ในเช้าของวันต่อมาหอศิลป์ตื่นขึ้นมาด้วยความแจ่มใส ทว่าเมื่อดวงตาคู่คมหันไปมองเจ้างูขาวข้างกายขมับหนาๆก็ดันปวดตุบขึ้นมาอีกแล้ว
ไวท์เดย์เป็นงูไม่ปกติอันนี้เขารู้ดี มันจะมีงูบ้านไหนที่นอนกรนแล้วแผ่แม่เบี้ยบ้างล่ะ มันไม่มี๊!
งูขาวข้างกายอยู่ในร่างงูตัวน้อยเต็มตัว นอนขดเป็นก้อนดูท่าจะฝันดีเพราะขนาดหอศิลป์ตื่นมาแล้วเจ้าตัวยังนอนกรนสบายใจอยู่เลย
หอศิลป์ตัดสินใจล้มตัวลงนอนอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้คิดจะหลับ ใบหน้าหล่อเหลามองงูขาวของตัวเองไม่วางตา เขากะว่าจะสังเกตุดูพฤติกรรมเจ้าตัวน้อยดูสักหน่อยขณะอีกฝ่ายยังนอนอยู่
แต่ดูไปดูมา นอกจากความน่ารักแล้วเขาก็มองอย่างอื่นไม่เห็นเลย ไวท์เดย์เป็นงูที่น่ารักที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย น่ารักจนใจเจ็บน่ารักไม่บันยะบันยังน่ารักแบบไม่มีคำบรรยาย
ผู้ที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นปะป๊าน้องไวท์หลงลูกสาวมีจู๋ขั้นสุด คำว่าคนสวยไม่จำเป็นต้องใช้กับผู้ชายและลูกของเขาสวยแบบไม่มีข้อกังขา
ไวท์เดย์เหมือนสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องตัวเองมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว งูขาวจึงได้ปรืดดวงตาคู่สวยขึ้นมามอง และสิ่งแรกที่เขาได้เห็นก็คือใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายตัวเอง
"มอนิ่งนะคะคนสวย"
คำพูดทักทายอย่างที่ทำในทุกๆเช้า งูขาวกระดิกหางอย่างอารมณ์ดี เลื้อยเข้าไปใกล้เจ้านายแล้วชะโงกหัวไปทาบริมฝีปากตัวเองกับอวัยวะเดียวกันของอีกคน
หอศิลป์ใจฟูแต่เช้าทว่ายิ้มหน้าบานได้ไม่ทันไร เจ้าตัวน้อยตรงหน้าก็กลายร่างกลับมาเป็นครึ่งคนครึ่งงูอีกแล้ว
"อรุณสวัสดิ์พี่ศิลป์"
กายสีขาวโถมตัวเข้าหาเจ้านายตรงหน้า พร้อมกับประกบปากทาบทับกับริมฝรปากของเจ้านายอีกครั้ง ไม่ว่าจะร่างงูน้อยหรือร่างนี้ ไวท์เดย์ก็อยากจะมอบความรักให้หอศิลป์ทั้งสองร่างเลย
ร่างสูงกอดประคองร่างสีขาวเอาไว้แน่น เขาลูบเรือนผมสีเส้นไหมพลางถอนหายใจน้อยๆขอบคุณตัวเองที่ยังไม่หัวใจวายตาย
"ตื่นมาก็ซนเลยนะคนสวย"
"ไวท์เป็นเด็กดีของพี่ศิลป์ตลอดน้า"
ใบหน้าน่ารักว่าอย่างทะเล้น หอศิลป์จึงได้รับพลังบวกมาตั้งแต่เช้า จะว่าไปแล้วเหมือนว่าเขาจะมีคำถามบางอย่างอยู่ในใจ เมื่อร่างสีขาวตรงหน้าสามารถพูดคุยตอบโต้กับเขาได้แล้วเขาจึงได้ว่าขึ้นมาทันที
"จริงสิเธอขา ปกติแล้วงูเขาจะแผ่แม่เบี้ยตอนนอนกรนด้วยหรอคะ"
"พี่จะบ้าหรอ งูที่ไหนแผ่แม่เบี้ยตอนนอนกรนกัน เขาเอาไว้แผ่ตอนขู่ศัตรูต่างหาก เลี้ยงงูยังไงของพี่เนี่ย ไม่ได้เรื่องๆ"
หอศิลป์ถึงกับตากระตุกเมื่อได้ยินคำตอบ งั้นไอ่แผงคอที่เขาเห็นก็คงไม่ใช่แม่เบี้ยของเจ้าตัวสินะ แล้วแบบนี้เขาควรเรียกมันว่าอะไรดี แม่แบ้ดีมั้ย?
"งั้นเธอแผ่แม่เบี้ยตอนขู่ศัตรูได้มั้ยคะ พี่เอาเธอมาเลี้ยงก็ไม่เห็นเธอไปขู่ฟ่อๆใส่ใครเลย"
คำถามนี้ทำให้งูขาวถึงกับเงียงไปฉับพลัน ส่วนคนที่ถามก็ได้แต่เลิกคิ้วสงสัย คำถามนี้ของเขามันตอบยากขนาดนั้นเลยหรอ แค่แผ่แม่เบี้ยได้รึเปล่างูปกติก็น่าจะทำได้นี่
"พี่อะ เลี้ยงเราดีเกินไป เราลืมสัญชาตญาณความเป็นงูไปหมดแล้ว ลืมวิธีแผ่แม่เบี้ยด้วย"
ใบหน้าน่ารักคว่ำปากลงอย่างแง่งอน หอศิลป์ตอนนี้ก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย เลี้ยงดีเกินไปนี่เป็นความผิดของเขารึเปล่า เลี้ยงดีแล้วมันไม่ดีหรอ
"แล้วมันไม่ดีหรอคะ"
"มันก็ดี แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งพี่ทิ้งเราล่ะ เราจะอยู่ยังไงอะ"
ดวงตาคู่สวยช้อนมองกลับมาอย่างเว้าวอน หอศิลป์เลยต้องรีบคว้าตัวเจ้างูขาวของตัวเองมากอดแนบอก กลัวว่าเจ้าน้องจะเสียใจ
"โอ๋ๆนะเด็กดี อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ ใครกันใครจะทิ้งเธอ พี่ไม่มีวันทิ้งเธออยู่แล้วค่ะ"
"จริงนะ"
"ที่รักของเธอคนนี้เคยโกหกเธอด้วยหรอคะ"
ใบหน้าน่ารักส่ายหน้าไปมา เพราะที่อีกฝ่าว่ามันก็จริงนั่นแหละ หอศิลป์ไม่เคยโกหกเขาอีกทั้งยังดูแลเขาดีมากมาตลอด งูขาวจึงกอดกลับเจ้านายของตัวเอง
"งั้นพี่อยู่กับเราตลอดไปเลยนะ"
"แน่นอนค่ะ"
หอศิลป์ตอบกลับหนักแน่น ไวท์เดย์จึงได้อารมณ์ดีขึ้นมา แต่ตอนนี้งูขาวท้องร้องโครกครากไม่บอกก็รู้ว่าถึงเวลากินของเจ้าขาวแล้ว
"พี่ศิลป์เราหิว"
เจ้าน้องบอกกับมนุษย์ตรงหน้าตามตรง หอศิลป์เลยพยักหน้ารับแล้วบอกให้น้องไปล้างหน้าแปรงฟันจัดการตัวเองก่อนจะไปกินข้าว เจ้าน้องเองก็ว่าง่ายรับฟัง พยักหน้ารับแล้วเลื้อยเข้าห้องน้ำไป
"พี่ศิลป์พี่จะทำอะไรกินหรอ"
งูขาวเลื้อยไปตามทางมาหามนุษย์ที่อยู่ในครัวก่อนจะชะโงกหน้าไปดูสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังทำ
"วันนี้พี่ได้กุ้งตัวใหญ่มาเลยกะจะทำกุ้งอบวุ้นเส้นกับบล็อคโคลี เธอกินได้มั้ยคะ"
"กินได้สิ อีกครึ่งนึงของเราเป็นมนุษย์ เราก็ต้องปรับตัวแบบมนุษย์ แต่ว่านะ..พี่อย่าใส่ไอ่เขียวๆนั่นเยอะได้มั้ย"
เขียวๆที่เจ้าขาวว่าก็คงไม่พ้นผักอย่างบล็อคโคลีนี่แหละ เจ้าของดวงตาคู่คมได้แต่หัวเราะในลำคอ งูขาวของเขาเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด แต่เพื่อโภชนาการที่ครบถ้วน ยังไงซะเจ้าน้องก็ต้องกิน
"อยากช่วย"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มว่าแผ่วเบา ไวท์เดย์ยืนมองหอศิลป์สักพักก็อยากจะทำตัวเป็นประโยชน์ให้อีกคนบ้าง หอศิลป์เลยกวาดตามองไปโดยรอบและมอบหน้าที่หนึ่งอย่างให้เจ้าน้องทำ
"งั้นเธอมานี่มา พี่จะสอนแกะเปลือกกุ้งนะ แกะตั้งแต่หางขึ้นมาแบบนี้"
หอศิลป์ว่าพลางสาธิตให้งูขาวดู เจ้าน้องก็พยักหน้ารับหงึกๆขยับมาทำส่วนนี้แทน ส่วนหอศิลป์เมื่อมอบหมายงานเรียบร้อยก็ปลีกตัวไปทำอย่างอื่นต่อ ไม่ว่าจะตั้งน้ำเตรียมเส้นหั่นผัก
แต่พอคิดได้ว่าทิ้งกุ้งไว้กับงูก็เหมือนทิ้งปลาไว้กับแมว พอหันกลับไปเช็คดูเจ้างูขาว ดวงตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นหางกุ้งที่อยู่คาปากเจ้าน้องกับจำนวนกุ้งในถ้วยที่ดูลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนยิ้มถึงกับคิ้วกระตุก หอศิลป์ไม่ได้ว่าอะไรจ้าน้องหรอกที่เอาของไปกิน แต่มันไม่สุกเขากลัวน้องจะท้องเสียต่างหาก
"ไวท์เดย์"
งูขาวถึงกับขนลุกชัด ชื่อเรียกที่ปกติเจ้านายไม่ได้ใช้ถูกงัดออกมาในเวลาที่เจ้าตัวไม่พอใจ งูขาวสั่นกลัว กลัวว่าเจ้านายจะตี ร่างสีขาวยกมือขึ้นเหนือหัวอย่างจำนน ทว่ากลับส่ายหัวเหมือนกับจะบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร
"กินได้พี่ไม่ว่าแต่ต้องทำให้สุกก่อนเข้าใจมั้ยคะ เธอท้องเสียขึ้นมาจะทำยังไง "
"เราขอโทษ"
ร่างสีขาวว่าเสียงหงอย ถ้าหากว่าไวท์เดย์มีหูมีหางตอนนี้คงจะหูตกหางตกไปแล้ว ร่างสูงได้แต่บอกกับเจ้าน้องว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวที่เหลือเขาจัดการเองแล้วให้เจ้าน้องไปรอกินอย่างเดียว
ตอนแรกงูขาวก็ยังรู้สึกผิด แต่โดนเจ้านายจุ๊บไปหนึ่งทีก็กลับมาเริงร่าได้อีกครั้ง กายสีขาวล้างไม้ล้างมือให้เรียบร้อย จากนั้นจึงไปรอเจ้านายที่โต๊ะอาหารตามคำสั่ง
หอศิลป์ได้แต่ส่ายหน้าให้ความไร้เดียงสาของงูขาวตัวน้อย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนหรือรูปร่างอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปยังไงไวท์เดย์ก็ยังตัวกะเปี๊ยกสำหรับหอศิลป์เสมอ
กลิ่นอาหารหอมกรุ่นตลบอบอวลไปทั่วบ้าน กุ้งอบวุ้นเส้นฝีมือหอศิลป์ถูกยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะในเวลาไม่ช้า
งูขาวตาเป็นประกายจ้องมองจานอาหารอย่างไม่วางตา อาหารตรงหน้ามีกลิ่นหอมและน่าอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
"มานี่มาคนสวยเดี๋ยวพี่สอนเธอใช้ช้อนกินข้าวนะคะ"
ร่างสูงขยับกายไปนั่งข้างร่างสีขาว เขาจับช้อนซ้อมขึ้นมาสอนการจับการใช้งานให้งูขาวข้างกาย ไวท์เดย์ทำตามอย่างว่าง่าย การใช้ช้อนส้มไม่ได้ยากอย่างการใช้ตะเกียบเขาจึงสามารถเรียนรู้ได้ในเวลาอันสั้น
"เป่าก่อนนะคะมันร้อน"
หอศิลป์พูดเตือนขณะที่เจ้าน้องกำลังจะเอากุ้งตัวส้มเนื้อแน่นเข้าปาก ควันจากเนื้อมองด้วยตาก็รู้ว่าของตรงหน้ายังคงมีอุณภูมิที่สูงอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาเป่าๆอาหารให้เป็นตัวอย่าง งูขาวจึงได้ทำตามและลิ้มรสอาหารมือนี้อย่างสุขสม
ทว่าระหว่างที่กุ้งตัวส้มกับวุ้นเส้นในจานถูกสูบไปจนเกือบหมด เจ้าผักใบเขียวกลับนอนนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ถูกแตะต้อง งูขาวตัวนี้เลือกกินไม่น้อย เจ้าตัวเขี่ยผักที่ไม่ชอบออกจนหมด หอศิลป์ที่เห็นแบบนั้นเลยต้องงัดไม้เด็กออกมา
คนตัวสูงใช้ซ้อมจิ้มไปที่ผักสีเขียว เขายื่นมันไปตรงหน้าร่างสีขาวแต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าหนี หอศิลป์เอกการแสดงเลยงัดไม้เด็ดรับบทเจ้าน้ำตาออกมา
"เธอขาไม่อยากกินอาหารที่พี่ทำหรอคะ พี่ทำอาหารไม่อร่อยใช่มั้ยเธอถึงไม่อยากกิน"
"พี่ทำอร่อยแต่ว่า.."
"ไม่ต้องพูดเลยค่ะ พี่เห็นแล้วว่าเธอไม่อยากกิน ไม่เป็นไร พี่ก็แค่ตั้งใจทำมากๆเท่านั้น ไม่ต้องกินก็ได้ค่ะ ไม่ต้องกินความตั้งใจของพี่ ไม่ต้องกินของที่พี่ทำก็ได้ค่ะ"
น้ำเสียงตัดพ้อและมารยาร้อยเล่มเกวียนของหอศิลป์ถึงกับทำให้ไวท์เดย์ทำตัวไม่ถูก เจ้าน้องแน่นอนว่าไม่อยากให้คนตรงหน้าเสียใจ สุดท้ายร่างสีขาวเลยต้องจำใจ หลับหูหลับตารับเจ้าผักเขียวๆเข้าปากจนได้
พอผักใบเขียวอันนึงถูกป้อนให้กินสำเร็จ หอศิลป์ก็ป้อนเจ้าน้องต่อไปเรื่อยๆ งูขาวที่รักเจ้านายสุดใจแม้จะไม่ถูกกับผักสีเขียวมากแค่ไหน สุดท้ายก็รับพวกมันเข้าปากแล้วกลืนลงท้องจนหมดอยู่ดี
"เก่งมากเลยเด็กดี"
หอศิลป์ว่าพลางลูบหัวทุยของเจ้าน้องอย่างแผ่วเบา งูขาวทำหน้าผะอืดผะอมเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็กลับมาดีขึ้นได้
"พี่ศิลป์หายน้อยใจรึยัง เรากินที่พี่ป้อนให้จนหมดเลยนะ พี่ศิลป์ไม่น้อยใจแล้วนะ"
งูน้อยมองกลับมนุษย์ตรงหน้าอย่างเป็นห่วงเป็นใย หอศิลป์จึงได้พยักหน้ารับ
ที่เคยบอกว่างูขาวของเขาน่ารักที่สุดในโลกไม่เคยพูดเล่นๆ ไวท์เดย์น่ารักจริงๆอย่างไม่มีข้อสงสัย แล้วมองกันตาใสแป๋วขนาดนี้มีหรอที่เขาจะอดใจไหว
จะมองข้ามเรื่องเจ้าน้องเป็นงูประหลาดแผ่แม่เบี้ยไม่เป็นแล้วกอดรัดเจ้าน้องให้จมอกดีกว่า
"ไหนอิ่มมากมั้ยคะดูพุงหน่อย"
เจ้าน้องลูบพุงกะทิขาวๆให้ดูเป็นหลักฐานว่าอิ่มมาก หอศิลป์เลยรวบเก็บจานอาหารแล้วหอมแก้มนิ่มๆของเจ้าน้องไปหนึ่งทีเป็นค่าเหนื่อย
งูขาวได้แต่มองตามอีกคนไปพลางกุมแก้มไป พี่ศิลป์หนอพี่ศิลป์ ชอบทำให้งูใจสั่นอยู่เรื่อย
งุ้ย ถึงน้องจะเป็นงูแปก แต่พิ้ก็รักน้องนะค้าฟ
ใครเอ่ยคิดไม่ซื่อก่อนกัน 10 คะแนน