ตอนที่ 6

1243 Words
เช้าวันต่อมา หล่อนรีบยกมือไหว้คุณหมอเจ้าของไข้ที่เปิดประตูเข้ามาอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะคุณหมอ” “สวัสดีครับ คุณยายเป็นยังไงบ้างครับ” คุณหมอหนุ่มเอ่ยถามเสียงสุภาพ ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดที่ข้างเตียงของคุณยายของหล่อน “ยังมีไข้อยู่ค่ะ แต่ไม่สูงแล้วค่ะ” “ไข้หวัดใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้แหละครับ ไข้ไม่หายง่ายๆ คงต้องพักฟื้นที่นี่อีกสักสามสี่วัน” “ค่ะ คุณหมอ” “แต่อาการทั่วไปไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วนะครับ คุณหมิวสบายใจได้” หล่อนระบายยิ้มให้กับคุณหมอ ซึ่งเป็นพี่คนสนิทของดวงฤดี “แล้ว... เรื่องค่าใช้จ่าย...” “เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ ฤดีคุยกับหมอแล้ว” “หมิวเกรงใจ...” “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เพื่อนของฤดีก็เหมือนเพื่อนของผมนั่นแหละ เอาเป็นว่าผมขอตัวไปตรวจคนไข้ห้องอื่นก่อนนะครับ” “ค่ะ คุณหมอ” หล่อนเดินไปส่งเขาไปปากประตูห้อง “ขอบคุณคุณหมออีกครั้งค่ะ” ลลิตายกมือไหว้อย่างขอบคุณจริงๆ “ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมยินดีช่วยเหลือครับ” หล่อนส่งยิ้มให้คู่สนทนา ยิ้มที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “งั้นผมไปก่อนนะครับ” “ค่ะ” หล่อนยืนรอจนคุณหมอหนุ่มเดินหายเข้าไปในห้องอื่นแล้ว จึงดึงประตูให้ปิดสนิทลง และเดินกลับมานั่งข้างๆ เตียงของยายอีกครั้ง มือเล็กยกขึ้นวางลงบนหลังมือเหี่ยวย่นของผู้มีพระคุณ น้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้ม “ยายจ๋า... ยายตื่นขึ้นมายิ้มให้หมิวเร็วๆ นะจ๊ะ หมิวคิดถึงยาย...” แล้วหล่อนก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือของยาย ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ หัสวีร์เงยหน้าขึ้นจากเอกสารบนโต๊ะ มองผู้ชายใส่สูทสีดำที่เดินเข้ามาหาอย่างรอคอยคำตอบ “ว่าไงครับ งานที่ผมสั่งให้ไปทำ” ผู้ชายใส่สูทแต่งตัวดี ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนมาวางบนโต๊ะไม้โบราณ หัสวีร์หยิบซองมาเปิดออก และเททุกอย่างในซองนั้นออกมาบนโต๊ะทั้งหมด รูปภาพจำนวนหลายสิบรูปปรากฏแก่สายตา และมันก็ทำให้คิ้วเข้มเลิกสูงด้วยความแปลกใจ ระคนไม่อยากจะเชื่อ “นี่มัน...” “ผู้หญิงคนที่พี่ชายของคุณหัสไปติดพันอยู่ครับ” หัสวีร์จ้องเป๋งไปที่ภาพใบหน้าของผู้หญิงที่ยืนยิ้มให้กับพี่ชายของตัวเอง มองด้วยความกังขาเป็นที่สุด เขามองอยู่นาน ก่อนจะคำรามออกมา “ไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมแบบนี้” “คุณหัสรู้จักผู้หญิงคนนี้หรือครับ” หัสวีร์เงยหน้ามองคนตั้งคำถาม ก่อนจะระบายยิ้มเหยียดหยันออกมา “กะหรี่ชื่อดัง ชื่อมักจะกระฉ่อนเมืองเสมอนั่นแหละ” “คุณหัสรู้จัก?” “เคยเห็นน่ะครับ” หัสวีร์ตอบเสียงรอดไรฟันออกมา “ว่าแต่คุณเถอะ ไปถ่ายรูปนี้ที่ไหนมาครับ เหมือนโรงพยาบาลเลย” “ที่โรงพยาบาลนั่นแหละครับ เห็นว่าญาติของผู้หญิงคนนี้ป่วย พี่ชายของคุณก็เลยพาเข้ามารักษาตัวฟรีๆ โดยไม่คิดเงิน” กรามแกร่งของหัสวีร์บดแน่น สองมือก็กำแน่นไม่ต่างกัน เขาผิดหวังมาก ผิดหวังที่สุด ที่ผู้หญิงที่เป็นมือที่สามของครอบครัวพี่ชาย คือหล่อน คือผู้หญิงที่เขาถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น ทำไมต้องเป็นเธอ?! “ก็คงจ่ายกันเป็นอย่างอื่นน่ะครับ ก็เลยไม่ได้คิดเงิน” หัสวีร์เค้นเสียงออกมาอย่างขยะแขยงเป็นที่สุด เขาไม่น่ารู้สึกอะไรกับเจ้าหล่อนเลย “แล้วจะให้ผม... ทำยังไงต่อไปดีครับ” “หมดหน้าที่ของคุณแล้วล่ะ เดี๋ยวผมให้เลขาฯ โอนเงินค่าจ้างให้วันนี้ เชิญครับ” “ขอบคุณครับ แต่ถ้าคุณหัสมีงานให้ผมทำอีก เรียกใช้ได้เลยนะครับ ผมยินดี” หัสวีร์ฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่ภายในอกเต็มไปด้วยความคลั่งแค้นเดือดดาล “ครับ” นักสืบเอกชนเดินหายออกไปจากห้องทำงานของเขาแล้ว แต่หัสวีร์ก็ยังคงตกอยู่ในวังวนแห่งความขยะแขยงไม่ยอมหยุด “ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเธอ” เขากัดฟันแน่นมากจนเสียงดังกรอด “หน้าซื่อๆ มันบอกนิสัยไม่ได้เลยจริงๆ” เขาเค้นเสียงเดือดดาล เกรี้ยวกราดออกมา แม้มันจะแผ่วเบา แต่ช่างน่ากลัวเป็นที่สุด “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ผู้หญิงแพศยา!” พี่ชายคนสนิทของดวงฤดีจัดหาพยาบาลพิเศษมาดูแลยายให้กับหล่อนในช่วงเวลากลางวัน ทำให้หล่อนสามารถเดินทางมาเรียนได้ตามปกติ “ขอบใจมากนะฤดี” ลลิตาพูดขึ้นอย่างซาบซึ้งใจ เพราะถ้าดวงฤดีไม่ช่วยเหลือ หล่อนก็คงจะไม่ได้มาสอบเก็บคะแนนในวันนี้อย่างแน่นอน “ไม่เป็นไรหรอกน่า เราเพื่อนกันนี่” “ยังไงก็ต้องขอบใจเธอนั่นแหละ” ลลิตาย้ำออกไปอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ออกไป “ฉัน... มีเรื่องอยากจะถามน่ะฤดี” ดวงฤดีที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ ตัวของหล่อนหยุดเคลื่อนไหว และหันมายิ้มให้ “ถามมาสิ” “เอ่อ...” ลลิตาอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไป “ฤดีกับคุณหมอเป็น... เอ่อ... ฉันหมายถึงเป็นแฟนกันใช่ไหมจ๊ะ” หล่อนคิดว่าดวงฤดีน่าจะยิ้มเอียงอาย หรือไม่ก็หน้าแดงจัดด้วยความขัดเขิน แต่ปฏิกิริยาที่เพื่อนสนิทแสดงออกมานั้นกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่หล่อนคาดคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง “ไม่ใช่หรอก” ลลิตาเต็มไปด้วยความแคลงใจ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของดวงฤดี เพื่อนของหล่อนแสดงความอึดอัดออกมาอย่างเห็นได้ชัด “อ๋อ... อย่างนั้นนั่นเอง” “หมิวอย่าถามเราเรื่องนี้อีกนะ เราไม่ชอบน่ะ” ลลิตาหน้าเจือนลงไป และรีบขอโทษขอโพย “เราขอโทษนะฤดี เราก็แค่...” “ไม่เป็นไร แต่อย่าพูดอีกก็แล้วกัน” ดวงฤดีตัดบท และเดินนำหน้าไป ลลิตามองตามไปด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเร่งเท้าเดินตามไป แต่แล้วก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อความรีบร้อนทำให้หล่อนเกือบถูกรถหรูคันหนึ่งพุ่งเข้าชน “กรี๊ดดดด...” ร่างของหล่อนล้มลงกองกับพื้น ท่ามกลางสายตาแตกตื่นของเพื่อนๆ ร่วมมหาวิทยาลัยที่อยู่ในบริเวณนั้น โดยเฉพาะดวงฤดีที่รีบวิ่งกลับมาประคอง “หมิว... ไม่เป็นไรใช่ไหม” “ไม่... ไม่เป็นไรหรอกฤดี” หล่อนตอบเพื่อน ก่อนจะมองไปที่รถสปอร์ตคันงามที่เกือบจะคร่าชีวิตของตนเองด้วยความตื่นตระหนกไม่คลาย ก่อนจะตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นหน้าคนขับชัดเจน เขานั่นเอง... ผู้ชายที่วิ่งวุ่นอยู่ในหัวใจของหล่อนมาตั้งแต่วันนั้นที่สบตากันครั้งแรกในห้องเรียน แก้มนวลแดงจัด กลีบปากอิ่มเผยอค้าง และมองผู้ชายที่เดินมาหยุดยืนค้ำตระหง่านอยู่เหนือร่างด้วยความตื่นตะลึงลืมตัว ทำไมเขาหล่อแบบนี้นะ หล่อวัวตายควายล้มเลยทีเดียว หัวใจของหล่อนเต้นแรงโครมคราม สายตาของเขาทำให้ร่างกายของหล่อนร้อนวูบวาบราวกับถูกนาบด้วยก้อนถ่านร้อนจัด ทุกส่วนภายในกายสาวตื่นเร้าอย่างน่าอัศจรรย์ เต้านมที่อยู่ใต้บราเซียร์ตัวเก่าเบ่งบานและปลายถันชูชันจนน่าตกใจ ทำไมถึง... รู้สึกแบบนี้นะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD