเคร่งขรึมแบบนี้แหละ" "ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า หนูเข้าใจค่ะ" "เรียกแม่เถอะจ้ะ อีกไม่นานก็คงจะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับลูกชายแม่แล้ว" แม้ในใจของพริมพิจิกาจะกำลังปฏิเสธคำพูดของคุณปักษิณา ทว่าหญิงสาวก็ได้แต่คลี่ยิ้มและพยักหน้ารับไปด้วยความนอบน้อม "ค่ะคุณแม่" "รีบเข้าบ้านกันเถอะ ดูสิฟ้ามืดเหมือนพายุใหญ่กำลังจะมา ลมก็แรงจนน่ากลัวอีกต่างหาก แม่ไม่ได้ดูข่าวเลยนะเนี่ยว่าพายุเข้า" "ใช่ค่ะ หนูจะโทรบอกคุณแม่ให้ส่งคนมารับถ้าเกิดพายุเข้าหนักจริงๆ ไม่อยากรบกวนพ่อเลี้ยงไปส่งเพราะตอนกลางวันเขาก็ต้องทำงานเหนื่อยอยู่แล้ว" "แม่จะปล่อยให้หนูกลับได้ยังไงถ้าฝนตกหนักขนาดนี้ ที่นี่มีห้องพักตั้งเยอะแยะหนูไม่จำเป็นต้องกลับก็ได้" "หนูเกรงใจจังเลยค่ะ" "หนูพริม...แม่มีลูกแค่คนเดียว และตอนนี้แม่ก็เอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวของแม่คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นคิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองไม่ต้องคิดอะไรมากนะจ๊ะ" นางขยับมือมาโอบเอวว่าที่ลูกสะใภ้และพาเดินตรงเข้าไปในบ้าน อาหารมื้อเย็นถูกจัดเรียงไว้เรียบร้อยบนโต๊ะอาหาร ในขณะเดียวกันนั้นปักษ์ก็แต่งตัวในชุดคลุมเสื้อกันฝนเดินลงมาจากชั้นสอง "จะไปไหนเหรอลูก ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะ" คุณปักษิณาเอ่ยถามบุตรชายแม้จะรู้ดีว่าปักษ์กำลังจะออกไปที่ไร่ "พายุเข้าขนาดนี้ผมต้องออกไปดูที่ไร่ซะหน่อย" "ไม่ได้นะลูก หนูพริมอุตส่าห์มาทานข้าวด้วยกันที่ไร่แล้วจะทิ้งแขกไปได้ยังไงกัน" "ก็แขกของคุณแม่นี่ครับ คุณแม่เป็นคนเชิญเธอมาคุณแม่ก็ทานข้าวกับแขกของคุณแม่ไปสิครับ" "ตาปักษ์! ก็ให้หัวหน้าคนงานเขาออกไปดูก่อนสิ วันนี้เราไม่จำเป็นต้องออกไปดูเองก็ได้" "แต่คุณแม่เป็นคนสอนผมเสมอว่าเราต้องทำทุกอย่างด้วยตัวของเราเองก่อนจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เพราะฉะนั้นวันนี้คุณแม่จะบอกให้ผมไม่ออกไปไม่ได้ครับ" "แม่รู้เจตนาของลูกดี ลูกตั้งใจที่จะหลบหน้าหนูพริมใช่มั้ย หนูพริมเขาอุตส่าห์มาทานข้าวด้วยกัน และอีกอย่างทั้งฝนตกหนักและลมแรงขนาดนี้แม่เป็นห่วงลูก" "ผมออกไปแป๊บเดียวครับ จะรีบกลับมา" ปักษ์ปรายตามองพริมพิจิกาเท่านั้นก็เดินพรวดพราดออกไปขึ้นรถของตนเองโดยไม่สนใจพูดของมารดาเลยแม้แต่น้อย "คุณแม่รอตรงนี้ก่อนนะคะ" คุณปักษิณางวยงงเมื่อเห็นว่าที่ลูกสะใภ้วิ่งตามบุตรชายของตนออกไป พ่อเลี้ยงหนุ่มปิดประตูรถแล้วจึงหันกลับมาก็เห็นว่าพริมพิจิกากำลังก้าวขาเข้ามานั่งในรถของตน เขาตกใจเล็กน้อยและจ้องมองคนตัวเล็กด้วยแววตาดุดัน "ทำบ้าอะไรของเธอ" "ฉันก็จะไปกับคุณไง" "ไม่ได้! ลงไปอยู่กับคุณแม่เดี๋ยวนี้" ปักษ์ออกคำสั่งเสียงแข็ง "ไม่ลง! คุณรีบออกรถสิ แม่ของคุณกำลังวิ่งมานู่นแล้ว จะไปด้วยกันหมดหรือเปล่าล่ะ?" เขาหันไปมองมารดาที่กำลังวิ่งออกมาจนถึงประตูบ้านจึงเอื้อมมือไปกดปุ่มสตาร์ทรถและขับออกไปทันที "บ้าชะมัด" ชายหนุ่มจำใจต้องทำเช่นนั้นเพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับมารดาของตนอีก "คุณนั่นแหละบ้า รู้ทั้งรู้ว่าแม่เป็นห่วงก็ยังอยากจะออกมา" "หึ! ฉันจะโทรให้คนงานมารับเธอกลับไปส่งที่บ้าน" "คุณทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันมากับคุณฉันก็ต้องออกไปกับคุณสิ" "ผู้หญิงส่วนมากนี่เป็นเหมือนเธอกันหมดหรอ ร่านจนอยากให้ฉันจับทำเมียว่างั้น?" เขาหันมาจ้องมองใบหน้าสวยคมด้วยแววตาที่ยังคงฉายแววดุดัน "มองถนนสิ!" พริมพิจิกากระแทกเสียงดังเพราะรู้สึกโกรธที่เขาเอาแต่พูดจาดูถูกตน "ตอบมาสิว่าเธอต้องการอะไร?" "ฉันแค่เห็นว่าแม่คุณท่านเป็นห่วงคุณมากฉันก็เลยตามมาด้วย" "ยิ่งเธอตามมาแม่ฉันก็ยิ่งเป็นห่วงน่ะสิ" "ไม่จริงหรอก ยังไงแม่คุณก็ต้องห่วงคุณมากกว่าอยู่แล้ว อย่างน้อยท่านก็จะได้อุ่นใจที่มีฉันตามคุณมา" "คิดเองเออเอง คิดว่าร่ำรวยแล้วจะเอาความคิดของตัวเองเป็นศูนย์รวมจักรวาลอย่างนั้นหรอ?" "คุณอคติกับฉันทุกอย่างเลยนะคะ ฉันไม่เข้าใจว่าคุณจงเกลียดจงชังอะไรกันนักหนาทั้งๆที่ฉันก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะมาจับหรือว่าแต่งงานกับคุณเลย" "ฉันไม่ได้อคติกับเธอ! แต่ฉันอคติกับผู้หญิงทุกคนต่างหาก" "แต่การที่อดีตภรรยาของคุณเป็นคนแบบนั้นก็ไม่ได้แปลว่าผู้หญิงทุกคนจะเป็นแบบเดียวกันนี่คะ" คำพูดของพริมพิจิกาทำให้พ่อเลี้ยงปักษ์โกรธจัดจนเขาต้องหักพวงมาลัยรถจอดริมทางกะทันหัน "กล้าดียังไงพูดถึงผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าฉัน เธอคงสืบประวัติฉันมาหมดแล้วสินะ?" ปักษ์ชักสีหน้าหงุดหงิด "ฉันไม่ได้สืบ แต่มีคนเล่าให้ฉันฟัง" "มันก็ไม่ต่างกันหรอก จำใส่สมองของเธอไว้ว่าอย่ามาพูดชื่อผู้หญิงคนนั้นหรือคำว่าอดีตภรรยาให้ฉันได้ยินอีก!" "ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ อดีตภรรยาของคุณเป็นคนไม่ดีไม่ได้แปลว่าผู้หญิงทุกคนจะเป็นคนไม่ดี" "หุบปาก!" เขาออกคำสั่งเสียงดุดัน ทว่าหญิงสาวกลับไม่เกรงกลัวแววตามัจจุราชของปักษ์เลยแม้แต่น้อย "วันนี้ฉันเจออดีตภรรยาของคุณที่โรงแรมด้วย" เขาหันขวับมาจ้องมองใบหน้าสวยคมด้วยแววตาโกรธเคือง จากนั้นจึงโน้มใบตัวเข้ามาใกล้คนตัวเล็กจนปลายจมูกโด่งชนกัน "คุณจะทำอะไร?" "ทำให้เธอหุบปากไง!" มือหนาขยับขึ้นมาประคองใบหน้าสวยคมไว้และบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง "อื้ม!" พริมพิจิกาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอดันแผงอกแกร่งให้ออกห่างทว่าไม่สามารถทำให้กายกำยำสะทกสะท้านได้แม้แต่น้อย กายบอบบางอ่อนระทวยลงเมื่อเรียวลิ้นสากรุกล้ำเอาแต่ใจเข้าไปในโพรงปากนุ่ม พ่อเลี้ยงหนุ่มอาจหาญจูบเธอเป็นคนแรกในชีวิตโดยที่หญิงสาวไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย ปักษ์ดูดดื่มรสหวานจากโพรงปากนุ่มบริสุทธิ์จนพอใจแล้วจึงยอมถอนจูบออกมา "อื้ม! ไอ้บ้า!" เธอแค่นเสียงออกมาก่นด่าเขาแม้จะยังหายใจหอบหนักจากรสจูบร้อนแรงเมื่อครู่ จากนั้นฝ่ามือเล็กจึงฟาดลงบนแก้มสากของพ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างแรงทว่าเขากลับไม่หันไปตามแรงมือเลยแม้แต่น้อย ดวงตามัจจุราชยังคงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาดุดัน "ตบนี้ค่าจูบเมื่อกี้ก็แล้วกัน แต่ถ้าเธอพูดถึงสิ่งที่ฉันไม่อยากให้พูดอีกล่ะก็...ฉันจะปล้ำเธอในรถนี่แหละ" เขาขู่ "เพราะคุณมันป่าเถื่อนแบบนี้ไงผู้หญิงเขาถึงทิ้ง!" คำพูดของพริมพิจิกาเหมือนกำลังฆ่าตัวเองแท้ๆ พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้งจึงขยับกายกำยำขึ้นมาคร่อมร่างบอบบางไว้ "คุณจะทำอะไร?" "ฉันบอกเธอไปแล้วไง เคยโดนเอาในรถมั้ย?" ปักษ์เลิกคิ้วถามพร้อมกับเหยียดยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ มือหนาขยับขึ้นมานวดคลึงเต้านมอวบอิ่มอย่างป่าเถื่อนเสียจนพริมพิจิการู้สึกรังเกียจการกระทำของเขาขึ้นมาในพริบตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD