เจ้าไม่เคยกอดบุรุษหรือ!

1258 Words
เมื่อกวนเฉินหลางกลับมาที่ค่ายทหาร เขามีความคิดจะสั่งทหารจับตัวรองแม่ทัพเหนี่ยวไปโบยให้เนื้อแตก ทว่าอีกฝ่ายมีคำสั่งของรัชทายาทอยู่ในมือ อีกทั้งเหล่าขุนนางหลายคนลงนามเห็นชอบให้จัดการข้าศึกเหล่านั้น เขาจึงได้แต่ผ่อนปรน จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ตนมีอำนาจ นั่นก็คือสั่งให้ตามจับเชลยกลับคืนแล้วส่งตัวไปใช้แรงงาน อย่างน้อยพวกเขาไม่ต้องรับโทษตาย ทั้งยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไป ที่สำคัญในกลุ่มของเชลยที่จับตัวได้มีบุคคลที่เขาต้องการตัวนั่นก็คือเมิ่งถู ซึ่งมีศักดิ์เป็นองค์ชายของแผ่นดินซึ่งล่มสลายลงไปแล้ว หนานหยาง และพอเขารู้ว่าเชลยถูกไล่ต้อนเข้าไปในค่ายกลชายหนุ่มก็เดือดดาล “ไม่ใช่เพียงแค่คนจากหนานหยาง ยังมีสตรีแซ่อวิ๋นด้วย” โจวจื่อเว่ยร้อนใจ พอได้พบหน้ากวนเฉินหลางจึงแจ้งข่าวร้ายทันที “ฮึ นางเป็นคนของเจ้า สาวใช้ห้องข้างมิใช่หรือ!” แม่ทัพกวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เขายกนางให้อีกฝ่ายทั้งที่ใจไม่เห็นด้วยสักนิด “โถ พี่กวน...” เมื่อต้องการให้อีกฝ่ายช่วยเหลือโจวจื่อเว่ยมักเรียกกวนเฉินหลางเช่นนั้น อย่างไรคงไว้หน้าเขาบ้าง ทั้งคู่สนิทสนมกัน เติบโตในวัยเด็กที่หมู่บ้านซึ่งค่อนข้างทุรกันดาร “กุนซือโจว” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยเสียงเข้มแต่สีหน้าผ่อนปรนลงอย่างเห็นได้ชัด “นางเป็นคนที่พี่กวนช่วยชีวิต ถึงข้าอยากได้นางมาเป็นสาวใช้ แต่ว่ากันตามตรงชีวิตนางเป็นหรือตายพี่กวนล้วนเป็นผู้กำหนด” “ฮึ เจ้ากำลังหาเรื่องยุ่งยากให้ข้า” “ฮ่า ๆ ๆ มิได้ ข้าเพียงเห็นว่าสามส่วนคือลิขิตฟ้า แต่เจ็ดส่วนที่เหลือเป็นพี่กวนซึ่งต้องยื่นมือเข้าช่วยในเรื่องนี้ และหญิงใบ้เปรียบเสมือน อัญมณีล้ำค่าที่หาพบได้ยากยิ่ง” “แล้วเหตุใดถึงไม่เก็บนางไว้ให้ดี ดูสิ่งที่เจ้าทำเถิด คิดส่งข้าไปเสี่ยงตายเพื่อเปิดประตูนรกและตามหาวิญญาณนางกลับคืนมาเยี่ยงนั้นหรือ” “พี่กวน... หากครั้งนี้นางรอดชีวิตออกจากค่ายกลได้ ข้าจะให้นางเป็นน้องสาวบุญธรรม!” “ฮึ กุนซือโจวอยากมีน้องสาวต่างสายเลือดตั้งแต่เมื่อใด” “ฮ่า ๆ ๆ นับแต่ข้ารู้ว่าพี่กวนสมควรมีสตรีสักคนอยู่ข้างกาย!” กวนเฉินหลางคำรามเสียงดัง เขาหรือจะสนใจสตรีใบ้และอัปลักษณ์ ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากกระโจมมุ่งหน้าไปยังค่ายกลพร้อมแผนที่จากโจวจื่อเว่ย ค่ายกลดังกล่าวสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์จางซึ่งหายสาบสูญไปเมื่อสิบปีก่อน และจนป่านนี้ยังไม่มีใครหาทางออกสำเร็จ!! ยามนั้นอวิ๋นมู่หลันหรือจะคาดคิดว่าคนที่ยื่นมือช่วยนางไว้จะเป็นกวนเฉินหลาง ‘ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ข้าตาย!’ นางสบถในใจและเหมือนเขารับรู้ได้ ร่างกายอุ่นซ่านจึงส่งพลังบางอย่างถึงเรือนกายบอบบาง “ชีวิตที่สองของเจ้า ก็เป็นข้าที่ช่วยไว้” ฮึ เขากำลังทวงบุญคุณกับนาง! อวิ๋นมู่หลันเงยหน้ามองบุรุษที่ชวนให้ขนลุกซู่ด้วยสายตาชิงชัง “หากแค้นข้าก็ต้องเข้มแข็งและมีชีวิตรอดให้จงได้ เพื่อที่จะเอา ชนะข้าในวันข้างหน้า” เหตุใดนางต้องเอาชนะชายผู้นี้ ไร้เหตุผลสิ้นดี นางเสมองไปทางอื่น ไม่อยากแยแส ไม่อยากเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ ดวงตาคมกริบมองอวิ๋นมู่หลัน เห็นนางปั้นหน้าบูดบึ้งก็รู้ว่าคงอยากหนีจากเขาในทุกลมหายใจเข้าออก ดังนั้นคนตัวโตจึงกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิม “อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดจากที่นี่ได้ หากปราศจากข้า” ‘เป็นท่านต่างหากที่ต้องพึ่งพาหญิงใบ้สติเลอะเลือน!’ หญิงสาวทำปากขมุบขมิบด่าทอเขาไม่หยุด จากนั้นเขาก็พาออกมาจากโพรงหินแห่งนั้น กระทั่งมายืนด้านนอก นางรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว บรรยากาศเย็นชื้นทั้งยังมีเสียงสัตว์ป่าร้องโหยหวนเป็นระยะ ๆ “กลัวรึ... หากกลัว เหตุใดยังให้ท่าทหารพวกนั้นจนพลัดตกเขา และลำบากผู้อื่นเช่นนี้” อวิ๋นมู่หลันเดือดดาลจัด นางถลึงตาใส่เขาพลางใช้ภาษามือสื่อสารมั่วไปหมด “ช่วยหมาช่วยแมวคงดีกว่านี้ ทั้งที่เห็นว่าโจรป่าอยากเสพราคะกับเจ้า ข้าไม่ควรยื่นมือไปสอดจริง ๆ” ท่าทางเขาร้ายกาจมากพอแล้ว แต่วาจากลับน่าขยะแขยงกว่าร้อยเท่าพันทวี ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอหน่วย นางแค้นใจและอดสู เหตุใดถึงไม่เกิดมาเป็นคนเข้มแข็งและสามารถตอบโต้บุรุษตัวโตเช่นเขาได้ ที่กวนเฉินหลางเอ่ยอย่างนั้นเป็นเพราะต้องการข่มขู่นาง หาก อวิ๋นมู่หลันต้องการมีชีวิตรอดย่อมต้องประพฤติตนให้ดี ยกเว้นแต่เมื่อรอดชีวิตออกจากที่นี่ได้ หากนางปรารถนาอยากเอาป้ายแขวนคอแล้วรับแขก เช่นนั้นเขาคงต้องส่งเสริมให้ถึงที่สุด กวนเฉินหลางปล่อยให้อวิ๋นมู่หลันเดินไปนำหน้าเขา ยามนั้นดวงตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดจึงปกคลุมทุกแห่งหน อวิ๋นมู่หลันหยุดชะงักฝีเท้า ให้ขวัญกล้าเพียงใดนางก็เป็นเพียงสตรี ‘สมควรเป็นท่านที่ต้องนำทาง’ “ฮึ... เช่นนั้นจงวิ่งให้ทันข้าแล้วกัน” ชายหนุ่มเอ่ยจบจึงเปลี่ยนมาอยู่ข้างหน้า พอก้าวไปได้อีกสามสี่ก้าวก็ใช้แขนข้างหนึ่งขวางทางไม่ให้นางสืบเท้าต่อ “มีกับดัก!!...” สิ้นคำพูดนั้นอวิ๋นมู่หลันจึงไม่กล้าขยับไปไหน ทว่าเป็นกวนเฉินหลางที่ถอดสายรัดเอวของตนออก ข้างในมีท่อนเหล็กอ่อนถักเป็นโซ่ มันมีความยาวราว ๆ 1 จิ้ง (3.3 เมตร) ซ่อนอยู่ ชายหนุ่มใช้มันแทนเชือก เขาฟาดโซ่เหล็กหัวมังกรขึ้นไปในอากาศให้ด้านที่เป็นตะขอปักเข้ากับกิ่งไม้ใหญ่ซึ่งอยู่สูงเหนือศีรษะขึ้นไป “กอดข้าให้แน่น หากไม่อยากถูกไม้ไผ่เจาะร่างเจ้าจนพรุน!” อวิ๋นมู่หลันได้ยินคำพูดเขานางก็ฝืนใจเข้าไปกอดชายหนุ่มจากทางด้านหลัง แต่กวนเฉินหลางคำรามเสียงฮึ่มอย่างขัดใจ “ข้างหน้าสิ… เจ้าเป็นลูกลิงเยี่ยงนั้นรึ ถึงคิดเกาะข้าเช่นนั้น” ต่อว่านางจบเขาก็ใช้มือข้างที่ว่างหมุนร่างนางให้มาเผชิญหน้ากัน “แน่นกว่านี้ เจ้าเคยกอดบุรุษหรือไม่!” หญิงสาวไม่ได้แสดงท่าทีฮึดฮัดแต่นางร้อนรุ่มทั่วร่าง เพราะเมื่อยืนชิดกันส่วนที่ยืดได้ขยายได้ของบุรุษก็แข็งขัน และเสียดสีพื้นผิวบอบบางของอวิ๋นมู่หลัน ยามนั้นดวงหน้าที่อัปลักษณ์ร้อนผ่าวอีกทั้งแต้มสีแดงระเรื่อด้วยเขินอาย พอเข้าใช้กำลังแขนพานางลอยขึ้นเหนือพื้นก็เป็นเวลาเดียวกันที่ลำไม้ไผ่ซึ่งมีปลายแหลมคมพุ่งออกจากจุดอำพรางสายตาไว้ อวิ๋นมู่หลันกลัวจับใจ นางจึงซุกซบและกอดกวนเฉินหลางแน่นราวกับอีกฝ่ายเป็นหลักยึดเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD