บทที่3
ปรับเปลี่ยนบุคลิก
พิจิกาเดินตามรณพีร์เข้ามาในห้องทำงานเธอมองดูความเรียบร้อยป้าศรีเป็นคนมาจัดการทำความสะอาดห้องนี้ไปแล้วหรือมีอะไรที่ยังขาดตกบกพร่องเธอจะได้รีบแก้ไขทำความสะอาดให้เขา
"เล่าประวัติของเธอมาให้ฉันฟังหน่อย"
"ประวัติของหนูหรือคะ?" อะไรกันเนี่ยทำไมต้องมาเล่าประวัติให้ฟังด้วยประวัติของเธอมันไม่ได้น่าจดจำสักเท่าไหร่เด็กโง่ๆ แบบเธอถูกหลอกซ้ำซากน่าอายจะตาย
"ใช่แล้วเล่ามาเถอะ"
เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวตั้งแต่เด็กยันโตเธอเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนพ่อแม่ทำงานรับจ้างทั่วไปคุณยายเป็นคนเลี้ยงเธอมาจนกระทั่งแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุตกนั่งร้านทำให้ต้องผ่าตัดกระดูกสันหลัง หลังจากวันนั้นแม่ก็ไม่สามารถทำงานหนักได้อีกเลยแม่ของเธอจึงเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ส่วนพ่อก็ยังไปทำงานก่อสร้างยังพอได้เงินก้อนในแต่ละเดือนมาใช้จ่ายและส่งเสียให้เธอเรียนจนเธอจบม.3 คุณยายก็มาล้มป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากค่ายาในแต่ละเดือนเรียกได้ว่าเงินค่าแรงของพ่อก็แทบหมดเลยทำให้เธอตัดสินใจมาเรียนเทียบชั้นโดยทำงานรับจ้างในตลาดตื่นตั้งแต่ตี 2 ไปรับจ้างขายผักกลับจากตลาดตี 5 ก็แวะมาล้างจานร้านข้าวถึงจะได้เงินและได้กับข้าวหาป้าเจ้าของร้านขายไม่หมด
เธอใช้ชีวิตแบบนี้มาจนกระทั่งเธออายุ 18 มีวุฒิม. 6 จากการเรียนเทียบชั้นก็นำใบวุฒินั้นไปสมัครเข้าโรงงานแต่โรงงานในต่างจังหวัดเงินเดือนไม่ได้มากโขเธอได้เงินเดือนแค่ 9,000-10,000 บาทเท่านั้น เหมือนทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้นเมื่อเธอมีงานทำแต่ว่าพ่อของเธอก็ดันมาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทำให้เธอกับแม่แล้วก็ยายต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก
"หลังจากวันนั้นก็มีนายจ้างของหนูเขาชักชวนมาทำงานที่กรุงเทพฯ บอกว่ามาทำงานที่นี่หนูจะได้เงินเดือน 25,000 บาทแต่ต้องแลกกับเงิน 10,000 บาท เป็นเงินแรกเข้าเพราะเขาต้องไปเคลียร์กับผู้จัดการค่ะ วันนั้นเงินเดือนหนูออกพอดีได้เงิน 10,000 บาทบวกกับเงินเก็บเล็กน้อยที่หนูพอมีและแม่เอาเงินที่ร้านผสมมาให้เป็น 15,000 บาทหนูให้พี่เขาไป 10,000 บาทจนหนูเหลือ 5,000 บาทเขาบอกว่าไม่ต้องกลัวเรื่องค่ากินค่าอยู่เพราะเขามีที่พักให้ฟรีเรื่องค่ากินถ้าไม่พอก็กินกับเขาก็ได้ ตอนหนูมาถึงเขาบอกให้หนูรอตรงร้านสะดวกซื้อแล้วเอาเงินให้เขาไป 10,000 บาทเพื่อไปจัดการเรื่องที่ธนาคารแล้วพี่เขาก็หายไปเลยค่ะ"
"แล้วหลังจากนั้นเธอทำยังไง" รณพีร์เอ่ยถามแค่ฟังเขาก็รู้สึกสงสารเด็กบ้านนอกเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแบบนี้ญาติพี่น้องก็ไม่มีคงจะกลัวไปหมด ตอนเขาไปอยู่เมืองนอกใหม่ๆ เขาก็ยังแอบหวั่นใจมองไปทางไหนก็มีแต่คนที่ไม่รู้จักมีปัญหาอะไรจะไปขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ได้
"พอดีว่าวันนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถ่ายรูปที่ร้านสะดวกซื้อหนูเลยเข้าไปขอความช่วยเหลือค่ะ"
"แล้วตำรวจช่วยอะไรเธอบ้าง"
"ให้เงินหนูมา 200 บาทค่ะหนูก็ยืนงงอยู่ตรงนั้นเฮ้อ เงินที่มีอยู่ที่ตัวหนูไม่กล้าใช้สักบาทเลยค่ะหนูกลัวกลับไม่ถึงบ้านแต่มาขนาดนี้จะให้หนูดั้นด้นกลับไปบ้านก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นจนเห็นป้ายรับสมัครแม่บ้านของโรงแรมกัลยาณีพอไปสมัครผู้จัดการบอกว่าตอนนี้ได้แม่บ้านแล้วให้ลองมาสมัครที่บริษัทSTดู เพราะรับสมัครแม่บ้านเหมือนกันพอหนูมาก็โชคดีค่ะที่ได้เจอกับคุณท่านคุณท่านเลยพาหนูมาทำงานที่บ้าน"
"ก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไปแต่จริงๆ แล้วเธอควรแจ้งความนะเรื่องคนที่พามายังไงก็มีความผิด"
"ไม่เป็นไรค่ะหนูถือว่าชาติที่แล้วหนูคงทำเวรทำกรรมกับเขาเอาไว้จะได้หมดเวรหมดกรรมกันแค่ชาตินี้ค่ะ"
เป็นคำตอบที่รณพีร์ไม่คิดว่าจะได้ยินเธอมองโลกในแง่ดีเกินไปขนาดถูกหลอกมาทิ้งไว้ที่กรุงเทพฯ ยังมองว่าเป็นเวรกรรมเธอจะจิตใจดีไปถึงไหนคนผิดควรได้รับโทษสิถึงจะถูก
"ถ้าอย่างนั้นเธอมาทำงานกับฉันเพิ่มไหมล่ะเสร็จจากงานบ้านก็มาช่วยงานฉันจัดเรียงเอกสารนิดหน่อยอาจจะต้องคอยตามฉันไปที่บริษัทไปโรงแรมทำได้ไหมล่ะ"
"คือว่าหนูดีใจนะคะที่คุณพีร์มีเมตตาแต่ว่าหนูไม่ได้มีความรู้ขนาดนั้นค่ะการศึกษาก็ต่ำต้อยหนูกลัวทำงานของคุณพีร์เสียหายค่ะ"
"ก็แค่งานเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีอะไรหรอกฉันไม่มีเลขาไม่มีผู้ช่วยแค่ช่วยจัดเรียงเอกสารเดี๋ยวฉันสอนงานเอง"
"ละ ลองดูก็ได้ค่ะแต่ถ้าเกิดหนูทำอะไรไม่ถูกใจคุณพีร์อย่าดุหนูนะคะ" เธอทำหน้าตาน่าสงสารทำแบบนี้รณพีร์จะไปกล้าดุเธอได้อย่างไร
วันนี้เขาเริ่มคุยงานกับเธอสอนให้เธอรู้จักจัดเรียงเอกสารวาระการประชุมต่างๆ และที่สำคัญช่วงบ่ายของวันนี้เขาพาเธอมาเดินห้างโดยมีเขาเป็นคนขับรถให้ จะทำงานเป็นคนติดตามโดยแต่งตัวมอซออย่างนี้คงจะเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เขาจำเป็นต้องพาเธอมาเปลี่ยนบุคลิกทำผมเสียใหม่จากสาวใช้กลายเป็นคุณหนูทุกอย่างเปลี่ยนได้เพียงแค่มีเงิน
พิจิกาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าเธอนั้นจะได้เข้าร้านเสริมสวยราคาแพงแบบนี้เธอนั่งเกร็งจนช่างทำผมต้องบอกให้เธอผ่อนคลายไม่ต้องกลัวอะไร ปกติแล้วเธอจะไว้ผมยาวแล้วม้วนผมเก็บให้เรียบร้อยเวลาทำงานเพราะว่างานของเธอจะอยู่ในครัวอยู่กับอาหารปล่อยผมยาวรุงรังมันไม่น่าดูเสียเท่าไหร่ วันนี้เธอเลยได้ยืดผมดัดลอนปลายให้เข้ากับรูปหน้า สีผมจากสีดำก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทำให้ผิวเธอดูขาวผุดผ่องขึ้นมาแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
หลังจากทำผมเสร็จรณพีร์ก็พาเธอมายังเคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำเขาให้พนักงานช่วยสอนแต่งหน้าและปรับบุคลิกพร้อมซื้อเครื่องสำอางที่จำเป็นทุกอย่างให้เธอ การแต่งหน้าในวันนี้ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเธอจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่พนักงานสอนและเธอก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณทุกคนจนพนักงานรับไหว้แทบไม่ทัน
"เสร็จแล้วค่ะคุณพีร์"
น้ำเสียงอ่อนหวานดังออกมาจากด้านหลังรณพีร์รีบหันไปมองเธอส่งแบล็กการ์ดสีดำไม่จำกัดวงเงินคืนให้แก่เขาแต่ทว่ารณพีร์ไม่ได้มองของในมือเธอเลยสายตาเขาจดจ้องไปที่ใบหน้ารูปไข่ที่ถูกเติมแต่งเครื่องสำอางจนทำให้เธอดูสวยสะดุดตาแม้แต่ชายหนุ่มที่นั่งโต๊ะข้างๆ รณพีร์ยังหันมามอง
"สวย...."
คนถูกชมหน้าแดงก่ำเธอเองก็ทำอะไรไม่ถูกเสื้อผ้าที่เขาซื้อให้เธอก็ได้สวมใส่ไหนจะทำผมแต่งหน้าและรองเท้าทุกสิ่งทุกอย่างทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
"คุณพีร์อยากให้หนูทำอะไรอีกไหมคะ"
"ไปหาอะไรทานกันหิวหรือยัง" จู่ๆ เขาก็เกิดไม่อยากกลับบ้านตอนนี้อยากพาเธอเดินเที่ยวหาอะไรทานเสียก่อน
"หิวนิดนึงค่ะ" ไม่ใช่แค่หิวนิดนึงหรอกเธอหิวมากเพราะตั้งแต่มาตอนบ่ายจนตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นเธอก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า
"งั้นไปหาอะไรทานกันเถอะเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง"
"ขอบคุณค่ะคุณพีร์"
------------------------------------
เมนต์หน่อยเดี๋ยวพรุ่งนี้มา 3 ตอน จบเรื่องนี้มีอีกเรื่องฮะ