บทที่ 10 พี่ดิน

1295 Words
"วิธีอะไรของคุณไม่ทราบ?" "วิธีที่ฉันทำกับเธอเมื่อคืนไง" พริมพิจิกาหันขวับไปมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มเมื่อเขาพูดจาคลุมเครือเสียจนน่าหงุดหงิด "เมื่อคืน?"เมื่อคืนหมายความว่ายังไง คุณทำอะไรฉันคะ?" "เธอจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าฉันจะทบทวนความจำให้เธอเร็วๆนี้ก็แล้วกัน" พ่อเลี้ยงหนุ่มคลี่ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ เขาหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าสู่ถนนสายหลักเพื่อขับตรงเข้าสู่ตัวเมือง "เราจะไปไหนคะ?" "ไปห้าง วันนี้ฉันต้องการซื้อของที่อยากกินหลายอย่างไปไว้ทำอาหาร" ปักษ์ตอบเสียงเรียบโดยไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย "แล้วคุณจำเป็นต้องเป็นคนไปซื้อเองหรอ?" "แล้วเธอจำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนั้นหรอ?" "คุณปักษ์คะ ฉันจริงจังนะคะฉันต้องทำงาน" "ฉันกำลังสั่งสอนให้เธอรู้ว่าต่อไปเธอเป็นเมียฉันเธอจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน เธอไม่สามารถที่จะขัดใจผัวได้" "คุณนี่เหมือนคุณพ่อไม่มีผิด นี่มันปีสองพันยี่สิบเอ็ดแล้วทำไมเมียต้องเชื่อฟังผัวฝ่ายเดียวคะ สิทธิความเท่าเทียมกันคุณรู้จักมั้ยคะ?" คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ "สงสัยฉันคงต้องปรับทัศนคติเธอบ้างแล้วล่ะ" "ถ้าคุณต้องการแบบนี้ก็ได้ ฉันจะทำให้คุณเห็นว่าคุณนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายยอมฉันทุกอย่าง" เธอท้าทายเขากลับด้วยความหงุดหงิด "งั้นหรอ? แต่ครั้งแรกเธอต้องยอมฉันก่อน ครั้งต่อไปฉันถึงจะยอมเธอทุกอย่าง" ปักษ์หันขวับมาจ้องมองคนตัวเล็กครู่หนึ่งจึงหันกลับไปมองถนนอีกครั้ง "นี่เราเพิ่งเจอกันแค่สองสามวันแรกคุณยังเอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้ ฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณมาริส...เอ่อ" พริมพิจิกานึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรพูดชื่ออดีตภรรยาของปักษ์ออกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็นึกอยากจะรู้เสียให้ได้ว่าทำไมถึงยังจงเกลียดจงชังหล่อนนักหนาทั้งๆที่เรื่องราวในอดีตมันก็ผ่านมานานเกือบสิบปีแล้ว "หุบปากไปเลยนะ!" เขาออกคำสั่งเสียงดุ "ทำไมเวลาฉันพูดถึงเขาคุณต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้ด้วย?" "ผู้หญิงเลวๆแบบนั้นมันควรค่าให้ใครต้องเอ่ยชื่อด้วยหรอ?" "แรงมาก" พริมพิจิกาพึมพำและได้แต่ปรายตามองเจ้าของน้ำเสียงดุดันเมื่อครู่เท่านั้น "พูดแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ" ปักษ์พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงภาพที่มาริสสากำลังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายอื่นในขณะที่หล่อนยังคงเป็นภรรยาของเขาอยู่ พ่อเลี้ยงหนุ่มมั่นใจว่าตนเองไม่ได้รักมาริสสาแล้วทว่าความรู้สึกเจ็บแค้นในวันนั้นกลับฝังใจจนยากที่จะให้อภัย "คนเราเมื่อรักใครมากๆมันก็เจ็บมากเป็นธรรมดา คุณคงรักเขามากเลยต้องใช้เวลามากกว่าสิบปีในการที่จะให้อภัยและยอมปล่อยทุกอย่างให้เป็นเรื่องในอดีต" "หลังจากหย่าฉันก็ตระหนักได้ว่าเคยรักเขาแค่แบบวัยรุ่นฉาบฉวยเท่านั้น ชีวิตแต่งงานสวยเรียบหรูแค่สามเดือนแรกเท่านั้นแหละ อีกอย่างฉันก็ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเป็นอดีตไปแล้ว แต่ฉันให้อภัยเขาไม่ได้จริงๆ" พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเหยียบคันเร่งรถให้เร็วยิ่งขึ้น พริมพิจิกาเลือกที่จะนั่งเงียบไปจนกระทั่งรถของพ่อเลี้ยงหนุ่มขับเข้ามาจอดภายในบริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าหรูกลางเมืองเชียงใหม่ "ช่วงนี้เบื่ออาหารไทยเลยอยากกินของนอกซะหน่อย เธอช่วยเลือกของสดให้ฉันด้วย" ปักษ์พูดเสียงเรียบแล้วจึงเดินไปเอารถเข็น "เอ่อ...ทำไมคุณถึงให้ฉันเลือกให้แล้วล่ะคะ?" "เธอเป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่มีแต่แขกชาวต่างชาติเข้ามาพักเป็นส่วนมาก เพราะฉะนั้นฉันมั่นใจว่าเธอทำอาหารฝรั่งเป็นแน่นอน" "ทฤษฎีอะไรของคุณเนี่ย?" "ทฤษฎีเด็กนอกไง คิดว่าฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลยหรือยังไง?" ปักษ์พูดเท่านั้นก็เข็นรถเข็นเดินนำหน้าพริมพิจิกาไป หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกำยำก็นึกหมั่นไส้กับท่าทางเคร่งขรึมของเขาจึงแกล้งทำเป็นเจ็บขาและหกล้มลงไปกองกับพื้น "โอ๊ย! เจ็บ" ชายหนุ่มหันขวับกลับมาหาคนตัวเล็กนั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าตกใจ เขาทิ้งรถเข็นและรีบวิ่งเข้ามาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน วงแขนกำยำโอบกอดร่างบอบบางไว้แน่น "เจ็บเท้าจัง" "อยู่ดีๆทำไมถึงลงเป็นนั่งกับพื้น?" ปักษ์ถามเสียงดุ "เอ่อ..." หญิงสาวนึกหาคำโกหก "ซุ่มซ่าม" "รองเท้าส้นสูง...มันพลิกค่ะ" หากจะบอกว่าแกล้งหกล้มก็คงมีแต่จะโดนเขาด่ากลางห้าง พริมพิจิกายิ้มเจื่อนและชี้มือไปยังรถเข็น "ทำไม?" "ฉันขอนั่งบนรถเข็นได้หรือเปล่า?" "จะบ้าเหรอ เธอไม่ใช่เด็กๆนะ ตัวโตอย่างกับพิทบูล" "นี่ เปรียบฉันกับหมาเลยหรอ?" หญิงสาวชักสีหน้าบึ้งตึง "แล้วจะให้เปรียบใส่อะไร ตัวโตเหมือนควายงี้หรอ?" "ปากจัด ผู้ชายบ้าอะไร?" ร่างบางพยายามดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนแกร่งจนปักษ์ยอมปล่อยมือออกแต่โดยดี พริมพิจิกาสะบัดหน้าหนีพ่อเลี้ยงหนุ่มและเดินกระฟัดกระเฟียดไปยังรถเข็นเหมือนเด็กถูกขัดใจโดยที่ลืมไปว่าตนเองแกล้งเจ็บข้อเท้าอยู่ "สรุปว่าเธอไม่เจ็บข้อเท้าแล้ว หรือว่าไม่ได้เจ็บตั้งแต่แรก?" ปักษ์เดินตามมาประชิดร่างบางที่กำลังเอื้อมมือไปจับรถเข็นทว่าถูกเขารั้งข้อมือเล็กมากุมไว้เสียก่อน "ดีขึ้นแล้วต่างหาก" "ทำไม? งอนที่ไม่ได้นั่งบนรถเข็น?" พ่อเลี้ยงหนุ่มเลิกคิ้วถามสีหน้าเรียบ "ฉันจะไปงอนคุณทำไมไม่ทราบคะ?" "น้องพริม" ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเผชิญหน้าระยะกระชั้นชิดกันอยู่ก็มีเสียงบุรุษหนึ่งดังขึ้น "พี่ดิน!" พริมพิจิกาหันขวับไปยังต้นเสียงนั้นพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เธอรีบสะบัดมือของปักษ์ออกและวิ่งเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันมากนัก "แหม กอดพี่เหมือนไม่ได้เจอกันนานเป็นปีๆเลยนะครับ" เจ้าของเรือนร่างสูงกำยำและยังมีใบหน้าหล่อคมคายราวดารานักแสดงระดับประเทศฉีกยิ้มกว้างให้กับการกระทำแสนน่ารักของหญิงสาวในอ้อมแขน "ก็ไม่ได้เจอตั้งเป็นเดือนนี่ค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นปีเลย คิดถึงที่สุดเลยค่ะ" หญิงสาวแสดงท่าทีดีอกดีใจออกนอกหน้าเสียจนปักษ์รู้สึกไม่พอใจ เขาเดินตรงเข้าไปหาว่าที่คู่หมั้นและถือวิสาสะประสานมือของตนเองเข้ากับมือของพริมพิจิกา หญิงสาวชะงักมือเล็กน้อยและหันขวับไปจ้องมองการกระทำของพ่อเลี้ยงหนุ่ม "สวัสดีครับคุณดิน ผมพ่อเลี้ยงปักษ์เป็นว่าที่คู่หมั้นของพริม" เขาถือวิสาสะแนะนำตัวเอง "ครับ?" ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย "คุณพูดเรื่องอะไรของคุณคะ?" พริมพิจิกากระซิบถามเสียงเบา "พูดเรื่องจริง" "เอ่อ...ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการทั้งหมดค่ะ เรื่องนี้พริมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยนะคะ" หญิงสาวพยายามอธิบายให้ดินเข้าใจเพราะเห็นสีหน้าของเขากำลังแสดงออกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD