ช่วงกลางดึกอันเงียบสงัดสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งในห้องยังคงไม่หลับไหลไปพร้อมกับผู้เป็นนาย มันเลื้อยผ่านร่างกายของมนุษย์บนเตียงไปมา ก่อนจะหามุมให้ตัวเองสามารถซุกตัวเข้าไปได้อย่างพอดิบพอดี
ไวท์เดย์ค่อยๆเปลี่ยนจากร่างงูขาวกลายเป็นสิ่งมีชีวิตไร้ชื่อเรียก มันกอดรัดร่างของอีกคนที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนเตียง ข้างบนก็ใช้ส่วนที่เป็นคนกอดซบช่วงอกแกร่ง ส่วนท่อนล่างก็พันรัดด้วยหางงู เมื่อได้ที่ได้ทางที่ตัวเองสบายใจ เจ้าตัวน้อยก็ลอบยิ้มแล้วนอนหลับตาพริ้ม
ในรุ่งเช้ามนุษย์ในห้องสัมผัสได้ถึงร่างกายที่หนักอึ้ง เหงื่อเม็ดใสไหลผุดขึ้นบนใบหน้าทั้งๆที่แอร์ในห้องก็เย็นฉ่ำ เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอีกทั้งยังไม่สามารถขยับเขยื่อนร่างรายได้
ความคิดแรกในหัวหลังจากที่รู้สึกตัวคือหอศิลป์คิดว่าตัวเองคงจะโดนผีอำแน่ๆ แต่ด้วยความที่ว่าเดิมทีเขาไม่ใช่คนกลัวผีและค่อนข้างเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์ เขาจึงคิดว่าอาการที่ตัวเองเป็นตอนนี้คงเกิดจากการที่ตัวเองนอนท่าเดิมนานเกินไป
ดวงตาสีรัตติกาลลืมตาขึ้นมาจากความมืด หอศิลป์ค่อยๆปรับโฟกัสสายตาสำรวจมองรอบตัวหาถึงเหตุผลว่าอะไรถึงทำให้เขารู้สึกหายใจไม่สะดวกขนาดนี้
ตอนแรกก็คาดหวังอยู่หรอกว่าภาพตรงหน้าอาจจะเป็นผีหน้าเละๆ แต่พอสองตาจับโฟกัสได้แล้วสิ่งที่เขาเห็นในม่านสายตาก็ดันเป็นอย่างอื่นซะงั้น
นัยน์ตาคู่คมสบมองร่างโปร่งผิวขาวเนียนละเอียดยิ่งกว่าเม็ดทราย บนร่างกายไม่มีอาภรณ์ส่วมใส่ หากแต่ถ้าพินิจดูดีๆจากรูปร่างที่ปรากฏตรงหน้าสิ่งมีชีวิตสีขาวต้องเป็นบุรุษเพศไม่ผิดแน่
ทว่าผู้ชายคนนั้นกลับมีเรือนผมสีขาวยาวเหมือนเส้นไหม อีกทั้งเครื่องหน้ายังงดงามมากซะจนนึกว่าหลุดมาจากเทพนิยาย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ดวงตาคู่คมสะดุดไปเห็นแล้วทำให้ต้องตาค้างยิ่งกว่า ก็คงไม่พ้นท่อนล่างตั้งแต่ช่วงเอวลงไป ที่เป็นหางเกล็ดขาวเหมือนกับงูไม่มีผิด
ช่วงท่อนล่างนั้นเองนี่แหละที่กอดรัดร่างกายของหอศิลป์จนขยับไปไหนไม่ได้ อีกทั้งยังรัดแน่นซะจนหายใจไม่ออก
ร่างสูงในห้องถึงกับนิ่งค้าง จังหวะการหายใจติดขัดยิ่งกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะรู้สึกยังไง หรือทำตัวแบบไหนดี ถ้าปลุกเจ้าตัวนี้ขึ้นมาเขาจะโดนกินรึเปล่า
และเหมือนจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติของเขาจะไปปลุกบางสิ่งให้ตื่นขึ้นมา ดวงตาคู่สวยเปิดขึ้นพร้อมกับหันมาสบมองใบหน้าหล่อเหลาเจ้าของดวงตาสีรัตติกาล
หอศิลป์แทบหยุดหายใจเมื่อดวงตาทั้งสองของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเปิดขึ้นมา นัยน์ตาทั้งสองของเจ้าตัวเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ข้างนึงเป็นสีฟ้าอย่างกับอัญมณี อีกข้างเป็นสีเหลืองทองอร่ามวาววับไม่ต่างกัน
สิ่งมีชีวิตเดียวที่เขาคิดถึงหลังจากได้เห็นคนตรงหน้า คงจะไม่พ้นเจ้างูขาว ไวท์เดย์ของตัวเอง ดวงตาคู่สวยคู่นั้นให้ความรู้สึกใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ต่างกันแม้แต่น้อย
"พี่หอศิลป์ตื่นแล้วหรอ อรุณสวัสดิ์นะ"
เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มว่าพลางยิ้มบาง ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงอย่างพระจันทร์เซี้ยว แรงที่กอดรัดร่างใหญ่ก่อนหน้านี้ค่อยๆคลายลง ก่อนที่สิ่งมีชีวิตสีขาวจะขยับใบหน้ามาเอาปากแตะที่ริมฝีปากของอีกคน
งูขาวจำได้ว่าเจ้านายของตัวเองชอบทำแบบนี้ หอศิลป์ชอบให้น้องเอาปากมาแตะๆกันในตอนเช้า ในเช้านี้น้องเลยเริ่มทำก่อนบ้าง
หอศิลป์ตอนนี้วิญญาณออกจากร่างเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเขาแล้วถ้าหากตอนนี้เป็นฝันมันก็คงจะเป็นฝันที่สมจริงมาก
ร่างสีขาวค่อยๆผละตัวออกจากร่างของอีกคน งูขาวลุกขึ้นนั่งเหยียดกายอย่างขี้เกียจ พอชูแขนขึ้นพร้อมกับป้องปากหาว พลันแม่เบี้ยที่หลังก็แผ่ออกมาเล็กน้อยทันที
หอศิลป์ที่มองดูอยู่เริ่มมั่นใจแล้วหลายส่วนว่าสิ่งมีชีวิตสีขาวตรงหน้าคืองูน้อยของเขา มีอย่างที่ไหนมาแผ่แม่เบี้ยตอนหาวกับตอนบิดขี้เกียจ คงมีแค่งูของหอศิลป์ตัวเดียวนี่แหละ
"ของจริงมั้ยวะ.."
ด้วยความที่ว่าหอศิลป์ก็เล่นเกมแนวแฟนตาซีไว้เยอะ เขาเลยคิดว่าตอนนี้ตัวเองจะเก็บไปฝัน มือหนาเลยลองขยับไปจับๆคลำๆบริเวณเกล็ดงูสีขาว ความรู้สึกที่สัมผัสได้จึงเป็นความรู้สึกของอะไรสึกอย่างที่มันๆลื่นๆแบบเดียวกับที่จับเกล็ดงูจริงๆ
งูขาวถึงกับหันมองตามเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรสักอย่างที่มาลูบๆคลำๆที่ช่วงบั้นท้าย พอเห็นเจ้านายทำท่าทำทางเหมือนจะจับก็ไม่กล้าจับ เจ้าน้องเลยแกล้งกระโจนไปกอด ทำเอาหอศิลป์สะดุ้งหัวใจแทบวาย
ไม่ว่าเกมผีไหนๆที่เขาได้เล่นก็ยังไม่ให้ความรู้สึกน่าตกใจเท่าการที่เมื่อครู่สิ่งมีชีวิตกระโจนเข้ามา มันสมจริงมาก มากจนเขาคิดว่านี่น่าจะเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ
"นะ..นี่ ไวท์เดย์หรอ"
น้ำเสียงทุ้มเข้มถามอย่างไม่แน่ใจ งูขาวที่คิดว่าเจ้านายจะลืมตัวเองไปก็ถึงกับพองแก้มงอนตุ๊บป่อง ผ่านไปคืนเดียวก็ลืมกันแบบนี้มันน่าน้อยใจนะ
"ก็ใช่น่ะสิ พี่ลืมกันแล้วหรอ"
เจ้าน้องเบะปากทำหน้ายู่ใส่ ใบหน้างดงามหม่นลงอย่างน่ารัก หอศิลป์ที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้สิ่งมีชีวิตสีขาวไม่พอใจก็ได้แต่ดึงสติกลับมาง้องูน้อยตรงหน้า
"พี่ไม่ได้ลืม พี่แค่ตกใจ ก็เธอ..เอ่อ..จะว่าไงดีล่ะ"
จะบอกว่าเธอขาของพี่เล่นกลายร่างมาเป็นตัวเป็นตนขนาดนี้พี่ก็ต้องตกใจสิคะ แต่อะไรหลายๆอย่างที่จุกในคอก็ทำให้เขาพูดไม่ออก
หอศิลป์ชอบดูอนิเมะและเล่มเกมแฟนตาซี แต่ก็ไม่คิดว่าในโลกความเป็นจริงแบบนี้เขาจะได้เห็นอะไรที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของโลก
"พี่รู้มั้ยว่าตอนเราอยู่ในร่างงูมันลำบากมากเลยนะ จะกอดพี่ก็ไม่ได้คุยกับพี่ก็ไม่ได้ ไหนๆตอนนี้เราก็โตแล้ว เราขอชิมพี่หน่อยน้าา"
ไม่ว่าเปล่าไวท์เดย์ก็ทำการสานฝันตัวเองขยับไปงับแก้มหอศิลป์เข้าอย่างจัง ส่วนทางเจ้าตัวคนโดนกัดก็ถึงกับรีบดีดตัวออกเพราะเกรงว่าหากยังนิ่งให้ไวท์แทะต่อ เขาอาจจะลงไปอยู่ในกระเพาะงูสุดที่รักของตัวเองก็ได้
ร่างสูงหนีไปตั้งหลักที่ข้างเตียง ส่วนสิ่งมีชีวิตตัวขาวก็ยังคงกระดิกหางมองตามอย่างไม่ละสายตา
ดวงตาสีรัตติกาลมองสำรวจร่างของอีกฝ่ายเต็มตา ช่วงล่างของไวท์เดย์เป็นส่วนของงูที่ยาวลงไปหลายเมตรได้
"เธอขา..แล้วทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ ตลอดมาที่อยู่ด้วยกัน เธอก็ยังเป็นงูปกตินี่นา"
หอศิลป์ถามออกไปตามตรง เพราะตลอด4ปีมานี้ไวท์เดย์ของเขาก็เป็นงูปกติธรรมดาที่น่ารักน่าชัง ทว่าผ่านไปคืนเดียว เจ้าตัวเล็กกลับกลายร่างได้ซะอย่างงั้น
"เราก็ไม่รู้ เมื่อคืนเราก็นอนพร้อมพี่ปกติ ตื่นเช้ามาก็เป็นแบบนี้แล้ว"
ร่างสีขาวว่าพลางขดหางตัวเองมากอด ปลายหางเล็กๆขยับไปมาเหมือนลูกหมาที่กำลังส่ายหาง ทว่าตรงหน้าหอศิลป์มันใช่ลูกหมาซะที่ไหน
"แล้วเธอ..กลับร่างเดิมได้มั้ย"
หอศิลป์ถามอย่างสงสัย ถ้าหากว่าเจ้าน้องของเขากลายร่างมาเป็นแบบนี้ไปตลอดแสดงว่างูน้อยไวท์เดย์จะต้องหายไปแล้วใช่มั้ย แต่เหมือนความกังวลใจเล็กๆของเขาจะถูกปัดเป่าออกไปได้ เพราะร่างสีขาวตรงหน้าค่อยๆเปลี่ยนร่างเป็นงูน้อยสีขาวอย่างเดิม
ไวท์เดย์ตัวน้อยชูคอทำตาใส เลื้อยมาอยู่ริมเตียงเหมือนจะให้หอศิลป์ขยับไปหา และด้วยความคุ้นชิน ร่างสูงจึงได้ขยับไปหางูขาวของตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้จับแค่ก้มลงไปร่างของเขาก็ถูกดึงลงไปแล้ว
ไวท์เดย์แปลงกลับไปเป็นร่างครึ่งงู เจ้าน้องเกี่ยวคอหอศิลป์ลงไปหา ก่อนจะกอดรัดพร้อมกับใช้หางงูเกี่ยวตวัดพันแน่น
"เราอยากกอดพี่ให้เต็มที่แบบนี้มานานแล้ว พี่ศิลป์ก็อยากกอดเราแบบนี้ใช่มั้ย ตอนนี้เราตัวใหญ่แล้วนะ พี่กอดเราสิ"
เจ้าของดวงตาสีอัญมณีว่าพลางซุกใบหน้าลงกับลาดไหล่กว้าง หอศิลป์ถึงกับใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกเพราะตัวเองก็ไม่เคยใกล้ชิดใครแบบนี้ อีกอย่างกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างสีขาวตรงหน้าก็หอมมาก ทำเอาเขานิ่งค้างไปครู่นึงเลย
ร่างใหญ่กอดกลับเรือนร่างขาวเนียนละเอียด สิ่งมีชีวิตตรงหน้าของเขาตัวนุ่มนิ่มมากไม่ว่าจะลูบจับไปตรงไหนก็สัมผัสได้เพียงแต่ผิวเนื้อที่เรียบเนียน
"พี่ทำอะไร เราจั๊กจี้นะ"
ไวท์เดย์ว่าพลางเอี้ยวหลบมือร้อนของอีกฝ่าย ใบหน้าสวยยิ้มบางอย่างมีความสุข หอศิลป์เห็แบบนั้นก็นึกหมั่นไส้สิ่งมีชีวิตตรงหน้าไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาจึงได้กดลงฟัดเจ้าแก้มเนียนขาว ยิ่งสัมผัสยิ่งให้ความรู้สึกนุ่มหยุ่นไปหมด
"เธอขาของพี่น่ารักจังเลย"
ความกระดากอายของหอศิลป์ถูกปัดตกจนหมดเมื่อเขาคิดได้ว่าก้อนขาวตรงหน้าคือไวท์เดย์ของตัวเอง อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีก็เคยคิดอยู่หรอกว่างูของตัวเองต้องสวยมากแน่ๆถ้าแปลงร่างเป็นคนได้
ภาพตรงหน้าตอนนี้ก็ไม่ผิดคาดซักเท่าไหร่ เพราะไวท์เดย์ของเขาทั้งสวยทั้งน่ารักจนใจเจ็บจริงๆ
ร่างสูงช้อนตัวร่างสีขาวขึ้นมานั่งบนตัก ด้วยความว่าไวท์เดย์ท่อนล่างค่อนข้างยาว น้ำหนักของเจ้าตัวเลยมากตามไปด้วย
"ดูเหมือนพี่จะขุนเธอดีไปหน่อย ดูสิอ้วนเชียว"
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยแซวพลางลูบไปที่ช่วงท้องแบนราบของสิ่งมีชีวิตบนตัก ใบหน้าน่ารักพองแก้มอีกแล้ว ก็ใครใช้ให้เจ้านายว่าเขาอ้วนกันล่ะ
"เราไม่ได้อ้วนสักหน่อย เรากินนิดเดียวเองนะ"
ไวท์เดย์ว่าพลางลูบมือใหญ่ของเจ้านาย มือเรียวสีขาวเมื่อเทียบกับอีกฝ่ายแล้วดูจะเล็กลงไปทันตา
เจ้าน้องเงยหน้ามองมนุษย์ตรงหน้าพร้อมกับผุดความคิดร้ายกาจในหัว
"ถ้าจะให้เราอ้วนจริงๆ พี่ต้องให้เรากินพี่เข้าไปด้วย"
ไม่ว่าเปล่าริมฝีปากบางก็เริ่มแยกเขี้ยว ฟันแหลมคมเรียงตัวสวยในปากประกายวับต้องแสงทันที่ที่ปรากฎ
หอศิลป์ถึงกับหน้าซีดเผือก แต่ยังไม่ทันจะถอยหนี เจ้าตัวเล็กก็พุ่งมากัดคอเขาซะก่อนแล้ว
ไอ่ที่ว่าจะกินนี่คือจะกินจริงๆนะ! ไวท์เดย์มันจะกินเขาแล้ว!
กัดจมเขี้ยวไม่ออมแรงขนาดนี้ หอศิลป์ว่าอีกไม่นานตัวเองต้องลงไปอยู่ในท้องเจ้าขาวแน่ๆ
"เธอขาๆ พี่ขอโทษๆ โอ้ย! พี่ไม่ว่าแล้ว เธ๊ออปล่อยพี๊!"
เสียงพี่ศิลป์ดูโหยหวนมากเลยนะคะ
น่าสงสาร(สมน้ำหน้า)จังเลยค่ะ