“หมิว... รอด้วยสิ”
เสียงเพื่อนร้องเรียกดังขึ้นด้านหลัง ทำให้ลลิตา หรือหมิวต้องหยุดเดิน และหมุนตัวกลับไปมอง ก่อนจะระบายยิ้มหวาน เมื่อเห็นว่าเป็นดวงฤดีวิ่งตามมา
“ฤดี”
ดวงฤดีวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดตรงหน้า ก่อนจะเริ่มต้นตัดพ้อ
“ทำไมไม่รอกันบ้างเลย ฉันวิ่งตามเหนื่อยแทบแย่แน่ะ”
ลลิตาระบายยิ้มบางๆ
“หมิวต้องรีบไปทำงานพิเศษน่ะฤดี”
“งานที่ร้านอาหารน่ะเหรอ”
“อืม”
ดวงฤดีมองเพื่อนอย่างสงสาร เพราะเพื่อนสนิทของตัวเองทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเลยทีเดียว ตั้งแต่เรียนด้วยกันมาจนจะจบปีสี่อยู่แล้ว หล่อนยังไม่เคยเห็นวันไหนเลยที่ลลิตาจะไม่ไปทำงานหลังจากเลิกคลาสเรียน
“ยายเธอหายป่วยหรือยังหมิว”
“ยายหายดีแล้วจ้า ขอบใจนะฤดี”
ดวงฤดีถอนใจออกมาเบาๆ
“งั้นฉันเดินไปส่งขึ้นรถเมล์นะ”
ลลิตาตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“ขอบใจจ้ะ”
สองสาวเดินเคียงกันออกมาจะพ้นหน้ามหาวิทยาลัยรัฐอันดับต้นๆ ของประเทศไทยอยู่แล้ว แต่แล้วลลิตาก็ต้องชะงักกึก เมื่อผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านหน้าไปในระยะกระชั้นชิด
สองเท้าคล้ายกับถูกตอกตรึงเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว ไม่ต่างจากดวงตาที่ไม่อาจจะละจากเรือนร่างของผู้ชายคนนั้นได้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะเดินผ่านไปแล้วก็ตาม
“เป็นอะไรไปหมิว”
ดวงฤดีมองตามสายตาของเพื่อนรักไปก็เห็นว่าลลิตากำลังมองผู้ชายคนหนึ่งอยู่
“อ๋อ... นั่นมันคุณหัสวีร์นี่”
หัสวีร์ อรรถวัฒน์ นักธุรกิจชื่อดังที่ถูกรับเชิญมาเป็นวิทยากรในคาบเรียนเมื่อช่วงบ่ายนั่นเอง
“อย่าบอกนะว่าเธอชอบคุณหัสวีร์น่ะยายหมิว”
คนถูกถามแก้มแดงปลั่ง ก่อนจะรีบปฏิเสธ และละสายตาจากเรือนของผู้ชายคนนั้น
“เปล่า... นะ...”
“เปล่า แต่เห็นมองตาไม่กะพริบเลยนะ”
“เออ... ฉันก็มองไปทั่วนั่นแหละ”
ลลิตาแก้ตัว และรีบตัดบท
“เธอส่งฉันแค่นี้ก็ได้นะฤดี เดี๋ยวฉันเดินไปป้ายรถเมล์เอง”
ดวงฤดีมองเพื่อนแล้วอมยิ้ม
“ดูสิเขินจนแก้มแดงไปหมดแล้ว”
“เธอพูดอะไรน่ะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับ... เขาจริงๆ นะ”
“เหรอ”
“อืม”
ลลิตายืนยัน แต่หลบสายตาของเพื่อนสนิท ดวงฤดีจึงพูดต่อ
“งั้นเธอก็คงเป็นคนเดียวในคลาสที่ไม่สนใจความหล่อของคุณหัสวีร์ จริงไหม”
“เออ...”
ลลิตาได้แต่ยิ้มบางๆ และหลบสายตาของดวงฤดีพัลวัล
ดวงฤดีส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“งั้นเธอไปทำงานเถอะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ”
“จ้ะ กลับบ้านดีๆ นะฤดี”
“เธอก็เหมือนกันแหละ ยายหมิว เลิกงานแล้วรีบกลับบ้านล่ะ”
“ขอบใจจ้า”
ลลิตาโบกมือให้กับเพื่อนรัก ก่อนจะเดินตรงไปยังป้ายรถเมล์ แม้จะพยายามบอกตัวเองให้หยุดคิดถึงผู้ชายคนนั้น แต่หล่อนทำไม่ได้ ในเมื่อหล่อนตกหลุมรักผู้ชายที่ชื่อหัสวีร์ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตา
“เฮ้อออ...”
หล่อนถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนจะบอกตัวเองว่ามันไม่มีทางเป็นจริงไปได้ เพราะเขาอยู่สูงเกินกว่าที่ผู้หญิงระดับล่างอย่างหล่อนจะสอยลงมาครอบคอรง
หล่อนยิ้มให้กับตัวเองเศร้าหมอง ก่อนจะยืนรอรถเมล์ประจำทางเงียบๆ
หัสวีร์ตีไฟเลี้ยวรถสปอร์ตคันงามออกจากรั้วมหาวิทยาลัยที่เพื่อนสนิทเป็นอธิการบดีอยู่ จังหวะนั้นสายตาของเขาก็มองเลยไปยังบริเวณป้ายรถเมล์ ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งช่างสะดุดตายิ่งนัก เขาเอี้ยวคอมองจนถูกรถอีกเลนส์หนึ่งที่วิ่งสวนมาบีบแตรใส่ เพราะเขาเผลอปล่อยให้รถไปกินเลนส์ถนนของอีกฝั่ง เขาสะดุ้ง ได้สติ และรีบละสายตาจากผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เขาจำได้แม่นเลยว่าหล่อนคือนักศึกษาประจำคลาสที่เขาไปเป็นวิทยากรนั่นเอง
ทำไมเขาถึงจำเจ้าหล่อนได้นะ ทั้งๆ ที่ภายในคลาสเรียนก็มีนักศึกษามากมาย แต่หล่อนช่างสะดุดตาของเขาเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าหล่อนสวยเหมือนนางเอกหนังหรอกนะ แต่หล่อนมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดให้เขาต้องลอบมองบ่อยครั้ง
“บ้าจริง นี่แกเป็นบ้าอะไรไปเนี่ยไอ้หัส”
ชายหนุ่มคำรามด่าทอตัวเองดังๆ ในรถ ก่อนจะเร่งความเร็วรถให้มากขึ้น
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาคว้าขึ้นมากดรับสาย
“ครับพี่ยา”
จริยา อรรถวัฒน์ คือพี่สะใภ้ของเขา หญิงสาวแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านของเขาเกือบสองปีแล้ว ช่วงแรกๆ หล่อนกับพี่ชายของเขาก็รักกันดี แต่ระยะหลังมานี่ เหมือนว่าจะมีเรื่องระหองระแหงกันตลอด และเขาก็ต้องรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับจริยาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“หัสต้องช่วยพี่นะ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับพี่ยา”
เมื่อเห็นว่าต้องคุยกันยาว ชายหนุ่มจึงต้องตีไฟเลี้ยวรถ เพื่อส่งสัญญาณว่ากำลังจะหักพวงมาลัยจอดที่ข้างทาง
“ก็พี่ชายตัวดีของหัสน่ะสิ ก่อเรื่องอีกแล้วน่ะ”
“อะไรนะครับ?”
แล้วจริยาก็ฟูมฟายถึงพฤติกรรมของทศวัฒน์ให้กับเขาฟังด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด จนเขาก็อดที่จะสงสารไม่ได้อีกเช่นเคย
“เดี๋ยวผมจะช่วยพูดกับพี่ทศให้นะครับพี่ยา”
“พี่ชายของหัสจะต้องหลงนังผู้หญิงคนนั้นมากแน่ๆ เลยทำอย่างนี้กับพี่”
“ผมว่าคงยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งครับ”
“หัสอย่าเข้าข้างพี่ชายของตัวเองหน่อยเลย ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าเขามีคนอื่น”
“พี่ยาครับ... ใจเย็นๆ นะครับ”
จริยาคร่ำครวญฟูมฟายมาตามสาย
“หัสต้องช่วยพี่นะ ไม่สงสารพี่ก็คิดว่าสงสารน้องกิ่งก็แล้วกัน”
กิ่ง หรือเด็กหญิงกานจิรา ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของเขานั่นเอง
“ครับพี่ยา”
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาจากปากแรงๆ และเต็มไปด้วยความหนักใจไม่น้อย ความจริงเขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของพี่ชายสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเลย
“ขอบใจหัสมากนะ ขอบใจจริงๆ เลย”
“ผมยินดีครับ”
“พี่หวังว่าคุณทศจะฟังหัส และยอมกลับมาเป็นสามีที่ดีเหมือนเดิม”
ความหวังในน้ำเสียงของจริยาทำให้หัสวีย์อดที่จะสงสารไม่ได้
“พี่ทศแค่หลงผิดไปน่ะครับ ยังไงพี่ทศก็รักพี่ยากับน้องกิ่งมากที่สุด”
“พี่ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นแหละ”
จริยาวางสายไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“ไปหาเหล้ากินดีกว่า”
รถสปอร์ตหรูคันงามแล่นกลับขึ้นมาบนถนนอีกครั้ง และมุ่งหน้าไปยังแหล่งที่เต็มไปด้วยสถานบันเทิงด้วยความเร็ว