“โชคดีของเราสองคนนะอาลี ที่หาผู้หญิงมาแทนนังนั่นได้ ไม่คิดว่านางจะใจเด็ดกินยาพิษฆ่าตัวตายไปก่อนจะถวายตัว ถ้าท่านมุสตาฟารู้เรื่อง ข้ากับเจ้าต้องโดนลงโทษแน่ที่ดูแลเครื่องบรรณาการไม่ดี”
“อย่าพูดมากน่าราจีฟ เดี๋ยวใครได้ยินเข้าเราจะเดือดร้อน ไปเถอะ เรารีบไปจัดการเอาศพนางไปฝังให้ไกลๆ จากที่นี่ ก่อนที่ใครจะรู้ว่านางบำเรอคนใหม่ที่กำลังจะถูกส่งไปเป็นตัวปลอม”
อาลีกับราจีฟสองทหารจอมโกหก รีบพากันกลับไปยังกระโจมที่ซ่อนศพของนางบำเรอจากแคว้นปาลีญ่า ผู้หญิงคนนั้นสวยจนพวกมันสองคนอดใจไม่ไหวพากันรุมโทรม ไม่คิดว่านางจะกินยาพิษฆ่าตัวตายหนีอาย ต่างจากหลายๆ นางก่อนหน้าที่พวกเขาทำแบบนี้ แต่ก็พากันไปถวายตัวเป็นนางบำเรอในฮาเร็มต่อโดยไม่กล้าบอกความจริงให้ใครรู้ ทั้งสองจึงย่ามใจกระทำการเลวร้ายแบบนี้อยู่เรื่อยมา
“นางผู้หญิงคนเมื่อกี้ นางงามกว่าผู้หญิงทุกคนที่ถูกนำเข้าถวายตัว อิจฉาองค์ราชาเสียจริงๆ” ราจีฟอดเสียดายไม่ได้
“เดี๋ยวท่านมุสตาฟายึดอำนาจได้เมื่อไหร่ เจ้ากับข้าค่อยเอานางมาเล่นสนุกกันก็ได้ รอให้ผ่านคืนนี้ไปเสียก่อน องค์ราชาจะได้เสพสุขเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตาย หึหึ”
อาลีแสยะยิ้ม นึกหยันผู้เป็นเจ้านายเหนือหัว เขาทั้งสองถูกส่งตัวมาติดตามองค์ราชาเพื่อเป็นหูเป็นตาแทนเจ้านายอย่างมุสตาฟา การเดินทางมาพักผ่อนครั้งนี้ขององค์ราชาเป็นแผนการของมุสตาฟาในการจะลอบปลงพระชนม์ในค่ำคืนนี้
เสนาบดีเฒ่ามุสตาฟาซึ่งเป็นที่ปรึกษาและผู้สำเร็จราชการแทนองค์ราชาตั้งแต่พระบิดาพระมารดาสิ้นพระชนม์ไป ราชาในวัยสิบขวบจึงต้องมีเสนาบดีผู้ใหญ่เป็นผู้สำเร็จราชการทำหน้าที่ดูแลงานให้ มุสตาฟาสั่งสอนให้ราชาองค์น้อยรู้จักเพียงความสุขสบาย พอเติบใหญ่ก็มอมเมาด้วยสุรานารีจนราชาฟารุคดินไม่สนใจการบ้านการเมือง มอบอำนาจให้มุสตาฟาดูแล ส่วนตนเองก็เสพสุขสำราญกาย ไม่รู้ว่ากำลังจะถูกกำจัดลงจากแผนการอันแยบยล
มุสตาฟาสั่งเก็บภาษีและบังคับให้ผู้ปกครองแคว้นต่างๆ ส่งบรรณาการเป็นทองคำและสาวงามมาถวายราชา จนทำให้ประชาชนเกลียดชังราชา แผนการลอบปลงพระชนม์ราชาและขึ้นครองราชเองของมุสตาฟาจึงได้เกิดขึ้น จากนั้นแผ่นดินแห่งอัสคารีญ่าจะอยู่ใต้อำนาจของเสนาบดีมุสตาฟา พวกเขาทั้งสองจะได้รับบำเหน็จตอบแทนความภักดีอย่างมากมาย แค่นางบำเรอในฮาเร็มขององค์ราชาทำไมมุสตาฟาจะให้พวกเขาไม่ได้ คิดแล้วอาลีอยากเร่งเวลาให้ถึงตอนนั้นไวๆ
มอลลี่ถูกพาตัวมายังห้องหนึ่งของกระโจมที่พัก นางพี่เลี้ยงแก่ได้เตรียมน้ำสำหรับแช่ตัวไว้ให้แล้วในถังไม้ใบใหญ่ มีเกสรดอกไม้หอมและน้ำปรุงกลิ่นหอมผสมอยู่เต็มถัง สูตรพิเศษในการดูแลความงามของหญิงสาวทุกนางที่จะถูกนำไปถวายตัว
“ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออก แล้วลงมาแช่ตัวในถังน้ำนี่”
นางพี่เลี้ยงบอกแม่มดสาว ขณะหยิบผงขัดตัวมาเตรียมไว้
มอลลี่ยืนนิ่ง ลังเลว่าควรจะทำตามที่อีกฝ่ายบอกหรือหาทางหลบหนีดี ตอนนี้เธออยู่เพียงลำพังกับหญิงชรา หากอาศัยพละกำลังที่มากกว่าก็จะสามารถพาตัวเองหลบหนีออกไปได้ แต่จะหนีรอดพ้นหรือเมื่อมีสองทหารตัวโตนั่น และยังจะทหารอีกหลายคนที่อยู่รอบๆ กระโจมนี้ สู้ยอมโอนอ่อนผ่อนตามไปก่อน แล้วค่อยหาทางหนีทีหลังคงไม่สาย คิดได้แบบนั้นมอลลี่จึงยอมเปลื้องผ้าลงไปแช่ในถังน้ำ
“เจ้าช่างงดงามจริงๆ ตั้งแต่ข้าทำหน้าที่พี่เลี้ยงให้หญิงสาวที่จะถวายตัว ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนงดงามเท่าเจ้ามาก่อน ดูสิผิวของเจ้าขาวผ่องราวกับน้ำนมบริสุทธิ์”
นางพี่เลี้ยงหยิบสมุนไพรมาขัดตามเนื้อตัวของแม่มดสาวไปปากก็พร่ำชมความงามของหญิงสาวไป นางดูแลผู้หญิงมามากมายแต่ไม่เคยมีใครมีผิวพรรณขาวผุดผ่องแบบนี้มาก่อน ผิวของนางบำเรอคนใหม่ขององค์ราชาทั้งขาวทั้งนุ่มเนียน ทรวงอกก็อวบใหญ่ปลายถันสีชมพูเม็ดกลมเล็กราวกับเม็ดไข่มุก นางพี่เลี้ยงดึงแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน สายตาสำรวจไปทั่วร่างเปลือยเปล่าอย่างชื่นชม งดงามไม่มีที่ติจริงๆ รูปร่างสมส่วนมีทรวงอกอวบงาม สะโพกผายหนั่นแน่นเหมือนผลแอปเปิ้ล เอวคอดเล็กหน้าท้องแบนราบ ดวงตาของหญิงชราเบิกกว้างขึ้นเมื่อมองเนินสามเหลี่ยมใจกลางร่างงาม มันอวบอูมราวกับหลังเต่า เส้นขนขึ้นเพียงบางตาปกคลุมส่วนสงวน มองโดยรวมถึงจะดูงดงามแต่องค์ราชาโปรดปรานความเรียบเนียนของส่วนนี้
“เจ้างามมาก แต่หากจะงามกว่านี้ข้าต้องจัดการกำจัดเส้นขนรกรุงรังของเจ้าออกเสีย ขึ้นจากน้ำแล้วไปนอนบนเตียง” พี่เลี้ยงหยิบผ้าผืนใหญ่ส่งให้แม่มดสาวเช็ดเนื้อตัว
มอลลี่ถอนหายใจแรงๆ จำต้องลุกออกจากน้ำ เธอชอบการขัดตัวมาก แล้วน้ำก็อุ่นสบาย กลิ่นก็หอมน่าแช่นานๆ นางมนุษย์แก่นี่ดันมาบอกให้ออกจากน้ำเสียได้กำลังสบายแท้ๆ
“เจ้าจะทำอะไรกับตัวข้าต่อ”
มอลลี่เอ่ยถามหลังจากมานอนรออยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว เธอผงกหัวมองพี่เลี้ยงแก่พบว่าอีกฝ่ายยกถาดใส่อุปกรณ์มาวางบนโต๊ะเล็กข้างเตียง มือเหี่ยวย่นหยิบถ้วยบรรจุน้ำมันสมุนไพรกลิ่นหอมเอียนมาถือไว้ แล้วเดินมายืนตรงปลายเตียง
“อ้าขาของเจ้าออก ข้าจะทาน้ำมันกำจัดขนให้ น้ำมันนี้มันจะทำให้ขนของเจ้าร่วงหล่น และไม่งอกอีกตลอดชีวิต”
มอลลี่ทำหน้าแหย มองถ้วยใส่น้ำมันสมุนไพรอย่างแปลกใจ มนุษย์นี่ประหลาดแท้ ชื่นชอบความเกลี้ยงเกลาจนถึงขั้นคิดกำจัดขนส่วนนั้นทิ้งเชียวหรือ ในดินแดนแม่มดไม่เคยมีการกำจัดขนบนร่างกายทิ้ง แม้แต่ผมก็ปล่อยให้ยาวโดยไม่ตัดออก ร่างกายของแม่มดก็ถูกจัดสรรค์ให้ออกมางดงามสมส่วน ทรงผม สีผม สีตาก็ล้วนถูกสร้างให้ออกมาแบบไร้ที่ติตั้งแต่กำเนิด มันจะไม่ยาวกว่าเดิมจึงไม่จำเป็นต้องตัดออก ขนบนส่วนสงวนของร่างกายก็เช่นกัน บางคนมีขนน้อย บางคนมีขนดก บางคนไม่มีขนเลย ไม่มีใครสนใจจะไปทำอะไรกับขนของตัวเอง แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกมนุษย์กำจัดขนออก มอลลี่รู้สึกกระอักกระอ่วนแต่ไม่อาจจะขัดขืนได้
“ทำไมต้องเอาขนออก มันน่าเกลียดตรงไหน” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย
“มันไม่น่าเกลียดหรอก แต่องค์ราชาชอบให้ตรงส่วนนี้ของนางบำเรอของพระองค์เกลี้ยงเกลา เจ้าอย่าถามให้มากความ เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้ว ข้าต้องเร่งจัดเตรียมเจ้าให้เสร็จทันเวลา”
นางพี่เลี้ยงตอบคำถาม แล้วก็จัดการจับหัวเข่าของแม่มดสาวให้ตั้งขึ้น แทรกตัวไปอยู่ตรงกลางหว่างขา แบะต้นขาให้แยกห่างแล้วจัดการป้ายน้ำมันขจัดขนไปทั่วเนินสาวจนทั่ว
“มันแสบๆ ร้อนๆ เช็ดมันออกได้ไหม ข้ารู้สึกไม่สบายตรงนั้น”
มอลลี่ดิ้นยุกยิก รู้สึกร้อนตรงเนินสาวจนต้องหยัดกายลุกขึ้นนั่งส่องดู ก่อนจะพบว่ากุหลาบสาวของเธอมันเยิ้ม เส้นขนโชกชุ่มไปด้วยน้ำมัน ครั้นจะเอาผ้ามาเช็ดออกก็พบกับสายตาดุๆ ของนางมนุษย์แก่ จำต้องอดทนให้อีกฝ่ายจัดการให้
“เอาละ ข้าจะเช็ดออกให้ น้ำมันคงซึมเข้าไปจัดการขนของเจ้าจนทั่วแล้ว”
นางพี่เลี้ยงหยิบผ้าสีขาวผืนเล็กในถาดออกมาเช็ดเอาเศษขนที่ร่วงหล่นทิ้ง ก่อนจะใช้ผ้าอีกผืนชุบน้ำมาทำความสะอาดให้จนไม่มีคราบน้ำมันติดอยู่ แล้วมองผลงานของตัวเองอย่างชื่นชม
“เกลี้ยงเกลางดงาม แบบนี้แหละองค์ราชาทรงโปรดนัก”
มอลลี่ก้มลงมองน้องสาวของเธอที่ตอนนี้โดนกำจัดขนจนไม่เหลือสักเส้น กรรมอะไรของเธอถึงได้มาเจออะไรพิเรนทร์แบบนี้ โลกมนุษย์มีแต่พวกประหลาด ยังจะองค์ราชาบ้ากามนั่นอีก เธอจะทำยังไงดี