ข่าวการแต่งงานสายฟ้าแลบระหว่างเหนือเมฆกับแฟนสาวทำให้ภัคจิราใจสลายเมื่อได้รู้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมาร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีของพวกเขาทั้งสองด้วยความเต็มใจ แม้จะรู้ว่าหัวใจทั้งดวงจะต้องปวดร้าวกับภาพความรักของทั้งคู่ที่แสดงต่อกันมาตลอดทั้งงานก็ช่าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวดเร็วมากจนเธออยากให้มันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย เมื่อตื่นขึ้นทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“น้องภัคครับ” เสียงเรียกเบาๆ จากใครบางคนฉุดให้ต้องลืมตาก่อนจะพบว่าทุกอย่างตรงหน้าคือความจริงไม่ใช่ฝันอย่างที่อยากให้เป็น
“พี่เมฆ” ภัคจิราเอ่ยเรียกคนตรงหน้าเบาๆ พร้อมทั้งลอบมองเขาไปพร้อมกัน เหนือเมฆยังคงเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้เหมือนเดิมแม้ว่าในตอนนี้ข้างกายของเขาจะมีใครอีกคนแล้วก็ตาม
“ขอบคุณนะครับที่มาร่วมงานของพี่กับนุช”
“ต้องมาสิคะ งานแต่งของพี่ชายภัคทั้งที จะขาดภัคได้ยังไงล่ะคะจริงไหม” แม้จะมีรอยยิ้มอ่อนหวานส่งมาให้ แต่เหนือเมฆก็รู้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนตรงหน้าต้องกล่ำกลืนฝืนทนแค่ไหน นั่นยิ่งทำให้เขาต้องรู้สึกผิด เมื่อคิดได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องเฝ้ารอ
“พี่ขอโทษนะครับ สำหรับทุกสิ่ง” ภัคจิราเพียงแต่ยิ้มรับคำขอโทษนั้นไว้ เธอเข้าใจดีว่าความรักเป็นเรื่องเดียวที่ฝืนบังคับกันไม่ได้ ในเมื่อวันนี้เขาได้เลือกแล้วว่าเขารักคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ เธอก็ควรต้องมีความสุขและร่วมอวยพรให้เขากับผู้หญิงที่แสนโชคดีคนนั้นมันถึงจะถูก อย่างน้อยๆ ก็ในฐานะน้องสาว น้องสาวที่เขาอยากจะให้เป็น
“ภัคขอให้พี่เมฆกับพี่นุชมีความสุขมากๆ นะคะ ภัค…ดีใจด้วยจริงๆ ค่ะ” เหนือเมฆยิ้มให้ก่อนจะขอตัวกลับเข้าไปในงานเพื่อหาเจ้าสาวแสนสวยของตัวเอง อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ไม่รู้สึกติดค้างใดๆ กับภัคจิราแล้ว แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจหยุดเดิน เพื่อหันกลับมาบอกบางสิ่งแก่เธอ
“พี่ว่าบางทีถ้าภัคลองเปิดใจดูบ้าง ภัคอาจพบว่ามีใครบางคนเขารักและเฝ้ารอภัคมานานแค่ไหน พี่เองก็อยากจะเห็นน้องสาวที่น่ารักของพี่มีความสุขเหมือนกันนะครับ” เขาทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำพูดที่ชวนให้คิดก่อนจะเดินจากไป เหลือก็แต่ภัคจิราที่ยืนสับสนกับคำพูดที่ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองใครอีกคน ที่กำลังเดินเข้ามาหากัน
“ไอ้เมฆมันพูดอะไรกับภัคครับ” น่านฟ้าเอ่ยถามทันทีที่มาถึง รอยยิ้มของน้องชายบวกกับคำพูดชวนสงสัยของมันทำให้เขากลัวว่าคนตรงหน้าจะล่วงรู้ความจริงบางอย่าง ที่เขาได้แต่เก็บซ่อนมันเอาไว้
“ไม่มีอะไรคะ พี่เมฆก็แค่อวยพรขอให้ภัคโชคดีมันก็เท่านั้น เราสองคนเข้าไปในงานกันเถอะค่ะ ป่านนี้คุณป้าคงมองหาภัคแย่แล้ว” ภัคจิราตอบอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ ก่อนที่เธอจะเดินนำน่านฟ้าเข้าไปในงานเพื่อร่วมพิธีสำคัญของคนสำคัญที่กำลังจะตกเป็นของคนอื่นตลอดกาล
หลังจากงานแต่งของเหนือเมฆกับภรรยาผ่านพ้นไปได้ไม่นานทั้งคู่ก็บินไปใช้ชีวิตกันที่อังกฤษตามคำขอร้องของแม่ฝ่ายหญิงที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับลูกสาวของท่าน ส่วนภัคจิรานั้นแม้จะไม่ได้เศร้าเหมือนตอนแรกแต่ก็ยังมีบ้างที่เธอจะแอบคิดถึงคนไกลที่ตอนนี้เป็นของคนอื่นไปแล้ว แม้รู้ว่าไม่ควรคิด แต่ก็ยากยิ่งที่จะหักห้ามใจ
เดือดร้อนผู้เป็นป้าที่จำต้องรีบหาทางออกให้หลานสาวและตัวเองซึ่งตอนนี้กำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ลมหายใจก็พร้อมแสนพร้อมที่จะดับลงไปทุกเมื่อ ห่วงสุดท้ายที่นางมีเห็นทีจะหนีไม่พ้นคนที่วันๆ เอาแต่นั่งหน้าเศร้าเพราะคนที่แอบหลงรักหนีไปแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเลือกแล้ว จะมีก็แต่อีกคนที่นางมองตาก็รู้ว่ารู้สึกเช่นไรกับหลานสาวของตน เพียงแต่ไม่รู้ทำไมกัน ยัยภัคถึงได้มองไม่เห็น
“ต้องให้คุณน่านมาช่วยแบบนี้ ป้าเกรงใจเหลือเกินค่ะ” ร่างสูงซึ่งกำลังทำหน้าที่ช่วยคนงานยกกระถางกล้วยไม้ขึ้นรถเพื่อนำไปส่งลูกค้าในเมืองยืดกายขึ้นก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ผมเต็มใจช่วยครับคุณป้า” มากกว่านี้เขาก็เต็มใจขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ คนที่รัก ได้ดูแลปกป้องเขาก็พร้อมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
“ถ้าคุณน่านจะกรุณา ป้ามีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ” เมื่อตัดสินใจดีแล้วคุณมาลีจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของนางที่เต็มไปด้วยความกังวลทำให้น่านฟ้ารู้ได้โดยทันทีว่าเรื่องที่ท่านจะขอร้องคงสำคัญไม่น้อย นั่นทำให้เขาต้องละมือจากทุกอย่างเพื่อเดินเข้ามาหา
“คุณป้ามีเรื่องอะไรจะให้ผมช่วยเหรอครับ”
“คุณน่านจะช่วยดูแลยัยภัคให้ป้าได้ไหมคะ” จนเมื่อคำขอร้องถูกเอ่ยขึ้น เขาก็ยิ้มให้ท่านก่อนจะตอบกลับโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เพราะการดูแลภัคจิรา ต่อให้ท่านไม่ขอร้องเขาก็เต็มใจที่จะทำอยู่แล้ว
“ได้สิครับคุณป้า ผมจะดูแลภัคเองครับป้าไม่ต้องห่วงนะครับ” ต่อให้อีกฝ่ายไม่ขอร้อง เขาก็ให้สัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ดูภัคจิราไปอย่างนี้จนกว่าเธอจะได้เจอคนที่เธอรักและดูแลเธอได้จริงๆ
“ป้าหมายถึง…ดูแลในฐานะสามีของยัยภัคค่ะ” ทว่าประโยคที่ดังขึ้นต่อมานั่นต่างหาก ที่มันทำให้เขาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
“คุณป้า!” และไม่เพียงแต่น่านฟ้าเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ภัคจิราที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาพร้อมยาหลังอาหารเองก็ตกใจไม่ต่างกันกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินคำขอร้องของผู้เป็นป้าที่มีต่ออีกคน
“เวลาของป้าเหลือไม่มากแล้วนะลูก อย่างน้อยถ้าป้าตายไปวันนี้พรุ่งนี้ ป้าก็คงตายตาหลับถ้ามีใครสักคน คนที่ป้าเห็นว่าเหมาะสมที่จะมาดูแลหลานสาวคนเดียวของป้าให้มีความสุข และป้ามองไม่เห็นใครที่ไหนอีกแล้วนอกจากคุณน่านที่จะดูแลภัคให้ ภัคกับคุณน่านจะช่วยทำให้ความหวังนี้ของป้าเป็นจริงได้ไหมลูก แค่กๆ” สิ้นคำพูดนั้นสองสายตาก็หันมาสบกันอย่างรวดเร็ว และก็เป็นภัคจิราเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนจะตรงเข้าไปกอดผู้เป็นป้าทั้งน้ำตา แค่คิดถึงวันที่จะไม่มีท่านเคียงข้างกาย หัวใจของเธอก็แทบสลาย