ตอนที่ 10
เหมือนกับว่าผู้ชายคนนี้นั้นไม่ยอมมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับใคร โดยเฉพาะเพศตรงกันข้าม
จนกระทั่งว่าเวลาเนิ่นนานผ่านไป สำหรับคิ้วนาง ที่หล่อนมาจมปลักอยู่ที่นี่ กับเพื่อนรักมันเป็นสามทุ่มเข้าแล้ว ดึกเหลือเกินจึงสมควรที่จะกลับบ้านเพื่อพักผ่อนหลับนอนเสียที อีกอย่างในวันนี้ เธอก็ได้มาสัมผัสเห็นถึงอาชีพของสาวบริการกลางคืนที่ดูต่ำต้อยไร้เกียรติ
กระทั่งเสียงโทร.จากมือถือของพี่สะใภ้บุษราภรณ์ก็ดังขึ้น คิ้วนางจึงกดรับเพราะพี่สะใภ้สัญญาว่าจะขับรถมารับ
“ค่ะ พี่บุ้ง ตอนนี้นางก็ใกล้จะกลับแล้ว รออยู่นะคะ” และบุษราภรณ์นั้นได้ขับรถมาถึงกลางทางแล้วนั่นเพราะด้วยความเป็นห่วง หล่อนจึงอยากจะมารับเอง
“จ้ะ ถ้างั้นไม่ต้องกลับแท็กซี่นะเพราะพี่ใกล้จะมาถึงแล้ว”
บุษราภรณ์ไม่อยากให้น้องสาวสามีกลับแท็กซี่
“ค่ะ” ทำให้ต้องยืนคอยพี่สะใภ้
หากแต่ช่วงนั้นเป็นช่วงนาทีที่หล่อนไม่ทันคิดสักนิด ว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างก็จู่ๆ นั้นมีมือของใคร คนหนึ่ง ก้าวตรงมาพร้อมกับมาคว้าฉุดข้อมือหล่อนเสียอย่างนั้น หล่อนยังตะลึงและงง ด้วยท่าทีอุกอาจและทำให้ร่างของหล่อนปะทะเข้ามาประชิดอยู่กับอกแข็งแรงของเขา นั่นเอง คิ้วนางตกใจอย่างมากกับการกระทำ มักง่ายเช่นนี้ หากแต่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์นั้นโชยฟุ้งมาจากตัวเขา คราวนี้พอเห็นหน้าชัดก็ทำให้รู้ว่า เขาเป็นใครฮึ นายขี้เมาคนนั้นเอง
และพร้อมกันนั้นร่างของคิ้วนางก็พยายามหาทางดิ้นรนเพื่อสะบัดตัวเองให้หลุดจากการคุกคามถึงเนื้อตัวอย่างมักง่ายแบบนี้ แน่นอนคิ้วนางโกรธจัดเพราะหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน
“ปล่อยฉันนะคุณถือสิทธิ์อะไรที่จะมาแต๊ะอั๋งฉันแบบนี้” พอได้สติคิ้วนางจัดการด่าอบรมออกไปเพื่อปกป้องตัวเอง
“นี่ ถ้าเมา ก็รีบกลับไปบ้านสิคุณ”
คำพูดนี้เขาได้ยินหากแต่เขาทำหูทวนลม พร้อมกันนั้นก็ยังขยับฝีเท้า เพื่อที่จะก้าวตามมาหาหล่อนอีกครั้ง คนบ้า นี่ ดื้อรั้นชะมัด สงสัยคิ้วนางต้องใช้วิธีรุนแรงเสียแล้ว
เขาจะเปรียบหล่อนเหมือนดอกไม้ริมทาง
“ทำเป็นดีดดิ้น ฮึ หรือว่าอยากจะโก่งค่าตัวให้มันสูงกันแน่ งั้นแล้วมันจะซักเท่าไหร่กันกับคืนนี้ ฉันจะเหมาจ่าย พาไปขึ้นสวรรค์กับฉัน กันทั้งคืน”
ริมฝีปากของคิ้วนางสั่นระริกเมื่อได้ยินคำนั้นดูถูกหล่อนมากไปแล้ว สุดที่จะทนได้
ไม่ต้องปล่อยให้เขาพูดจบฝ่ามือของหล่อนฟาดเข้าไปเต็มใบหน้าทันทีเขาเองก็รู้สึกเจ็บจนชาแต่ก็ยังรั้นพูดอีก
“ก็มันเท่าไหร่กันค่าตัวที่เธอเสนอมาฉันจะจัดให้ เถอะน่า รับรองว่าฉันทุ่มเต็มที่เลยอีหนู”
เป็นเพราะฤทธิ์เมาที่ทำให้ชายหนุ่มกล้าพูดแบบนี้พร้อมกันนั้นยังส่งนัยน์ตาพราวกรุ้มกริ่มเหมือนเห็นว่าหล่อนนั้นเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือในยามนี้
“นี่ บ้าหรือไง ฉันไม่ใช่ อีตัวนะ”
หล่อนเริ่มขึ้นเสียงและด่ากลับไป
“ฮึ ไม่จริงมั้ง โกหกหรือเปล่า มันรายได้พิเศษหรอกน่า ฉันรู้ทันพวกเธอ” เมื่อเขาตอบโต้แบบนี้ เลยทำให้คิ้วนางก็ชักจะเหลืออดเหลือทนเช่นกัน
“งั้น ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับแก”
“นึกว่ากลัวหรือไง ฮึแค่พวกนักศึกษาอยากรวยทางลัด”
หากแต่ คิ้วนาง หล่อนเป็นคนไม่ยอมใครเสียด้วยสิ
“ไอ้” ขยับปากจะด่าออกไป แล้วในเวลานั้น ก็มีรถยนต์ที่คุ้นสายตาแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆพอดีและแน่นอนเป็นรถของพี่สะใภ้บุษราภรณ์ที่ตั้งใจจะมารับหล่อน น้องสาวสามี เพราะสัญญาเอาไว้ พลพยุห์ตอนนี้หลับสนิทอยู่ในบ้าน บุษราภรณ์นอนไม่หลับ หล่อนนั่งดูรายการทีวี จนถึงเวลามารับน้องสาวสามีเพื่อกลับบ้าน
“อ้าว นาง นี่ มันเกิดอะไรขึ้น” นั่นไง คือ เสียงของบุษราภรณ์ ที่หล่อนเห็นแล้ว กับท่าทีที่ดูตกใจของคิ้วนาง เหมือนกำลังถูกใครคุกคามและคิ้วนางพยายามจะดิ้นรนวิ่งหนีเมื่อเห็นดังนั้นบุษราภรณ์จอดรถพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา และก็สามารถที่จะแลเห็นใครคนหนึ่ง ตัวสูงและร่างของเขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เลยทำให้หล่อนอุทานออกมา เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเขา ณ ที่นี้
“เอ้อ คุณทิต” และน้ำเสียงนั้น ก็ทำให้เจ้าของชื่อที่ถูกเรียก ก็หันขวับไปมองทันที เมื่อเห็นแล้ว ตัวเขาก็รู้สึกตกใจอยู่บ้างนิดหนึ่งและมันก็เหมือนกับไม่น่าเชื่อที่จะได้พบกันอีกครั้งในเวลานี้ ไม่ต้องบอกเหตุผลซึ่งหล่อนเข้าใจดี
“บุษ”
“อ้าว นี่ คุณ มาทำอะไรที่นี่ล่ะคะ”
หากแต่บุษราภรณ์ก็พูดตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ
หากแต่ฝ่ายหล่อนคิ้วนางนั้นแสนจะตกใจและสับสนอยู่ในใจพอสมควรเมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตรอย่างนั้นเธอเลยต้องเดาเอาว่าเรื่องนี้พี่สะใภ้ของเธอต้องรู้จักกับนายจิตทรามคนบ้ากามคนนี้อย่างแน่หากแล้วทำให้คิ้วนางต้องเป็นฝ่ายที่หยุดยืนนิ่งบ้างและในขณะนี้ใจคอของหล่อนนั้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
เมื่อวาทิตเอ่ยถามบุษราภรณ์กลับไป
“คุณล่ะ มาทำอะไรที่นี่”
และบุษราภรณ์ก็ชะงัก หล่อนสมควรบอกเขาดีหรือเปล่า ในความเป็นจริง จึงตัดสินใจตอบ
“มารับน้องสาวค่ะ”
และทำให้วาทิตขมวดคิ้ว
“ฮึ น้องสาวคนไหนอีกล่ะ”
“ผู้หญิงที่กำลังทะเลาะกับคุณอยู่เดี๋ยวนี้ไง”
ก็เลยพลอยทำให้วาทิตนั้นต้องตกใจและก็เช่นเดียวกับคิ้วนาง ที่หล่อนไม่นึกว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้
“อ๋อ ผู้หญิงคนนี้หรือ ผมนึกว่าไก่หลงทาง”
คือคำกล่าวอ้างของเขาที่ดูตลก
“นางจะจัดสินใจแจ้งความเอาผิดผู้ชายคนนี้”
คิ้วนางเอ่ยประกาศ ต่อหน้าเขาและพี่สะใภ้
ครั้นเมื่อบุษราภรณ์นิ่งพยายามคาดเดาเรื่องทั้งหมดแต่ว่าหล่อนก็สงสารวาทิตเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรในสายตาของหล่อน เพราะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ดังนั้นหล่อนจึงได้เอ่ยขอร้องเพื่อไม่ให้คิ้วนางนั้นไปเอาเรื่องเอาราวตัวเขา เพราะหล่อนก็สำนึกถึงบางอย่าง ที่หล่อนก็ทำผิดกับวาทิต
“เถอะนะจ้ะพี่ขอเถอะนะจ้ะนางเพราะคนนี้พี่รู้จักเขาดี คิดว่าบางทีนะ เขาอาจจะแค่แกล้ง เธออย่าไปถือสาเลย ”
ผู้ชายคนนั้นกำลังจะจากไปแล้วนี่ เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น