บท1เหนือภูผา

1455 Words
"ทานข้าวหน่อยนะลูก" คุณหญิงมลทิพย์รีบป้อนข้าวต้มที่ยังเหลืออยู่เต็มถ้วยเพราะลูกชายแทบไม่แตะมันเลย "ผมไม่หิว" "ลูกอย่าเครียดไปเลยนะ หมอบอกว่าอีกไม่นานอาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้น" "ผมอยากอยู่คนเดียวครับแม่" "แต่ว่า" "ให้ลูกพักผ่อนเถอะ" พ่อเลี้ยง 'พงษ์พัฒน์' อดีตเจ้าของไร่ส้มจับไหล่บางของเมียรักเอาไว้เชิงห้าม เขาเข้าใจในความรู้สึกลูกชายตัวเองดีว่าเจ็บปวดแค่ไหนที่อยู่ๆ ต้องมามองไม่เห็นแบบนี้ แม้จะมองไม่เห็นแต่ประสาทสัมผัสทางหูก็ได้ยินเสียงคนเดินออกไป ภูผายกมือขึ้นแตะเบาๆ บนผ้าพันแผลสีขาวซึ่งพันรอบดวงตา เขาไม่มีน้ำตาสักหยด แต่มันเจ็บและสมเพชตัวเองมากเหลือเกิน "อาการของคุณภูผาดีขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้วนะครับ วันนี้หมอจะถอดผ้าพันตาออกให้" เสียงอาจารย์หมอเจ้าของไข้พูดขึ้น พร้อมกับใช้มือค่อยๆ แกะผ้าและอุปกรณ์ปิดดวงออก ความมืดมิดทำเอามือหนากำหมัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์ "เมื่อไหร่ผมจะมองเห็น" น้ำเสียงติดเย็นชา เอ่ยถามอาจารย์หมอประจำตัวที่ดูแลเขาอยู่ "เรื่องแบบนี้คงต้องใช้เวลา แต่โชคดีที่ดวงตาไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมาก ทำให้มองไม่เห็นแค่ชั่วคราว อีกไม่นานระดับการมองเห็นจะค่อยๆ ดีขึ้นครับ" หลายวันที่ชายหนุ่มต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เขานั่งทอดขาลงบนเตียงคนไข้ หูทั้งสองข้างได้ยินเสียงคนเดินไปมาเข้าออกห้องอยู่เป็นระยะ "พ่อเลี้ยงครับ เดี๋ยวผมประคองพาไปแต่งตัวครับ" ลูกน้องคนสนิทอย่าง 'มืด' เดินมาประคองเจ้านายหนุ่มอย่างระมัดระวัง เขารีบหาเสื้อและกางเกงมาใส่ให้ร่างสูงตรงหน้า "มึงเป็นอะไร" เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเบาๆ ทำเอาภูผาเอ่ยถามติดรำคาญ เขาไม่อยากให้ใครมาสงสารหรอกนะ "ผมขอโทษครับพ่อเลี้ยง" "รีบๆ กูเบื่อจะอยู่ที่นี่เต็มทนแล้ว" "ครับ รถมารออยู่หน้าโรงพยาบาลแล้วครับ" "ยกเลิกงานแต่ง!" เสียงของคุณหญิงเจ้าของไร่ส้มถามอย่างตกใจ เธอมองคนตรงหน้าอย่างจับผิด "พอดีว่ายัยป่านได้ทุนไปเรียนต่อโทที่อเมริกา ทางดิฉันก็ไม่อยากจะขัดลูก" "แล้วเรื่องหนี้สินที่จะให้พวกฉันช่วยแปลว่ายกเลิกด้วยใช่ไหม" "เปล่านะคะ! แต่จะให้ยัยปิ่นลูกสาวคนเล็กมาแต่งแทน" ร่างบอบบางโดนผลักออกมา มือเรียวรีบยกมือขึ้นสวัสดีชายหญิงตรงหน้าทั้งสองด้วยความนอบน้อม "หนูชื่อปิ่นเหรอ" "ค่ะ หนูชื่อปิ่นมุกค่ะ" "จะมาแต่งแทน แล้วรู้หรือเปล่าว่าลูกชายฉันตามองไม่เห็น" "ทราบค่ะ" คุณหญิงมลทิพย์มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู ใบหน้าหวานที่แต่งเติมเครื่องสำอางน้อยนิด แต่กลับน่ามองกว่าคนที่เกือบจะแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้เสียอีก ไม่อยากจะยอมรับว่าเธออยากได้คนตรงหน้ามาเป็นลูกสะใภ้ตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้าคาตาตอนไปทาบทามแล้ว วันนั้นยังรู้สึกเสียดายไม่ใช่น้อยที่ได้อีกคนมา สงสัยดวงคงจะสมพงษ์กัน! ดวงตาคู่สวยตวัดมองหญิงสาวรุ่นลูกที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังแม่ตัวเอง "ดีจัง ต่อโททั้งๆ ที่เรียนไม่จบปริญญาตรี" น้ำเสียงเรียบเย็นพูดขึ้นอย่างรู้ทัน ทำเอาสองแม่ลูกยืนเหงื่อตก ป่านแก้วรีบเงยหน้ามองหญิงมีอายุด้วยแววตาถือดี อวดฉลาด! "งั้นหนูปิ่นรีบเก็บของ พรุ่งนี้ฉันจะให้คนมารับไปเชียงราย" "ไปพรุ่งนี้เลยเหรอคะ" "ใช่จ้ะ เรื่องงานแต่งคงต้องเลื่อนไปก่อน เพราะลูกชายของฉันยังไม่หายดี" "ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ ให้ยัยปิ่นไปดูแลตาภูผาที่ไร่ก่อนก็ดีเหมือนกันนะคะ" ปิ่นมุกหันมองแม่ตัวเองที่ยืนยกยิ้มกว้าง โดยไม่ถามความเห็นเธอเลยสักคำ หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างสมเพชกับชีวิต "ส่วนเรื่องเงิน ฉันจะให้คนมาจัดการให้" มือเล็กยกขึ้นลูบศีรษะเด็กสาวตรงหน้าแผ่วเบา ก่อนจะยกยิ้มกว้างให้กับว่าที่นายหญิงไร่ส้มคนใหม่ "แล้วเจอกันจ้ะ ลูกสะใภ้คนสวย" ปิ่นมุกกลับมาถึงบ้านเกือบจะค่ำ เพราะต้องออกไปซื้อของใช้ต่างๆ เพื่อเตรียมตัวไปเชียงรายในวันพรุ่งนี้ "อีแก่นั้นมันคงรู้ว่าหนูไม่อยากแต่งกับลูกชายตาบอดของมัน" "พูดให้มันดีๆ หน่อยยัยป่าน" แม้จะตามใจลูกสาวคนโตทุกอย่าง แต่คนเป็นแม่กลับนิ่งเฉยไม่ได้เมื่อได้ยินคำหยาบคายแบบนั้นออกมา "ป่านไม่พูด หึ ยัยคุณนายนั้นสงสัยคงจะชอบยัยปิ่นมากกว่าป่านเสียอีก" ทั้งท่าทาง น้ำเสียงที่เอ็นดูน้องสาวของเธอทำเอาร่างบอบบางหงุดหงิดขึ้นมาทันที ความรู้สึกขี้อิจฉาผุดขึ้นจากใต้จิตสำนึกทุกครั้งเมื่อเห็นคนน้องได้ดีกว่าตัวเอง "ก็ดีแล้วนิ น้องแกจะได้ไปอยู่กับเขาโดยไม่มีปัญหาอะไร" "แต่เราก็คิดถูกนะคะแม่ ปิ่นมันเหมาะกับพวกป่าพวกเขาถิ่นบ้านนอกแบบนั้น" "แม่ง่วงแล้ว ไปนอนก่อน" ปิ่นมุกนั่งพับเสื้อผ้าใส่ลงกระเป๋า หูทั้งสองข้างได้ยินทุกคำพูดของพี่สาวที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ความรักที่มอบให้น้องสาวอย่างเธอมีอยู่น้อยนิดจนแทบมองไม่เห็น ร่างเล็กลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา ก่อนจะส่งให้คนขับรถยกใส่ท้ายรถ ดวงตาคู่สวยหันมองไปหน้าประตูบ้านอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเห็นแม่ตัวเองเดินเข้ามาใกล้ๆ ปิ่นมุกยืนแข็งทือเมื่อโดนสวมกอด มือเรียวค่อยๆ ลูบแผ่นหลังลูกสาวคนเล็กแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิด "ถึงแล้วโทรมาหาแม่นะ" ใบหน้าหวานพยักหน้าตอบ ทันทีที่ขึ้นรถ มือเล็กรีบปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างทำนบแตก ความรู้สึกน้อยใจ ความกลัว จู่โจมเข้ามาจนหญิงสาวตั้งรับไม่ทัน นานหลายชั่วโมงที่แววตาเลื่อนลอยมองสองข้างทางด้วยความรู้สึกหวั่นๆ เขาคนนั้นจะดีกับเธอหรือเปล่านะ สิ่งตรงหน้าเรียกความสนใจจากหญิงสาว ดวงตากลมโตเพ่งมองป้ายข้างหน้าเมื่อรถตู้หรูเลี้ยวเข้าไป 'ไร่ส้มเหนือภูผา' ปิ่นมุกเกาะขอบกระจกรถเพื่อมองต้นไม้ที่มีลูกสีส้มเต็มไปหมด ไร่ที่นี่กว้างมากกว่าที่เธอคิดเสียอีก แถมคนงานในไร่มีเยอะจนตาลายไปหมด "ถึงแล้วครับนายหญิง" คำสรรพนามที่เรียกทำเอาร่างเล็กยิ้มแห้งส่งไป ขาเรียวสวยค่อยๆก้าวลงจากรถ คนงานในไร่และอีกหลายๆ คนยืนเข้าแถวต้อนรับเธออย่างอบอุ่น "สวัสดีค่ะนายหญิง/สวัสดีครับนายหญิง" เสียงพร้อมเพรียงพูดขึ้น หญิงสาวรีบยกมือขึ้นรับไหว้คนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเคาะเขิน "อิจฉาพ่อเลี้ยงเนอะ นายหญิงทั้งสวย ทั้งอ่อนหวาน" "ใช่ๆ ขาวอย่างกับหลอดไฟเลย" "สวยอย่างกับดาราในทีวีเลยเนอะ" เสียงกระซิบหันไปพูดกัน เมื่อได้เห็นนายหญิงไร่ส้มคนใหม่ ก่อนจะรีบทำหน้าแตกตื่นเพราะได้ยินเสียงข้าวของดังจากบนห้องชั้นสองของบ้าน "เสียงอะไรคะ" ปิ่นมุกชะงักขาทันทีที่ได้ยินเสียงของหล่นแตกข้างบน พร้อมกับเหล่าคนงานในไร่ต่างหน้าเสียขึ้นหลังจากได้ยินคำถามนั้น "กูบอกให้ออกไป!" เสียงตวาดลั่น ทำเอาร่างกำยำของลูกน้องคนสนิทอย่างไ****ดวิ่งหนีตายออกมา "พ่อเลี้ยงไม่กินข้าวอีกแล้ว" "ไอ้มืด นี้คุณปิ่นมุก นายหญิงคนใหม่" 'ป้าหญิง' แม่บ้านคนเก่าแก่รีบเอ่ยบอกลูกชายที่วิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องเจ้านายหนุ่ม "นายหญิงเหมือนฟ้ามาโปรด ช่วยหว่านล้อมให้พ่อเลี้ยงทานข้าวหน่อยเถอะครับ" "เดี๋ยวค่ะๆ เกิดอะไรขึ้นคะ แล้วเสียงดังข้างบนนี้คืออะไร" ปิ่นมุกมองกองลูกน้องที่ยืนทำหน้าละห้อย เธอรีบเดินขึ้นมาชั้นสองของบ้าน มือเล็กเปิดประตูออกก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาทำเอาหญิงสาวอดที่จะเผลอมองไม่ได้ "กูบอกว่าไม่กินไงไ****ด!!" เพล้ง! "ว้าย!" ​​​​​​ร่างบอบบางรีบกระโดดหลบแก้วน้ำที่ถูกปามาชนผนังจนแตกกระจาย เสียงกรีดร้องไม่คุ้นเคยทำเอาภูผาชะงักค้าง . . .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD